CBOX เสรีชน

22 กุมภาพันธ์, 2552

คนงานตก ถังสารเคมี "ฟอกหนัง" สยอง2ศพ

ข่าวสด
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552



สลด คนงานโรงงานฟอกหนังปากน้ำจมถังผสมสารเค มีเสียชีวิตอนาถ 2 ศพ ขณะเทสารเคมีผสมลงไปในถัง ถุงหล่น จึงลงไปเก็บ ก่อนจะหายไป เพื่อนอีกคนพยายามช่วยเหลือ ก่อนจะหายไปทั้งสองคน คาดสูดพิษจนขาดอากาศหายใจ

เมื่อ เวลา 08.30 น. วันที่ 21 ก.พ. ร.ต.ท.สุนทราพร จาตูม ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งพบศพคนงานในถังปั่นหนัง ภายในโรงงาน บริษัท ทวีชัยแทนเนอรี่ จำกัด เลขที่ 182 ม.1 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการรุดไปยังที่เกิดเหตุ

ภาย ในโรงงาน ที่บริเวณถังปั่นหนังแบบกลมที่มีอยู่ด้วยกันจำนวน 7 ถัง ที่ทำด้วยไม้เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร ถังที่ 3 เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อนายทวีป ศิริอ่อน อายุ 36 ปี บ้านเดิมเลขที่ 48 ม.2 ต.หนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท สภาพศพนุ่งกางเกงในตัวเดียว และนายสิทธิโชติ ฝอดสูงเนิน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 842 ม.3 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียวเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงนำศพทั้ง 2 ออกมาจากถัง ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลทั้ง 2 คน

จากการสอบสวนนายอารี คนทองเมือง อายุ 44 ปี หัวหน้าคนงานซึ่งพบศพคนแรกให้การว่า ถังดังกล่าวเป็นถังที่ใช้ผสมสารเคมีเพื่อทำการฟอกหนัง เมื่อตอนเช้าวันนี้ ตนมาตรวจตามถังจนมาถึงถังดังกล่าว พบศพคนงานทั้ง 2 คนที่ตกไปในถังดังกล่าว จึงรีบแจ้งโรงงาน

พบว่าในโรงงานมีกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา นายทวีป ผู้เสียชีวิตคนแรก นำสารเคมีมาเทใส่ในถัง ขณะกำลังใส่สารเคมีอยู่นั้น ถุงสารเคมีหล่นลงไปในถัง นายทวีปจึงลงไปเก็บถุงสารเคมี ทำให้หล่นลงไปในถัง ขณะเดียวกัน นายสิทธิโชติเดินมาพบจึงลงไปช่วยนายทวีป แต่ภายในถังไม่มีอากาศหายใจ ทำให้นายสิทธิโชติหล่นลงไปเสียชีวิตด้วยกัน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบศพให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อผ่าศพตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

โอเพนซอร์สของไทยทำไมไปไม่ถึงไหน





เผลอเดี๋ยวเดียวก็เข้ามาอยู่ในวงการโอเพนซอร์สบ้านเราก็เกือบ 10 ปีเข้าไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้เห็นได้เจออะไรมากมาย ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ใครรู้จักโอเพนซอร์สเลย เรื่อยมาจนถึงสมัยที่โอเพนซอร์สโด่งดังทำท่าว่าจะมีอนาคตอันสดใส แต่จนแล้วจนรอดมันก็กลายเป็นแค่พลุที่ลอยขึ้นสูงแตกออกแล้วก็จางหายไป เรื่องนี้น่าเป็นห่วงมากหากจะยังปล่อยวางเอาไว้แบบนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเสียเงินไปซื้อพลุมาจุดอีกมากเท่าไร หรือจะต้องรอจุดเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ (หรือไม่ก็ลอยกระทง)

เรามาลองค้นหาคำตอบด้วยกันไหมว่าทำไมโอเพนซอร์สในบ้านเราเป็นได้แค่ “พลุ” หนึ่งในคำตอบก็คงจะเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดตั้งแต่แรกว่าโอเพนซอร์สนั้น เป็นของฟรีไม่เสียเงิน แทนที่จะมองว่าโอเพนซอร์สเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมหรือการให้ (contribute) หลายคนบอกว่าเรื่องนี้ต้องไปโทษหน่วยงานที่ทำการโปรโมทให้ใช้โอเพนซอร์สที่ เอะอะก็ยกเรื่องฟรีขึ้นมาเป็นตัวนำ ทำเอาหลายคนเข้าใจว่านี่คือของฟรีที่ดีที่สุดในโลก พอเอาเข้าจริงๆ ก็กลายเป็นของฟรีที่ไม่ดีจริงไปซะอย่างนั้น

จะโทษหน่วยงานที่โปรโมทก็ไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าข้อความแบบนี้มันส่งผลเร็วทันใจ คนจำนวนไม่น้อยที่พากันเฮโลเข้ามาลองของกันมากมาย แต่ด้วยความคาดหวังที่สูงมากๆ ทำให้ต้องผิดหวังแรงๆ เช่นกัน ก็โอเพนซอร์สไม่ใช่ของวิเศษที่จะแก้ปัญหาหรือทำงานให้ถูกใจใครไปได้ทั้งหมด แท้จริงแล้วมันเป็นสังคมของการแบ่งปันและมีส่วนร่วม ยกตัวอย่างเช่นหากใช้งานแล้วพบว่ามีข้อผิดพลาดหรือ errror คนใช้งานที่เข้าใจโอเพนซอร์สก็จะทำการรายงานข้อผิดพลาดกลับไปยังทีมพัฒนา เพื่อทำการแก้ไข (และคนอื่นที่มาใช้ทีหลังจะได้ไม่ต้องเจอปัญหาแบบนี้อีก) ยิ่งทำซอฟต์แวร์ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้น แต่เสียดายที่คนไทยน้อยคนนักที่จะทำแบบนี้ ตรงกันข้ามเวลาที่เจอปัญหานอกจากจะไม่ทำการแจ้งข้อผิดพลาดเท่านั้นยังไม่พอ ยังทำการเมาท์ทูเมาท์กันไปอีกว่า "ห่วย" ซึ่งการกระทำแบบนี้มันไม่แฟร์กับโอเพนซอร์สเลย ในสถานะการณ์เดียวกันถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกลับซอฟต์แวร์ชื่อดังจาก Redmond การไม่แจ้งข้อผิดพลาดกลับก็เป็นสิ่งที่ทำเหมือนกัน แต่ไม่มีการเมาท์ทูเมาท์ต่อแต่อย่างไร หรือถ้าเกิดไปปรับทุกข์เรื่องนี้กับคนรอบข้างก็จะได้คำตอบว่า "ธรรมดามันเป็นเรื่องธรรมดา" เฮ้อ...คิดแล้วเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก

นั่นคงจะเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมเรื่องโอเพนซอร์สในบ้านเราถึงไม่แพร่หลาย มากอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่ประเทศเพื่อนบ้านเริ่มทีหลังแต่ก็ดูแล้วก้าวหน้าเป็นหลักเป็นฐานมากกว่า บ้านเรานัก พอถามความเห็นเรื่องนี้หลายคนก็ให้คำตอบคล้ายๆ จะโยนความผิดไปให้ระบบการปกครองกันเลยทีเดียว บอกว่าเวียดนามถ้านายพลสั่งว่าลีนุกซ์ก็ลีนุกซ์กันทั้งประเทศ แม้แต่จีนกับคิวบาก็ว่ากันไปว่าระบบการปกครองเอื้ออำนวย (น่าตกใจไหมครับว่าซอฟต์แวร์แห่งเสรีภาพที่เกิดจากชุมชนกลับไปเบ่งบานที่ ระบบสังคมนิยม)

แต่ประเทศในยุโรปที่เป็นประชาธิปไตยโอเพนซอร์ส์ก็ได้รับการยอมรับอย่าง มากมาย นี่คงพอจะตอบได้ว่าเรื่องของระบบการปกครองประเทศไม่น่าจะเกี่ยวข้อง กับเรื่องนี้... แล้วมันอยู่ที่ตรงไหนดีละ เอาเป็นว่าเปิดใจกันอย่างแฟร์ๆ ผมว่าคนไทยหลายคนยังไม่พร้อมที่จะรับโอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ไปใช้ ส่วนใครที่เข้าใจและพร้อมใช้งานแล้วก็ขอแสดงความยินดีด้วย ส่วนใครที่ยังไม่เข้าใจคงต้องรอให้ซอฟต์แวร์เถื่อนหมดไปจากประเทศหรือไม่ก็ รอให้ BSA ไปจับ แล้วคุณหละคิดว่าทำไมโอเพนซอร์สบ้านเราถึงไม่คืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น...

มาดู Go-OO! กัน



Go-OO เป็น Open Office ที่นำเอาคุณสมบัติอย่าง OpenXML และการใช้งานไฟล์เอกสารเพื่อให้ Open Office ทำงานกับไฟล์เอกสารของ Microsoft Office ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่นการใช้ field นอกจากจะทำงานได้ดีกับไฟล์เอกสารตระกูล Office แล้วการเปิดใช้รูปภาพรจาก WordPerfect ก้อทำได้ดียิ่งขึ้นด้วย อ้อและที่สำคัญหากไฟล์ Excel ของคุณมีมาโคร VBA Go-OO ก้อสามารถรันมาโครนั้นได้ทันที หาคุณกำลังคาดหวังกับการเปลี่ยนมาใช้ Open Office และยังกังกลกับการคำนวนบน Excel หรือกังวลกับเอกสารที่มีไฟล์ Visio พ่วงอยู่ในเอกสารแล้วจะทำงานบน Open Office ไม่ได้ Go-OO คือทางออกของคุณครับ :)

Go-OO มาพร้อมกับหน้าจอโปรแกรมที่คล้ายกับ Open Office แตกต่างกันเพียงนิดหน่อย ซึ่งจากจากจะแก้ปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของเอกสาร Go-OO ยังสามารถใส่มัลติมีเดียที่ใช้งานกันบน Linux ได้อย่างง่ายดาย เช่น ไฟล์มัลติมีเดียบน GStreamer, SVG, 3D trasitions เป็นต้น การแสดงผลเอกสารภาษาจีนที่ถูกต้องสมบูรณ์ และยังไม่หมดเพียงแค่นี้ Go-OO ยังทำงานได้กับ file selector บน Linux ได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานโปรแกรม

Go-OO ทำงานได้เร็วตั้งแต่โหลดโปรแกรมมีโปรแกรมฝังตัวใน System Tray เพื่อให้ง่านในการเรียกใช้โปรแกรม ซึ่งโดยปกติบน Linux ไม่มี ทำให้การทำงานของ Go-OO ทำงานบน Linux ได้เร็วมากขึ้น ใช้ memory น้อยลง ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น หากคุณเป็น Contributor ต้องการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ หรือแก้ไขบักใน Go-OO ก้อสามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ซึ่ง Go-OO มีทีมงาทคอยจัดการเรื่อง code review เพียงแค่ส่ง patch ผ่านทางระบบ mailling list เท่านั้น ไม่ต้องกังวนเรื่อง patch ไม่ดีเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือในการปรับปรุง patch ของคุณ Go-OO เลือกใช้ LGPLv3 และ CDDL เป็นสัญญาอนุญาติทำให้โค้ดยังคงอยู่มีการพัฒนาเพิ่มเติมได้และมีการปรับปรุง ได้ง่ายและที่สำคัญสามารถพัฒนาให้สามารถทำงานได้กับ ชุดโปรแกรม Office อื่นๆ ได้

มาดูคุณสมบัติเด่นใน Go-OO กัน

SVG Support



3D transitions



Rich fields support


Startup performance


Unix systray quick-starter


Calc solver


Excel interoperability


VBA support


Mono integration


GStreamer integration


Text Grid rendering


EMF rendering


MS-Work import


WordPerfect Graphics import


ที่มา - Go-OO

Openoffice 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว




10/14/2008

ในวันนี้ ทีมงาน OpenOffice.org ออกมาประกาศว่าสามารถ OpenOffice.org 3.0 รุ่นเต็มได้แล้วจากหน้าเว็บไซต์
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก (OpenOffice.org หรือ OO.o) เป็นชุดซอฟต์แวร์สำนักงาน ซึ่งใช้เตรียมเอกสาร และงานทั่วไปในสำนักงาน นอกจากนี้ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก ก็ยังเป็นชื่อขององค์กรที่ตั้งขึ้นมา เพื่อดูแลและพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวนี้อีกด้วย
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส คือ เปิดให้ผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมพัฒนาได้ในประเทศไทย มีการนำ โอเพนออฟฟิศดอตอ็อกมาพัฒนาต่อเพื่อให้ใช้งานภาษาไทยได้ โดยสองตัวหลักที่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง คือ ปลาดาวออฟฟิศ ที่สนับสนุนโดย ซัน ไมโครซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) และ ออฟฟิศทะเล ที่พัฒนาโดยเนคเทค


โอเพนออฟฟิศดอตอ็อกตั้งแต่รุ่น 2.0 เป็นต้นไป จะจัดเก็บเอกสารตามมาตรฐาน OpenDocument ซึ่งเป็นมาตรฐานเอกสารแบบเปิด และไม่ขึ้นกับโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง (สามารถเปิดแก้ไขด้วยโปรแกรมอื่นนอกเหนือจากโอเพนออฟฟิศดอตอ็อกได้)
และตอนนี้ OpenOffice ได้ปล่อยเวอร์ชั่น 3.0 รองรับทั้ง Windows Mac Linux หน้าตาการใช้งานที่ง่ายขึ้น และรองรับภาษาไทย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่อยากจ่ายค่าลิขสิทธิ์แพงครับ



โปรแกรมในชุดมีดังนี้...
- Writer โปรแกรมประมวลผลคำ คุณภาพเทียบเท่ากับ Microsoft Word หรือ WordPerfect อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ export ไฟล์ เป็น PDF ได้ทันที
- Calc สเปรดชีต คุณภาพเทียบเท่า Microsoft Excel หรือ Lotus 1-2-3
- Impress โปรแกรมนำเสนอ คุณภาพเทียบเท่า Microsoft PowerPoint และมันยัง export presentations to Adobe Flash ได้อีกด้วย
- Draw โปรแกรมวาดภาพแบบเวกเตอร์ คุณภาพเทียบเท่า CorelDRAW ครับ
- Base' โปรแกรมฐานข้อมูล คุณภาพเทียบเท่า Microsoft Access

ใน OpenOffice.org 3.0 นั้นได้เปลี่ยน Graphic ไปมากมายหลายจุด ตั้งแต่หน้า Splash จนถึงไอคอนต่างๆ ซึ่งธีมชุดใหม่นี้มืีชื่อว่า Galaxy และยังได้เพิ่ม Start Screen
ขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งในโปรแกรมต่างๆก้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย ดังนี้

- Writer - มี Slider สำหรับซูมเอกสารที่ดีกว่าเดิม (จากจดหมายข่าวบอกมาอย่างนั้น) ผู้ใช้สามารถแสดงเอกสารหลายๆหน้าในระหว่างแก้ไขเอกสารได้ และมีการรองรับการทำงานแบบหลายภาษาที่ดีขึ้น

- Calc - เพิ่มคอลัมน์ ให้รองมากขึ้นถึง 1024 คอลัมน์ มีระบบการแก้สมการที่ดีขึ้น และมีการเพิ่มคุณสมบัติบางประการเกี่ยวกับการใช้งานหลายคน

- Draw - สามารถใช้วาดภาพขนาดโปสเตอร์ได้แล้ว (ขนาดสูงสึุดคือ 3 ตารางเมตร)

- Impress - สามารถแสดง Presentation ในหลายๆจอได้ และแก้ไข Chart ให้ดูสบายตากว่าเดิม

ฟังก์การส่งออกเอกสารเป็น PDF ก็ได้รับการปรับปรุง โดยจะสนับสนุนเอกสารแบบ PDF/A เพิ่มเข้ามา และผู้ใช้สามารถปรับออพชั่นของเอกสารได้

นอกจากนี้ OOo3.0 ยังถูกออกแบยบให้ดูเป็นชิ้นเดียวกับ OSX แล้ว (สำหรับรุ่น Mac) ทำให้ผู้ใช้แมคไม่รู้สึกว่า OOo เป้นสิ่งแปลกปลอมอีกต่อไป (แต่ผมไม่มี Mac ให้ทดสอบ
ใครมีช่วยทดสอบทีครับ)

ในด้านการทำงานกับ Microsoft Office ก็ถูกพัฒนาขึ้นไปด้วยเช่นกัน โดยใน OOo 3.0 ได้เพิ่มการสนับสนุนไฟล์ฟอร์แมต OOXML ของ Microsoft Office และยังสนับสนุน
ไฟล์ของ MS Access 2007 ที่เป็น accdb อีกด้วย


Download


ปล.รู้สึกตอนนี้เว็บจะเข้าไมได้แล้ว (ผมเข้าไมได้เลย) หลังจากออกจดหมายข่าวมาเมื่อชั่วโมงก่อน คาดว่าคนคงแห่ดาวน์โหลดจนเว็บล่ม

การติดตั้ง Remote Desktop Web Connection ใน Windows XP

คุณสามารถใช้ Remote Desktop Web Connection เพื่อเริ่มใช้งานการเชื่อมต่อรีโมทเดสก์ทอปจากเว็บเบราเซอร์ของคุณได้ ซึ่งทำได้โดยการกำหนดเบราเซอร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการกำหนดค่าคอนฟิก ด้วย Remote Desktop Web Connection ดาวน์โหลด ActiveX control และเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ Windows XP ด้วยรีโมทเดสก์ทอป คอมพิวเตอร์ไคลเอ็นต์อาจเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Microsoft Windows 2000 หรือกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ Microsoft Windows NT 4.0 Terminal Server Edition

การเปิด Remote Desktop Web Connection ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. คลิก Start แล้วคลิก Control Panel
2. ดับเบิลคลิก Add/Remove Programs
3. คลิก Add/Remove Windows Components
4. คลิก Internet Information Services แล้วคลิก Details
5. คลิกที่ World Wide Web Service แล้วคลิก Details
6. เลือกช่องทำเครื่องหมาย Remote Desktop Web Connection แล้วคลิก OK
7. คลิก OK ที่หน้าจอ Internet Information Services
8. คลิก Next ที่หน้าจอ Windows Components Wizard

หมายเหตุ หากคุณไม่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ระยะไกลได้หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้ Remote Desktop แล้ว โดยให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. คลิกขวาที่ไอคอน My Computer บนเดสก์ทอป แล้วคลิก Properties
2. คลิกแท็บRemote
3. ตรวจดูให้แน่ใจว่าเลือกเช็คบ็อกซ์ Allow users to connect remotely to this computer ไว้แล้ว และคลิก OK
4. ลองเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ระยะไกลอีกครั้ง

ไฟล์ต่างๆ ควรจะได้รับการติดตั้งแล้ว การเริ่ม Remote Desktop Web Connection ให้พิมพ์ URL ต่อไปนี้ลงในอินเตอร์เน็ตเบราเซอร์ของไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์ โดยที่ servername คือชื่อเซิร์ฟเวอร์ของคุณ:
http://servername/tsweb
หมายเหตุ เมื่อคุณอัปเกรด Windows XP โปรแกรม Remote Desktop Web Connection Control จะไม่ได้รับการอัพเดทไปด้วย การอัพเดท ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. คลิก Start คลิก Control Panel และคลิก Add or Remove Programs
2. คลิก Add/Remove Windows Components
3. คลิก Details
4. เลือกเช็คบ็อกซ์ World Wide Web Service คลิก Details จากนั้นคลิกเช็คบ็อกซ์ Remote Desktop Connection
5. คลิก OK

จะปรากฏเวอร์ชันใหม่ล่าสุดขึ้น

ใช้กับ

* Microsoft Windows XP Professional Edition

http://support.microsoft.com/kb/284931/th

15 กุมภาพันธ์, 2552

ภาษีทรัพย์สิน: ภาษีเพื่อประโยชน์ของทุกคน

เสรีชน บ้านผมเองก๊าบ

ภาษีทรัพย์สิน: ภาษีเพื่อประโยชน์ของทุกคน

ดร.โสภณ พรโชคชัย*

นับแต่ทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีดำริเรื่องเกี่ยวกับภาษี ทรัพย์สินและภาษีมรดก ประชาชนบางส่วนอาจตื่นตระหนก แต่ผมใคร่ขอเรียนว่า การมีภาษีทรัพย์สินนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับใคร แม้แต่กับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ก็ตาม

ทำไมระบอบประชาธิปไตยไทยจึงล้มลุกคลุกคลานแม้จะมีอายุถึง 76 ปีแล้ว คำตอบง่าย ๆ ก็คือ การขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน เรามักเข้าใจว่าการมีส่วนร่วมหมายถึงแค่การไปออกเสียงเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงหมายถึงการมีส่วนให้หรือส่วนเกื้อหนุนในฐานะสมาชิกของ สังคมหรือของประเทศ ซึ่งในทางปฏิบัติที่ชัดเจนได้แก่การเสียภาษี

คงไม่มีประเทศใดจะอยู่รอดได้หากประชาชนของประเทศไม่ได้เสียภาษี และภาษีที่ผมหมายถึงก็คือภาษีทรัพย์สิน การที่ประชาชนได้เสียภาษีโดยตรงจะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ จะร่วมกันดูแลภาษีของตน และปิดโอกาสที่จะให้นักการเมืองหรือข้าราชการประจำรายใด มาแสวงหาผลประโยชน์

ภาษีทรัพย์สินเป็นอย่างไร
ภาษีทรัพย์สินนี้หมายถึงภาษีที่ประชาชนผู้ครอบครองทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์ (รถ เรือ ฯลฯ) และโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียให้กับท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองโดยตรง ระบบภาษีทรัพย์สินจะทำให้ผู้เสียภาษีเล็งเห็นถึงประโยชน์ของภาษีที่ตนเองจะ ได้รับ และตระหนักถึงหน้าที่ของตนในการเสียภาษี

ในเมืองเกือบทุกแห่งของประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา ประชาชนต้องเสียภาษีทรัพย์สินเป็นเงินประมาณ 1-2% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ตนเองเป็นเจ้าของ เช่น หากเรามีบ้านราคา 1 ล้านบาทในเขตเทศบาลเมืองคูคต ปทุมธานี เราต้องเสียภาษีทรัพย์สินประมาณ 15,000 บาท หรือ 1.5% โดยภาษีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อการจัดการศึกษา จัดสร้างสาธารณูปโภค และการพัฒนาอื่น ๆ ในเขตเทศบาลดังกล่าว ภาษีเพียงเท่านี้ก็พอ ๆ กับค่าเก็บขยะ ค่าดูแลทรัพย์สินส่วนกลางเท่านั้น ไม่ได้มากกว่ากันเลย การใช้ภาษีทรัพย์สินยังจะทำให้รัฐบาลยกเลิกภาษีที่ซ้ำซ้อนอื่น คือ ภาษีบำรุงท้องที่

อย่างไรก็ตามในกรณีของประเทศไทย ทางรัฐบาลยังจะลดหย่อนให้มากกว่าในต่างประเทศ เช่น จะจัดเก็บ ณ อัตราเพียง 0.5% สำหรับกรณีเกษตรกรรมยังอาจเป็นเพียง 0.05% ของมูลค่าทรัพย์สิน นอกจากนั้นยังจะจัดเก็บสำหรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าตั้งแต่กี่ล้านขึ้นไป (ยังไม่ระบุในขณะนี้) รวมทั้งคาดว่าจะใช้จริงในราวปี 2554 ไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะยังต้องเตรียมการให้เรียบร้อยก่อนนั่นเอง

ประโยชน์ของภาษีทรัพย์สิน
จะเห็นได้ว่า ยิ่งเก็บภาษีได้มากเท่าไหร่ เทศบาลนั้น ๆ ยิ่งเจริญ ท้องถิ่นนำไปปรับปรุงถนน ทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น พอท้องถิ่นนั้นเจริญ มูลค่าทรัพย์สินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เจ้าของที่ดินก็ได้ประโยชน์ เข้าทำนอง “ยิ่งให้ ยิ่งได้” เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บได้ก็เพื่อการพัฒนาในพื้นที่เท่านั้น ประชาชนจึงรู้สึกมีความเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตามอาจมีชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนไม่อยากเสียภาษีนี้บ้าง เช่น คนโสด เพราะตนเองอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการจัดการศึกษาแก่เด็ก เป็นต้น แต่การมีโรงเรียนคุณภาพในท้องถิ่นจะทำให้มีคนสนใจย้ายเข้าท้องถิ่นของตนเอง มากขึ้น ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของตนเองเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

โดยที่ภาษีทรัพย์สินเป็นภาษีสำหรับท้องถิ่นซึ่งมีขนาดเล็กและเป็นภาษีทางตรง จึงทำให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถช่วยดูแล ควบคุมเป็นอย่างดี ต่างจากในสถานการณ์ปัจจุบันของไทย ที่รัฐบาลกลางส่งเงินมาให้ส่วนท้องถิ่นใช้ คนในท้องถิ่นจึงไม่รู้สึกเป็นเจ้าของเงินดังกล่าว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง” กลายเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบไป

ภาคปฏิบัติของภาษีทรัพย์สิน
ในแต่ละปี เทศบาลหรือ อบต. จะเป็นผู้ประเมินว่าเรามีทรัพย์สินราคาเท่าไหร่ โดยในบางกรณีเจ้าของบ้านอาจให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อประเมินได้ ถูกต้อง จะได้ไม่เสียภาษีมากหรือน้อยเกินไป หลังจากนั้น เทศบาลก็จะแจ้งราคาทรัพย์สินของเราและอัตราภาษีที่เราต้องเสีย ประเด็นสำคัญอยู่ที่แต่ละเทศบาลต้องทำทะเบียนทรัพย์สินที่จะประเมินและ สามารถประเมินให้ทันสมัย ถูกต้องเป็นรายปี เพื่อความเป็นธรรมของผู้เสียภาษี ผู้ที่ไม่ยอมเสียภาษีอาจถูกยึดบ้านมาขายทอดตลาดเพื่อเสียภาษีได้

ภาษีทรัพย์สินนี้อาจยกเว้นหรือเสียแต่น้อยในกรณีที่ดินที่ทำการเกษตร (รายย่อย) ในพื้นที่เกษตรกรรมของผังเมือง (หรือผังชนบท) หรืออาจเป็นที่ดินที่ทำการเกษตรนอกพื้นที่เกษตรกรรมแต่ทำการเกษตรจริงเป็น เวลานานเท่าที่กำหนด เช่น ตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันพวกแสร้งทำการเกษตรบนที่ดินเปล่าเพื่อเลี่ยงภาษี การมีข้อยกเว้นสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตรก็เพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรกรไม่ ให้ได้รับความเดือดร้อน แต่สำหรับพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่มักไม่มีข้อยกเว้นการเสียภาษี การคำนวณภาษีของที่ดินเพื่อการเกษตรทุกประเภทมักคำนวณจากประโยชน์ที่ที่ดิน นั้นได้รับจากสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เป็นต้น

กระดูกสันหลังประชาธิปไตย
ในประเทศตะวันตก ไม่เฉพาะนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้บริหารหรือหัวหน้าสำนักการศึกษา การสาธารณูปโภค การประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการเสียภาษี และอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นบุคคลเดียวหรือในรูปคณะกรรมการ ก็จะต้องผ่านการเลือกตั้งเช่นกัน มีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเท่านั้น ที่เป็นข้าราชการประจำของเมืองหรือเทศบาล

การเลือกตั้งผู้บริหารหรือหัวหน้าสำนักต่าง ๆ ข้างต้น ทำให้การบริหารเทศบาลเป็นไปตามความต้องการของคนในท้องถิ่น โดยมีประชาชนในท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง ผู้ที่อาสามาทำงานเพื่อส่วนรวม จึงอาจเป็นระดับชาวบ้านธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองมืออาชีพเขี้ยวโง้ง หรือไม่ นี่จึงเป็นผลดีของภาษีทรัพย์สินที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในท้องถิ่น จนทำให้คนดี ๆ ในท้องถิ่นอาสามาทำงานเพื่อส่วนรวมจริง ๆ มากขึ้น เป็นการปิดโอกาสที่นักการเมืองและข้าราชการประจำจะกระทำทุจริตและประพฤติมิ ชอบ

ผลร้ายของการไม่มีภาษีทรัพย์สิน
ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่สามารถมีระบบภาษีทรัพย์สินได้มาช้านานแล้ว ระบบภาษีบำรุงท้องที่ก็ยังใช้ราคาประเมินของทางราชการที่เก่ามากแล้ว ไม่สะท้อนมูลค่าปัจจุบัน เก็บภาษีก็ได้เพียงน้อยนิด เทศบาลส่วนมากก็ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ให้พอเพียงกับค่าใช้จ่าย รัฐบาลส่วนกลางก็ต้องส่งงบประมาณมาให้ใช้สอย จนทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ข้างต้นนี้เป็นภาพที่เห็นอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

ที่ดินเปล่าใจกลางกรุงมากมายปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เพราะไม่ต้อง เสียภาษี ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ อุปทานที่ดินก็จำกัด เมืองก็ต้องขยายออกไปในแนวราบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต้นทุนการขยายสาธารณูปโภคออกสู่ชานเมืองก็สูงขึ้น เป็นการสร้างปัญหา สร้างภาระแก่ส่วนรวม

เราควรคิดใหม่ว่าการที่รัฐจัดหาระบบไฟฟ้า ประปา ระบายน้ำ ฯลฯ ผ่านหน้าที่ดินของเราโดยเราไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรนั้น เราก็ต้องเสียภาษี เช่นเดียวกับที่ปัจจุบัน ใครมีห้องชุดอยู่ในอาคารชุด มีบ้านอยู่ในโครงการจัดสรร ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลาง แม้ตนจะอยู่หรือไม่ก็ตาม เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการถือครองทรัพย์สิน ถ้าท้องถิ่นของไทยมีภาษีไม่พอ เราก็ต้องขึ้นภาษีทางอ้อม กลายเป็นความบิดเบี้ยวไปอีกต่างหาก

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ประชาชนก็จะถูกบิดเบือนให้แปลกแยกกับระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องมีส่วน ร่วม มีส่วนได้ มีส่วนเสียเพื่อรดน้ำพรวนดินระบอบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ประชาชนไม่ได้เสียภาษี เพียงแต่ไม่ได้เสียภาษีทางตรงจากทรัพย์สินที่ครอบครอง จึงทำให้ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของเท่าที่ควร และกลายเป็นว่าท้องถิ่นเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาลส่วนกลางอีกต่างหาก (แต่บางที่ ๆ กันดาร ไม่ควรไปตั้งถิ่นฐานตั้งแต่แรก ก็อาจไม่สามารถจัดเก็บภาษีทรัพย์สินได้อย่างเพียงพอ)

การเตรียมการระบบข้อมูล
โดยพื้นฐานแล้ว ภาษีทรัพย์สินจะสร้างประโยชน์และความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เป็นภาระกับใครแต่ช่วยเพิ่มมูลค่า แต่ภาษีทรัพย์สินจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อมีระบบข้อมูลการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ดี ในปัจจุบัน ข้อมูลการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เป็นที่เปิดเผย โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่เพื่อความโปร่งใส ป้องกันอาชญากรมาฟอกเงิน และเป็นการให้สังคมได้ตรวจสอบการเสียภาษีที่ถูกต้อง ข้อมูลเหล่านี้ควรเปิดเผยให้รู้กันให้แน่ชัดว่ามีการซื้อขายทรัพย์สิน ณ ราคาเท่าไหร่บ้าง

ในความเข้าใจผิดของบุคคลทั่วไป มักเชื่อว่า ราคาซื้อขายที่แจ้ง ณ สำนักงานที่ดินส่วนใหญ่ แจ้งผิดจากความเป็นจริง แต่จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า มีข้อมูลถึงสองในสามแจ้งตามจริง หากข้อมูลมีการเปิดเผย ก็จะผลักดันให้เกิดการแจ้งจริงมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการตั้งราคาซื้อ-ขายทรัพย์สินอย่างเป็นธรรมและ อย่างรอบรู้ในหมู่ประชาชน

การที่จะให้ทางราชการประเมินค่าทรัพย์สินทั่วประเทศ คงเป็นได้ยาก และไม่อาจปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ การมีระบบการเปิดเผยข้อมูลซื้อขายทรัพย์สิน จะช่วยให้เกิดการสร้างฐานข้อมูลเพื่อการประเมินค่าทรัพย์สินที่เป็นธรรมต่อ ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเพื่อการเสียภาษีทรัพย์สิน

นอกจากนี้รัฐบาลควรมีการตรวจสอบการแจ้งาราคาเท็จ โดยเริ่มต้นที่ทรัพย์สินที่มีราคา เช่น เกินกว่า 5 ล้านบาทก่อน ควรมีมาตรการลงโทษปรับผู้ที่แจ้งราคาที่เป็นเท็จ และควรมีการลดภาษีและค่าธรรมเนียมโอนให้ต่ำเพื่อให้ผู้ที่คิดหลบเลี่ยงภาษี หมดแรงจูงใจที่จะดำเนินการดังกล่าว เพราะรัฐบาลจะได้รับภาษีทรัพย์สินรายปีแทน เป็นต้น

ติดขัดอยู่ที่ใคร
ผมเชื่อว่า ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ อันได้แก่ นักการเมือง ข้าราชการใหญ่ ตระกูลพ่อค้า หรือตระกูลขุนนางใหญ่ ผู้ทรงอิทธิพล ผู้มีบารมี คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่มีสถานะที่ได้เปรียบในสังคม และอื่นๆ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการขัดขวางระบบภาษีทรัพย์สินนั่นเอง ท่านเหล่านี้อาจมีความปริวิตกในระยะเฉพาะหน้า ลำพังชาวบ้านทั่วไปที่ต้องถูกกะเกณฑ์ให้เสียภาษีปีละ 1-2% นั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมาก แต่ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ คงไม่คิดเช่นนั้น การมีที่ดินมาก ต้องเสียภาษีมาก ย่อมทำให้ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ เสียประโยชน์เป็นอย่างมาก

ถ้ามีระบบภาษีทรัพย์สิน ในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีการสำรวจว่าใครคือ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ บ้าง ซึ่งพวกนี้อาจไม่ต้องการเปิดเผยตัว จึงพยายามทำให้ข้อมูลการเป็นเจ้าของที่ดินเป็นความลับ เป็นข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่นำพาว่าการปกปิดข้อมูลการซื้อขาย ครอบครองทรัพย์สินเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการฟอกเงินของอาชญากร (เศรษฐกิจ)

ผมเชื่อว่ารัฐบาลหากเอาจริง จะสามารถทำการนี้ได้สำเร็จ แม้แต่กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งกระทบประชาชนทั่วประเทศ รัฐาลก็ยังทำได้สำเร็จ อยู่ที่รัฐบาลต้องให้ความรู้แก่ประชาชนว่า ภาษีนี้เป็นผลดีต่อประชาชนโดยรวม ไม่ใช่ผลเสีย และรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของประชาชนส่วนใหญ่ ยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย (รัฐบาลไหนก็ได้) ที่หวังจะสถาปนาระบอบนี้ให้คงทนและเพื่ออนาคตของรัฐบาลเอง ต้องทำให้กฎหมายภาษีทรัพย์สินออกมาใช้ให้ได้ในประเทศไทย


* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและ ภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้เป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) และยังเป็นกรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่ง ตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@thaiappraisal.org

FW: วิธีปิดบัญชีธนาคารอันชาญฉลาดที่ถูกปกปิดมานาน

ที่มาบอกเนี่ยเพราะเป็นวิธีที่ธนาคารปกปิดมาตลอด
เคยมีหนังสือพิมพ์ออกมาขายแต่ธนาคารสั่งเก็บหมด
โปรด..อ่าน..ช้า ช้า.......
..ห้ามเบิกเงินแค่ที่มีในบัญชี ให้ใช้วิธี....ไม่กรอกตัวเลข...แต่..เขียน..ปิดบัญชี
เพียงเท่านี้..ธนาคารต้องจ่ายดอกเบี้ยคุณ 6 เดือน


วิธีนี้..เป็นวิธีที่ธนาคารไม่พยายามบอกคนฝากเงิน เพราะธนาคารมันเสียเปรียบ...

แต่ต้องเป็นกรณีที่เป็นบัญชีออมทรัพย์นะ ถ้าเป็นบัญชี ฝากประจำเราจะไม่ได้ดอก เพราะถือว่าฝากไม่ครบตามกำหนด
แต่ถ้าบัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ หรือที่เรียกว่า savings (สะสมทรัพย์)
ธนาคา ร จะคิดดอกให้ทุวันตามยอดเงินที่มี...เข้าๆออก ครบ6 เดือนทีหนึ่งก็จะมีดอกเข้ามาให้ ดังนั้นถ้าใครปิดบัญชี เขาก็ต้องคิดดอกมาให้ด้วย
ส่วนมากประชาชนจะไม่รู้ ก็จะถอนแค่จำนวนเงินที่มีในบัญชี
แล้วก็ทิ้งสมุดไว้..ตรงนี้แหละที่ธนาคารได้กำไร
เพราะสมุดนั้นพอทิ้งไว้นานเกินก็จะปิดไปเอง
และเดี๋ยวนี้ธนาคารส่วนมากจะกำหนดให้ บัญชีต้องมีเงินเหลือติดอยู่
อย่างน้อยๆ 500 บาท หากขาดการเคลื่อนไหวนานเกิน 3-6 เดือน ก็จะเริ่มหักค่ารักษาบัญชี
รายละประมาณ 50 บาทหรือไงเนี่ยแหละ

ที่บอกนี่เป็นผลประโยชน์ของผู้บริโภคน่ะ
แต่ส่วนมากมักจะไม่ชอบไปธนาคาร ถอนทางเอทีเอ็ม
แล้วก็คิดว่าที่เหลือแค่เศษสตางค์ช่างมัน..
พอเราขาดการติดต่อธนาคาร เขาก็หักค่ารักษาบัญชี
เงินไม่พอเขาก็ปิด บช เองตามกฎ
เมื่อรู้วิธีแล้ว...ช่วยกันเผยแพร่นะ


Fw : ก - ฮ เพื่อนฉัน

ก - เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข - เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค - ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง - ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ - จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ - เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช - ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ - ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ

ด - เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต - ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า

ถ - ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท - ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ - ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น - นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ - บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป - ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ - ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ - ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ - เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ - ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ - ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม - ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย - ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า

ร - รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล - ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า

ว - ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ - ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส - สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า

ห - เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ - อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ - เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า

FW: ต้องอ่านน๊ะอย่าเพิ่งลบ เตือนภัยคนมีรถ‏

อ่านให้จบ เรื่องสำคัญมากๆ

เรื่องที่ 1 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผม เป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก ตามที่จอดรถ เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่) พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน

คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex (สายที่วนๆ คล้ายสปริง) กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า

ก็ เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมาคงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง กดเซ็นทรัลล็อค

ขณะ ที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ

ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
มัน ตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอซักไปซักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......

ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด

เป็นห่วงทุกคนนะครับ


เรื่องที่ 2 อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอ เข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่ พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้ แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติ เมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขา อาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ




เรื่องที่ 3 ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ



เรื่องที่ 4 ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะ ที่ภรรยาผมกำลังเล่นกั บลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย



เรื่องที่ 5 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวก เขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน (นี่มันปล้นกันชัดๆ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด




เรื่องที่ 6 ตอน รถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมอ งเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลย ไป


FW: 10 วิธีฆ่าเมีย

1. มันอยากกินอะไรซื้อให้มันกินจนมันคาเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เดี๋ยวไม่เกิน 50 ปี มันก็ตาย

2. มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มันพอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆ เข้า เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว

3. มันชอบรถก็ซื้อให้มันยิ่งแพงๆ ยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็วๆ ความเสี่ยงสูง

4. มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไปต้องมีซักที่แหละที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้

5. งานบ้านอย่าไปให้มันทำเราต้องแย่งมันทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง

6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอก คนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยวก็ตายแล้ว

7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมดใครๆ ก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้

8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆ ให้มันอยู่กว้างๆ ยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอๆ อาจหอบตายระหว่างทางได้

9. เช้า-เย็นกราบมันทุกวันมันจะได้อายุสั้น

10. รักเมียให้มากๆไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอมันทุกข์มากๆ มันก็ตรอมใจตายเอง

Fw : 2553 จุดจบประเทศไทย

2553 จุดจบประเทศไทย ...... ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปั­­ญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิ­ญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนให­่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญ­หาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปั­­าไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างให­่อีกเพราะอะไร
เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น
เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ
คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก
พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ
มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน
ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี
ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว

ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน

Fw: วิธีติดตามรถ เมื่อรถหาย Good idea

หากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องจอดรถไว้ ไม่ว่าที่ใดก็ตามย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมได้เสมอ และเมื่อ
มีเหตุเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะติดตามกลับคืนมาได้ อันเนื่องมาจาก กำลังของเจ้าหน้าที่มีน้อยและไม่รู้เส้นทางการหลบหนี
ดังนั้นจึงมีอีกวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล 100 % คือให้ท่านหาโทรศัพท์มือถือราคาถูก ๆ
แต่ใช้งานได้ดี Battery
ดี ซิมการ์ดระบบใดก็ได้ เปิดเครื่องและซ่อนไว้ในรถในจุดที่ลับตาที่สุด ที่คิดว่าคนร้ายจะไม่เห็น เปิดเครื่อง ปิดเสียง ปิดสั่นทิ้งไว้ในรถเมื่อท่านต้องจอดในบริเวณที่มีความเสี่ยง และล็อครถ ของท่านตามปกติกรณีเกิดรถหาย ให้แจ้งที่ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายของหมายเลบโทรศัพท์ที่ท่านซ่อนไว้ในรถเพื่อค้นหาตำแหน่งของรถท่าน เพื่อการติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็วโดย ส่วนใหญ่ รถที่หายจะยังอยู่บนถนน หากที่ใดมีคลื่นโทรศัพท์ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งได้
ทุกวันนี้ซิมการ์ดระบบเติมเงินบางระบบเติมเท่าใดก็ใช้ได้เป็นปี ราคาไม่กี่ร้อย บวกค่าโทรศัพท์ที่ท่านมาซื้อได้ในราคาแค่พันต้นๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ.

อย่าลืมบอกต่อนะครับ
ขอบคุณครับ

FW: ถีบเมียอย่างถูกวิธี....(ขำๆ นะอย่าคิดมาก)

ลองทำดูนะ

1.ดื่มเหล้าให้เมาแล้วกลับดึก ๆ

2.แต่พอกลับมาบ้านต้องพยายามให้ยังพอมีสตินิดนึง

3.แกล้งทำเป็นเข้านอนทั้งชุดนั้นเลยโดยไม่ต้องอาบน้ำ

4.ช่วงนั้นเมียคงจะด่าเราอยู่..เราก็เลยถอดกางเกง

5.แกล้งทำเป็นถอดไม่ได้..เมียเราก็จะมาช่วยถอดเอง

6.และจังหวะที่เมียเข้ามาใกล้นั่นแหละ..บรรจงถีบ เมียให้หงายไปเลย

7.แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อย่ามายุ่งกับกู..กูรักเมียกูคนเดียว" แล้วก็หลับไปเลย

8.เช้ามาแค่นั้นแหละ..เมียก็จะรีบหากับข้าวอร่อยๆมาให้เราทานทันที

ได้ผลอย่างไงมาบอกด้วยนะ .....

09 กุมภาพันธ์, 2552

อเมริกห้ามเข้าประเทศเพราะมีอาชีพแม่เล้า

พรทิวาโผล่แจงมีคนดิสเครดิต



นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง น่าจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองมากกว่า เพราะเพิ่งไปต่ออายุหนังสือเดินทางเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากหนังสือเดินทางเล่มเก่าหาย และได้รับการต่อวีซ่าเข้าสหรัฐระยะเวลา 10 ปีมาเรียบร้อยแล้ว ถ้าถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าสหรัฐฯจริง ก็คงไม่ได้รับการต่ออายุวีซ่า เข้าใจดีว่าอยู่ในตำแหน่งนี้จะต้องมีคนแทงข้างหลัง แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร

เปิดถุงเงิน พรทิวา นาคาศัย เธอคือทายาท "โพไซดอน"



เป็น นักธุรกิจที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (อภิสิทธิ์ 1) และถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คือ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นมือใหม่แต่กลับหยิบชิ้นปลามันคุมกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ

ขณะที่เจ้าตัวออกมาการันตีว่ามี ประสบการณ์บริหารธุรกิจของครอบครัว

"ประชาชาติธุรกิจ" ตรวจสอบเครือข่ายธุรกิจของเธอไม่ธรรมดา

นาง พรทิวาเป็นลูกสาวเจ้าของสถานบริการอาบอบนวด "โพไซดอน" ย่านรัชดาฯชื่อนายสุรินทร์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล แม่ชื่อนางบุญเรือน ศักดิ์ศิริเวทย์กุล มีพี่น้อง 4 คน ชื่อนางพรทิพย์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายสมชาย ศักดิ์ศิริเวทย์กุล นายขจรศักดิ์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล และนายสุชัย ศักดิ์ศิริเวทย์กุล

คู่สมรสชื่อ นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย มือขวาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน

นายสุรินทร์ถือหุ้นและเป็นกรรมการ 11 บริษัท ได้แก่

บริษัท ณิชาบูล จำกัด รับเหมาก่อสร้าง ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท, บริษัท ทศพลเจ็ดสิบแปด จำกัด ให้เช่าอาคารทุน 8 ล้านบาท, บริษัท รัชดา 96 เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด อาบอบนวดทุน 10 ล้านบาท, บริษัท รัชดา เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท ลา เสตลลา เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ให้เช่าใบอนุญาตอาบอบนวดทุน 4 ล้านบาท, บริษัท วี.เอส.เอส. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ให้เช่าอาคารทุน 10 ล้านบาท, บริษัท สวนสวรรค์ จำกัด ให้เช่าใบอนุญาตทุน 3 แสนบาท, บริษัท เอส.แอนด์ดิเวลลอปเมนทท์เชียงใหม่ บ้านจัดสรรทุน 1 ล้านบาท, หจก.นิวทอปเปอร์คลับ กิจการไนต์คลับทุน 5 หมื่นบาท, หจก.พิชัยและสหาย กิจการไนต์คลับทุน 5 หมื่นบาท และ หจก.ภรณวลัย กิจการไนต์คลับทุน 6 หมื่นบาท

ขณะที่นายสุชัย ศักดิ์ศิริเวทย์กุล น้องชายนางพรทิวาถือหุ้นและเป็นกรรมการธุรกิจอื่น 12 แห่ง ได้แก่

บริษัท ซินเซียร์ เอ็ดดูเทนเม้นท์ จำกัด บริการบริหารระบบเครือข่าย ระบบสื่อสาร ระบบอินเทอร์เน็ตทุน 4 ล้านบาท, บริษัท ทัฟ ซีเคียวริตี้ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด บริการรักษาความปลอดภัยทุน 1 ล้านบาท, บริษัท ทุ่งสง ปาร์ติเกิ้ลบอร์ด จำกัด ผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดทุน 31 ล้านบาท,

บริษัท มอร์ต้าร์ ไทย จำกัด จำหน่ายปูนซีเมนต์ทุน 2 ล้านบาท, บริษัท มินไทย ดิเวลลอป จำกัด ประกอบกิจการให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตทุน 2 ล้านบาท, บริษัท สตราทิจี้ มีเดีย จำกัด รับเหมาก่อสร้างทุน 1 ล้านบาท

บริษัท ออไรออน จำกัด ให้บริการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์และเกม ออนไลน์ทุน 10 ล้านบาท

บริษัท เอคโค่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด บริการจัดทำงานด้านออร์แกไนเซอร์ กิจกรรมด้านการตลาด การขาย การโฆษณาทุน 1 ล้านบาท บริษัท เอนเตอร์เทนเม้นท์ไนท์คลับ จำกัด ไนต์คลับทุน 2 แสนบาท,

บริษัท เอส.บี.อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด ลงทุนในบริษัทอื่นทุน 30 ล้านบาท, บริษัท ไอเทม เวิลด์ จำกัด ให้บริการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเกมออนไลน์ทุน 3 ล้านบาท และ หจก.ฮะเจ่งย่งเฮง โรงน้ำชา ทุน 1,750,000 บาท

ตอนเป็น ส.ส.ชัยนาท เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 นางพรทิวาแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีทรัพย์สิน 144.2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 8 แสนบาท เงินฝาก 30.8 ล้านบาท เงินลงทุน 8.7 ล้านบาท ที่ดิน 44 แปลง 53.6 ล้านบาท บ้าน 1 หลัง เลขที่ 188/62 ซอยลาดพร้าว 84 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ราคา 5 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน 2.6 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น เครื่องประดับมูลค่า 31.6 ล้านบาท หนี้สิน 9 แสนบาทเศษ

ขณะที่นายอนุชามีทรัพย์สิน 6.5 ล้านบาท เป็นเงินสด 5 แสนบาท เงินฝาก 39,360 บาท เงินลงทุน 4.3 ล้านบาท ที่ดิน 4 แปลง 1 ล้านบาท บ้าน 2 หลัง เลขที่ 170/27, 170/28 หมู่ 9 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ราคา 6 แสนบาท ไม่มีหนี้สิน

บุตรมีเงินฝาก 2 แสนบาทเศษ

รวมทรัพย์สิน 151 ล้านบาท

นางพรทิวาแจ้งว่ามีเงินลงทุน 8 รายการ ได้แก่

บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด 23,916 หุ้น มูลค่า 2,391,600 บาท, บริษัท ณิชาบูล จำกัด 20,000 หุ้น มูลค่า 2 ล้านบาท, บริษัท รัชดาเรียลเอสเตท จำกัด 3,333 หุ้น มูลค่า 333,333 บาท, บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด มูลค่า 3.9 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550), บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด 23,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าว 3 มูลค่า 10,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าว 4 มูลค่า 20,000 บาท, กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผลมูลค่า 10,000 บาท

ขณะที่นายอนุชามีเงินลงทุน 2 รายการ ได้แก่

บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด 23,920 หุ้น มูลค่า 2,392,000 บาท บริษัท ณิชาบูล จำกัด 20,000 หุ้น มูลค่า 2 ล้านบาท

ทั้ง นี้ บริษัท เอ.พี.คอนส์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 16 สิงหาคม 2536 ทุน 10 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 83/101 หมู่ที่ 6 ถนนงามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

ที่ดินของนางพรทิวา 44 แปลง เนื้อที่ 53 ไร่ 2 งาน 61 ตารางวา อยู่ในแขวงบางชัน เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 2 แปลง, ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย 1 แปลง เขตบางกะปิ 7 แปลง, ออเงิน เขตบางเขน 2 แปลง, ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 32 แปลง

ที่ดินนายอนุชา 4 แปลง อยู่ใน ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 35 ตารางวา

รวม 48 แปลง เนื้อที่ 53 ไร่ 2 งาน 96 ตารางวา

นี่คือข้อมูลจำเพาะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่

แผนลับ หรือ แผนลวง สนธิพาการ์ดนักรบศรีวิชัยบุกตีอุดร

ประชาไท

1. นักรบศรีวิชัย หรือ การ์ดพันธมิตรที่นายกะทิหัวหมูจะพาไปอุดรนั้นไม่ใช่เนื้อแท้พันธมิตรอย่าง แท้จริง พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ใช่ภาคประชาชน แต่ส่วนใหญ่เป็นทหารที่ปลอมตัวมา ใครๆ ก็รู้
2. ที่นำมาเพื่อยั่วยุให้เกิดการรบราฆ่าฟัน ซึ่งเป็นเป้าหมายของนายกะทิหัวหมูเพื่อให้แผ่นดินปั่นป่วนนองเลือด แล้วใช้สถานการณ์นี้ ประกาศสภาวะฉุกเฉิน ใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามเสื้อแดง (สมใจผู้หลักผู้ใหญ่สายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการกำจัดเสื้อแดงอย่างเบ็ดเสร็จ )
3. จุดประสงค์ที่ลึกล้ำกว่ากว่าข้อ 2 คือ ต้องการกำจัดเสื้อแดงให้อ่อนกำลัง รุกคืบทำลายกำลังบางส่วน การรุกเข้าไปครั้งนี้ โปรดจำไว้ว่า ตอนนี้ฝ่ายที่คุมตำรวจคือใคร ทุกคนทราบ เมื่อฝ่ายเหลืองและแดงปะทะกันคราวนี้ ฝ่ายเสื้อเหลืองจะไม่ถูกแจ้งความดำเนินคดี เพราะที่นี่ประเทศไทย มีแต่ดับเบิ้ลแสตนดาร์ด เป้าหมายสำคัญที่ฝ่ายรัฐ ทหารและเสื้อเหลืองต้องการคือ หาเหตุเพื่อจับกุม คุณขวัญชัย ไพรพนา เมื่อจับหัวขบวนได้แล้ว เสื้อแดงที่เหลือย่อมถูกโยนข้อหาและทางการจะส่งกองกำลังเข้ามาทำลาย ใครขัดขืนก็ถูกจับกุม ใครยอมก็ปล่อย จากนั้น ขบวนการปล่อยข่าวทำลายเสื้อแดงก็จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเครดิตของเสื้อแดงจะถูกลดทอนลงเรื่อยๆ

ฤ ว่า....กลียุค..มันเริ่มแล้ว...ดูทะแม่งๆๆๆ ?

ประชาไท

....................................การประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพ เพื่อจัดการกลุ่มเสื้อแดง
....................................การ ระดมพลของ เสื้อเหลือง เพื่อทำสงคราม กับหัวเมือง
....................................การเอาภาษีของประชาชน เพื่อมาจัดการกลุ่ม เสื้อแดงเอง
....................................การ ส่งหน่วยล่าสังหาร ตามฆ่า ท่านทักษิน
....................................การ ย้ายทรัพย์สิน ของพวก อำมาตย์ และศักดินา ออกนอก
...................................การใช้ยุทธวิธี รวบหัว รวบหาง เพื่อบีบ และบังคับ กลุ่มเสื้อแดง
...................................การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อลด เครดิต ผู้นำ ของชาวเสื้อแดง

08 กุมภาพันธ์, 2552

เมื่อสักครู่ได้รับสาย โทรศัพท์บ้าน จาก......? เลยแจ้งบอกข่าว


..............

สวัสดีวันอาทิตย์ ครับ เพื่อนๆทุกท่าน


เมื่อสักครู่มีโพลสอบถามทางโทรศัพท์บ้าน นะครับ จากดุสิตโพล 13.00 น.
ทีแรกว่าจะไม่ตอบก็ไม่ว่างอ่ะ แต่พอบอกหัวข้อ ... เลยเอาซ้า

ข้อ1 เมื่อเช้าดูรายการ นาย ก รึเปล่า เปล่าครับ
ข้อ2 เชื่อมั่นในรัฐบาลนาย ก หรือไม่ ไม่ครับ
ข้อ3 ชอบรัฐบาลนาย ก หรือไม่ เกลียดครับ
ข้อ4 ให้โอกาสรัฐบาลนาย ก ทำงานหรือไม่ ไม่ให้ครับ
ข้อ5 รับชมช่อง 11 ชัดเจนหรือไม่ ชัดเจนแต่ไม่เปิดดูครับ
ข้อ6 รายได้เท่าไหร่ เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลังครับ

ข้อ7 รักนายอภิสัตว์ หรือเปล่า กรูโคตระระเกลียดมันเร้ย ครับ
(ข้อนี้ไม่มีครับ แค่คิดในใจเอาเองว่าเขาจะถามเลยเตรียมไว้ตอบล่วงหน้า)


ก็สงสารน้องสาวคนถามเขาเหมือนกันน๊ะ แต่ทำไงได้จาก..ใจกรูจิงจิ๊ง
นี่ถ้าเจ้าตัวเขามาถามฟังเอง คงจะปวดหัวใจนิ .. ผมร้ายกาจไปรึเป่าาา


ประโยชน์ของกระทะที่มากกว่าผัดและทอด

ประโยชน์ของกระทะที่มากกว่าผัดและทอด คือ ....

เอาไว้คั่ว กับ ต้ม ... ... ...

ก่อนอื่น ผมจะขอเกริ่นถึงลุงเหลือ กับสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของลุง นั่นก็คือ จานดาวเทียมที่ทำมาจากกระทะ!!?? ...





จากการที่ลุงเหลือ ใช้กระทะ ประดิษฐ์เป็นจานรับสัญญาณดาวเทียมให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อใช้รับสัญญาณเพื่อการศึกษา ด้วยความคิดอันสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาด และความเสียสละที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำให้ลุงเหลือเป็นที่รู้จัก และมีรายการโทรทัศน์นำเรื่องราวของดาวเทียมกระทะเหล็กฝีมือลุงเหลือไป ออกรายการ

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ยังได้ขอพระราชทานปริญญาครุศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ลุงเหลือ ในฐานะเป็นผู้มีมานะ บากบั่น แสวงหาความรู้ คู่คุณธรรม นำปัญญาสู่ชุมชนและสังคม



สำหรับท่านที่สนใจเรื่องราวของลุงเหลือ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่บล็อกของคุณ Am: Pimpon ครับ ในentry : ลุงเหลือ กับ จานดาวเทียมกระทะเหล็ก ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ ได้ข้อคิดอะไรดีๆนะเออ

... ... ...

เอาล่ะ ... ทีนี้ เรามาไขปริศนากันครับ ,,, ทำไมกระทะซึ่งเป็นอุปกรณ์การทำกับข้าว ถึงกลายมาเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการสร้างจานรับสัญญาณดาวเทียมของลุงเหลือ ได้?

คำตอบก็คือ ... เพราะเส้นโค้งของกระทะ มีลักษณะคล้ายรูปพาราโบลา(Parabola) ...

หลายคนอาจจะถามหาพาราเซตามอนเมื่อต้องพูดถึงพาราโบลา ถ้างั้น เราไปทำความรู้จักกับมันซักหน่อยดีไหมจ๊ะ

พาราโบลา เป็นภาคตัดกรวยชนิด หนึ่ง ซึ่งมีนิยามว่า เซตของจุดบนเส้นโค้งซึ่งมีระยะห่างจากจุดคงที่จุดหนึ่งและเส้นตรงเส้นหนึ่ง ด้วยระยะทางที่เท่ากัน เราเรียกจุดคงที่จุดนั้นว่า "จุดโฟกัส" และเ้ส้นตรงเส้นนั้นว่า "เส้นไดเร็กตริกซ์"

พูดง่ายๆ เป็นภาษาคนหน่อยก็คือ ทุกๆจุดที่อยู่บนกราฟพาราโบลา จะห่างจากจุดโฟกัสและเส้นไดเร็กตริกซ์ ด้วยระยะห่างที่เท่ากันเสมอ ดังภาพต่อไปนี้



จากภาพ P1 ,P2 ,P3 เป็นจุดบนพาราโบลา ,จุด F เป็นจุดโฟกัสของพาราโบลา และ เส้นตรง L เป็นเส้นไดเร็กตริกซ์ของพาราโบลา

* ถ้าเราวัดระยะจากจุด P1 ไปยังจุด F จะต้องเท่ากันกับระยะจากจุด P1 ไปยังจุด Q1 ซึ่งเป็นจุดบนเส้นไดเร็กตริกซ์
* ถ้าเราวัดระยะจากจุด P2 ไปยังจุด F จะต้องเท่ากันกับระยะจากจุด P2 ไปยังจุด Q2 ซึ่งเป็นจุดบนเส้นไดเร็กตริกซ์
* ถ้าเราวัดระยะจากจุด P3 ไปยังจุด F จะต้องเท่ากันกับระยะจากจุด P3 ไปยังจุด Q3 ซึ่งเป็นจุดบนเส้นไดเร็กตริกซ์

เห็นรึยังครับว่า จุดบน พาราโบลา จะห่างจากจุดโฟกัส เท่ากับที่ห่างจากเส้นไดเร็กตริกซ์

... ... ...

คุณสมบัติอย่างหล่อ ของพาราโบลา ที่ทำให้มันกลายเป็นพระเอก ก็คือ ถ้าอะไรก็ตาม ที่เดินทางเป็นเส้นตรง มาชนส่วนเว้าของพาราโบลา สิ่งนั้น จะกระเด็นไปที่จุดโฟกัสเสมอ!!!



โป๊ะเชะเลยครับ!!! นั่นก็เพราะว่า คลื่นสัญญาณเดินทางเป็นเส้นตรง ถ้าเมื่อไหร่ ที่มันเดินทางมาตกกระทบกระทะ ซึ่งมีส่วนโค้งเว้าคล้ายกับพาราโบลา ก็จะทำให้คลื่นสัญญาณที่ถูกส่งมาไปรวมกันอยู่ที่จุดๆหนึ่ง(จุดโฟกัสของกระทะ ) ทีนี้ ถ้าเอาตัวรับสัญญาณไปติดตั้งตรงจุดนั้น เราก็จะได้ จานดาวเทียมกระทะเหล็กสุดเท่ มารับสัญญาณกันแบบไม่ต้องง้อของแพง

ลุงเหลือ สุดยอดกระทะแห่งพาราโบลารับสัญญาณดาวเทียม \(*w*)/

... ... ...

หมายเห็ด : เอ็นถี่นี้ ผมอธิบายในแง่ของคณิตแสดดด สำหรับมุมมองของเทคนิค และอิเล็กทรอนิกซ์ รวมทั้งโทรคมนาคมผมขอละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจ ถ้าหากท่านที่มีความสันทัดในเรื่องที่ผมไม่ได้อธิบาย จะเอาไปแตกประเด็นในเรื่องดังกล่าว ก็เยี่ยมเลยครับ

ผมกำลังคิดว่า ถ้าเราใช้กระทะรับแสงที่ส่งมามากพอ เราอาจจะปล่อยพลังคลื่นเต้าสะท้านฟ้าได้แบบ ซุนโงกุน ก็ได้เนาะ (*..*") { หลักการมาทั้งเอ็นถี่ ขอไร้สาระหน่อยนึงฮี่ )



บทความ: กษิตสอบตกงานกท.ต่างประเทศ

โดย เสรีชน
ที่ีมา เว็บบอร์ดประชาไท
6 กุมภาพันธ์ 2552

กษิต ดีแต่คุย งานต่างประเทศล้มเหลวห่วยแตกที่สุดที่เคยมีรัฐมนตรีมา

หน้า ก็กังฉิน ปากเสียสุดๆ ไม่เชื่อว่าได้เป็นถึงทูตโตเกียว วอชิงตัน เลยสงสัยคุณภาพนักการทูตไทยยุคปัจจุบันมาก คัดคนมาเป็นทูตได้อย่างไร งานต่างประเทศในยุคนายคนนี้มาเป็นรัฐมนตรี ไม่มีผลงาน นอกจากการทะเลาะกับเพื่อนบ้าน การเจรจาที่ไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน

1. รัฐมนตรีคนนี้มา ภาพพจน์ของประเทศเสียหาย กรณีปิดสนามบิน ให้สัมภาษณ์ตลกแบบโง่ๆ ว่า หรืออาจจะไม่ตลกแต่แสดงความเขลาออกมา ว่ายึดสนามบินเป็นประสบการณ์ที่ดี อาหารดี ดนตรีเพราะ จนนานาชาตินำไปพาดหัวข่าวแสดงความขี้เท่อของรัฐมนตรี ปชป.

2. กรณีผู้อพยพแขกโรงฮิงญา แทนที่จะมีแทคติคส์ให้เรื่องสงบ กลับด่าสื่อต่างชาติ โหมไฟโดยการโกหกพกลมเพราะเกรงใจทหารที่อุ้มรัฐบาลเข้ามาแทนที่พรรคพปช. จนเจอหลักฐานจากสื่อนอกภาพทหารเรือผลักไสเรือผู้อพยพออกทะเลไปชัดเจน แก้ตัวไม่ได้ และยังมีการตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ความทารุณของทหารเรือไทยเป็นเวลาเกือบสอง อาทิตย์แล้ว หนักขึ้นถึงขั้นนางเอกดาวโป๊ฮอลีวู้ดออกข่าวด่าไทยร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งระดับแองเจโลน่า โจลี่ พูด คนก็ฟังเพราะอยากเห็นหุ่นดาวยั่วกับปากที่ยั่วสวาทอยู่แล้ว ไม่รู้จะเอาศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศไปไว้ที่ไหน

3. เจรจาเขาพระวิหาร ด่าคนได้เก่ง พอมาทำจริง ห่วยกว่านายนพดล ปัทมะ ที่ไม่เคยเป็นทูตมาก่อนด้วยซ้ำไป เพราะสมัยรัฐบาลสมัคร การเจรจาเขาพระวิหาร เขมรยอมให้ใช้ชื่อ เขาพระวิหาร ตามที่ศาลโลกเคยตัดสินไว้เมื่อปี 2504 แต่พอรัฐบาลนี้ที่มีนนายกษิต เป็น รมว ต่างประเทศ คิดว่าตนฉลาด ฮุนเซน แกล้งต้อนรับดี เก๋าเกมส์กว่าเพราะเป็นนักการเมืองและนายกเขมรมาร่วมยี่สิบปี นายกษิต เสียค่าโง่ ตายใจว่าเขมรยอมรับตน พอเจรจาจริง เจอของแข็ง แม้แต่ชื่อบริเวณพิพาท ยังไม่อาจจะตกลงกับเขมรได้เลย ไม่ต้องไปคุยเรื่องพื้นที่ทับซ้อน หรือหลักเขตแดนอะไรมากมายแล้ว

4. การประชุมอาเซียนจัดขึ้นไปก็ lifeboy เพราะไม่มีประเทศคู่เจรจาหกประเทศมาร่วมประชุมด้วยเลยแม้เพียงประเทศเดียว ตามแผนการเดิมในสมัยนายสมชายเป็นนายกฯเลย มีแต่คุยกันเองระหว่างอาเซียน แต่หาสารัตถะในแง่เนื้อหาได้น้อยเต็มที

แค่สี่เรื่องก็พอเพียงแล้ว ที่จะชี้ว่า คนเคยเป็นทูตมา พอมาจับงานการเมือง ไม่มีทางทันเล่ห์กลการเมืองระหว่างประเทศเลย เพราะเคยแต่ไปงานดินเนอร์หรูๆ แต่ไม่เคยเจอเกมส์การเมืองของนักการเมืองมืออาชีพ ผลคือ เดือนแรกของรัฐบาลเด็กเวรคนนี้ เราประสบความล้มเหลวทางการทูต การต่างประเทศอย่างรุนแรงที่สุด ในสมัยที่ประเทศไทยมีรัฐมนตรีต่างประเทศขี้โอ่ชื่อว่า นายกษิต ภิรมย์ ส่วนจะมาเสแสร้งแกล้งพูดในสภาอย่างถ่อมตนปลอมๆว่า ตนเป็นน้องใหม่ทางการเมือง ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย พูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะชาติบ้านเมืองไม่ใช่สถานที่ทดลองงานของเด็กอ่อน และพวกก่อการร้ายทำลายประเทศ หากจะมาฝากตัว ก็ควรลาออกไปเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือเลขานุการรัฐมนตรีก่อนจะมาทำงานในฐานะเสนาบดีกระทรวงที่มีเกียรติแห่ง นี้

คู่มือตอบโต้เพื่อเอาชนะวาทกรรมอำพรางของพันธมิตร

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 กุมภาพันธ์ 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์: เนื่องจากพันธมิตรได้โฆษณาชวนเชื่อแบบblack propagandaต่อมวลชนของตนเอง และสาธารณชน เพื่อให้ร้ายทำลายล้างต่อทักษิณ และฝ่ายประชาธิปไตยเสื้อแดงอย่างผิดๆ กลายเป็นว่างานชวนเชื่อที่ผลิตซ้ำบ่อยๆนั้น ทำให้พันธมิตรและมวลชนของตนเองเกิด"เชื่ออย่างสนิทใจ"ขึ้นมาว่าเป็นจริง ขณะที่สาธารณชนเองก็ไขว้เขวตามไม่น้อย ดังนั้นประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย จึงควรได้เผยแพร่แนวความคิดที่ถูกต้อง เป็นสัจธรรมตอบโต้การสร้างวาทกรรมอำพราง ที่เต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ และมากด้วยเล่ห์กระเท่ของพันธมิตรอย่างเท่าทัน

คู่มือการตอบโต้วาท กรรมอำพรางของพันธมิตรฉบับนี้เป็นฉบับประมวลสรุปอย่างย่อ ให้ท่านนำไปตอบโต้และตีแตกข้อโจมตีของพันธมิตร และชี้แจงต่อสาธารณชนได้อย่างกระชับตรงประเด็น ท่านสามารถเผยแพร่ออกไปในแวดวงเครือข่ายของท่าน และในวงกว้างได้โดยที่เราไม่สงวนสิทธิ์ ทั้งนี้ท่านอาจเพิ่มเติมแก้ไขได้ตามที่ท่านเห็นสมควรก่อนการเผยแพร่

Q:ทักษิณต้องกลับมาติดคุก ปัญหาของประเทศจึงจะจบ
A: ผิด! เพราะนายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยพูดว่า ทักษิณออกจากตำแหน่งนายกฯ ออกจากประเทศปัญหาทุกอย่างก็จบ แต่ตอนนี้กลับเรียกร้องให้กลับเข้าประเทศมาดำเนินคดีบอกปัญหาจะจบ ความจริงคือไม่จบ

เพราะคนที่สนับสนุนทักษิณเห็นว่าเกิดความไม่ ยุติธรรมในบ้านเมือง ทุกอย่างจะจบก็ต่อเมื่อนายสนธิกับพันธมิตรเลิกผูกขาดความถูกต้อง แล้วต้องฟื้นฟูหลักนิติธรรม นิติรัฐอย่างแท้จริง ถูกผิดว่าไปตามเนื้อผ้าตามกติกาสากลที่นานาอารยะประเทศยึดถือ เช่น หากทักษิณจะถูกดำเนินคดีติดคุก2ปีเพราะเมียทักษิณซื้อที่ดินรัชดา แกนนำพันธมิตรก็ต้องถูกดำเนินคดียึดNBT ยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ด้วยข้อหากบฎ และข้อหาก่อการร้าย ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิตด้วย

หาก ทักษิณติดคุก2ปีตามคดีที่ดินรัชดา สนธิลิ้มกับแกนนำโดนประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตฐานกบฎและก่อการร้ายตาม หลักนิติรัฐ นิติธรรม เมื่อมีความยุติธรรมเกิดขึ้นปัญหาก็จะจบ หากไม่มีความยุติธรรม เรื่องก็ไม่จบ บ้านเมืองก็ไม่สงบ(NO JUSTICE, NO PEACE)

Q:เสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณเพียงคนเดียว แต่พันธมิตรสู้เพื่อสถาบันกษัตริย์ และประเทศชาติ มันต่างกัน
A: ผิด! ต้องเข้าใจความจริงก่อนว่า คนไทยรักในหลวงและสถาบันทั้งนั้น ในเมื่อไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบัน แล้วจะปล่อยให้มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างพันธมิตรมาแอบอ้างว่ารักสถาบันแบบ ผูกขาดได้อย่างไร

ความจริงแล้วใครก็รู้ว่ามวลชนของพันธมิตรถูกหลอก ลวงให้สู้เพื่อนายสนธิลิ้มเพียงคนเดียว กับธุรกิจเครือผู้จัดการASTVเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าที่จัดม็อบมา193วันก็เน้นหาทุนหาเงินบริจาคไปต่อลมหายใจหาเงิน เดือนจ่ายให้ลูกน้องสนธิ ให้กับธุรกิจของนายสนธิเท่านั้น เมื่อเลิกม็อบทำให้ขาดรายได้ ก็ต้องเร่ร่อนสัญจรไปรีดไถมวลชนของตนเองตามจังหวัดต่างๆ ต้องจัดคอนเสิร์ตการเมืองหาเงินไปหล่อเลี้ยงธุรกิจของนายสนธิ

จึง เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นการต่อสู้เพื่อคนๆเดียว แล้วแอบอ้างสถาบันเป็นเครื่องมือ จนทำความระคายเคืองต่อสถาบันเบื้องสูง นำเอาสถาบันต่างๆในสังคมทั้งตุลาการ อัยการ ศาล ทหาร ตำรวจ ชนชั้นสูง สื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ นักธุรกิจพ่อค้าต่างๆพลอยเสื่อมทรามลงไป เพื่อคนๆเดียวคือนายสนธิลิ้มอยู่รอด ทั้งที่นายสนธิลิ้มก่อหนี้สินล้นพ้นตัว จนถูกศาลสั่งล้มละลาย ตอนมีความสุขร่ำรวยเขารวยคนเดียวอวดใหญ่โตเอาหน้า แต่พอล้มละลายก็กลับฉุดเอาคนไทยทั้งประเทศล้มละลายตามเขาไปด้วย การณ์เหล่านี้ย่อมชั่วร้าย และคนที่คิดว่าตนฉลาด ไม่รู้ทันคนอย่างนายสนธิเลยหรือ...

ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงต่อสู้ เพื่อปกป้องและฟื้นฟูประชาธิปไตยให้เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ต่อสู้เพื่อให้บ้านเมืองมีขื่อแป ให้ว่ากันไปตามผิดตามถูก ต้องการให้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้รัฐบาลได้บริหารเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่จะเลือกใครมาเป็นรัฐบาล เสื้อแดงยอมรับได้ ไม่เว้นแม้แต่ประชาธิปัตย์ ขอเพียงให้ผ่านกระบวนการเลือกตั้งโดยคนส่วนใหญ่

ส่วน ทักษิณนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เป็นแนวร่วมที่เห็นทิศทางเดียวกันกับคน เสื้อแดงในเรื่องของหลักประชาธิปไตย และหากทักษิณจะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นก็เป็นไป ตามหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมที่ถูกต้องชอบธรรม และโดยกลไกปกติของสถาบันต่างๆ ไม่ใช่อำนาจพิเศษใดๆมาบันดลบันดาลให้แบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รับ

Q:เสื้อแดงหลงผิดสู้เพื่อทักษิณทำไม ทั้งที่ทักษิณจ้องล้มเบื้องสูง เพื่อจะเป็นประธานาธิบดี
A: ผิด!ในระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขนั้น ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีประเทศใดที่นายกรัฐมนตรีจะล้มล้างกษัตริย์ของตน เพื่อเป็นประธานาธิบดีเลย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ หรือที่ไหนๆในโลก เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งในการบริหารประเทศ ส่วนกษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุข จึงไม่มีนายกรัฐมนตรีประเทศใดคิดจะพ้นจากตำแหน่งบริหารไปเป็นประมุขของ ประเทศ ที่สำคัญทักษิณผ่านโรงเรียนเตรียมทหารมา ถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีมาตลอดชีวิต การจัดงานเฉลิมฉลองครองราชย์60ปีอย่างยิ่งใหญ่ก็จัดโดยทักษิณ แม้จะถูกกล่าวหาในเรื่องไร้สาระเช่นนี้ทักษิณก็ประกาศว่าเป็นผู้จงรักภักดี อย่างไม่เสื่อมคลาย

ข้อกล่าวหาทำนองเดียวกันนี้เคยมีกับอดีตนายก รัฐมนตรีของไทยหลายท่าน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แม้แต่พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร บุตรของจอมพลถนอม กิตติขจร และได้ทำลายบุคคลเหล่านี้มาแล้ว และถูกพิสูจน์ว่าล้วนเป็นข้อใส่ร้ายเพื่อหวังผลทำลายล้างทางการเมืองทั้ง สิ้น

เสื้อแดงจึงไม่ได้ปกป้องบุคคลใดที่คิดล้มล้างสถาบัน เพราะไม่มีบุคคลใดคิดเช่นนั้นตามข้อกล่าวร้าย แต่หากจะต่อสู้เรียกร้องก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และคืนความเป็นธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหาอันเป็นเท็จเท่านั้น

ความจริงควร มีการจัดการขจัดบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใส่ร้ายทักษิณด้วยข้อกล่าวหานี้เสีย ที เพราะเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องยุคลบาท และทำให้พระเกียรติยศต้องถูกกระทบกระเทือนมามากพอแล้ว

Q:เสื้อแดงมีแต่รากหญ้าทำให้ถูกทักษิณซื้อ ชักจูงได้ง่าย
A: ผิด! แต่เสื้อแดงมีประชาชนไทยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เช่น นายวีระ มุสิกพงษ์ มีไฮโซอย่าง"เจ๊ดา"ดารณี มีนักวิชาการมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนทางวิชาการอย่างเปิดเผย มีข้าราชการ ทหารตำรวจทุกหมู่เหล่า แพทย์ พยาบาล วิศวกร ทนายความ นักวิชาชีพอิสระ มีเอ็นจีโอ นักร้อง ดารา ศิลปิน นักกวี นักเรียนนิสิตนักศึกษา มีประชาชนทุกสาขาอาชีพทั้งนักธุรกิจ เจ้าของกิจการในกรุงเทพฯ เขตเมือง และชนบท มีฐานอยู่ทุกภูมิภาคทุกท้องถิ่น ในต่างประเทศทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย ออสเตรเลีย และทุกทวีปก็มีประชาชนผู้สนับสนุนฝ่ายเสื้อแดงอยู่กระจายไปหมด

ชน ชั้นกลางคนรุ่นใหม่ที่สนใจทางการเมืองในเวบไซต์ที่เป็นกลางอย่างบอร์ดราช ดำเนิน เวบไซต์พันทิปก็มีคนสนับสนุนฝ่ายเสื้อแดงในสัดส่วนที่มากกว่าอย่างเห็นได้ ชัด ดังนั้นจึงเป็นวาทกรรมผิดๆที่ว่ามีเฉพาะคนรากหญ้าที่เป็นฝ่ายเสื้อแดง

Q:การเมืองใหม่เท่านั้นเป็นทางออกของประเทศ การเมืองเก่าก็คงถูกทักษิณซื้ออยู่ร่ำไป
A: ผิด! หากพันธมิตรเชื่อว่าเป็นทางออก และเห็นว่าคนในประเทศส่วนใหญ่สนับสนุนการเมืองใหม่ ก็ต้องกล้าพิสูจน์ เช่น ชูเป็นนโยบายหาเสียง แล้วพันธมิตรก็ต้องกล้าตั้งพรรคการเมืองลงสมัครรับเลือกตั้ง หากคนส่วนใหญ่เอาด้วยก็ให้นำนโยบายการเมืองใหม่มาใช้ แต่ที่ผ่านมาคนของพันธมิตรที่ลงเลือกตั้งประชาชนไม่ยอมเลือก ทั้งนายสำราญ รอดเพชร นายประพันธ์ คูณมี นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายการุณ ใสงาม นายไทกร พลสุวรรณ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ ลงเลือกตั้งก็สอบตกหมด จนต้องไปใช้กลุ่มพลังกดดันทางการเมืองยึดทำเนียบ ยึดสภา ยึดสถานีโทรทัศน์ ยึดสนามบิน เอาความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศมาบีบบังคับให้ต้องยอมทำตาม

Q:คนกรุงเทพฯอยู่ข้างพันธมิตร ดังนั้นเสียงของประชาชนในชนบทต้องยอมตาม เพราะกรุงเทพฯเจริญที่สุด
A: ผิด! คนกรุงเทพฯกว่าครึ่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตร ในการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ล่าสุด แม้พรรคแนวร่วมของพันธมิตรที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน9แสนคะแนน แต่อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยที่คนเสื้อแดงสนับสนุนได้6แสนกว่าคะแนน คนที่ต่อต้านพันธมิตรอย่างหนักคือคุณปลื้มได้อีก3แสนกว่าคะแนน รวมกันก็เกือบ1ล้านคะแนน นี่คือเสียงของคนกรุงเทพฯที่ไม่เอาพันธมิตร

และ เวลาโพลล์สำรวจก็พบว่า คนกรุงเทพฯผิดหวังพฤติกรรมยึดสนามบินของพันธมิตรที่สุด และเกินกว่า90%ที่เรียกร้องให้เร่งดำเนินคดีต่อพันธมิตร ดังนั้นอย่าเข้าใจผิด และถึงอย่างไรก็ตาม ประเทศประชาธิปไตยที่ทุกคนมี1เสียงเท่ากัน ก็อย่าไปแยกคนกรุงหรือคนบ้านนอกแบบมั่วๆอีกต่อไป เว้นแต่พันธมิตรจะได้อำนาจรัฐและแก้ไขกติกาให้พันธมิตรเท่านั้นที่มีสิทธิ์ ยึดกุมความถูกต้อง ยึดกุมอนาคตประเทศชาติไว้ในกำมือ แต่นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ

Q:แล้วทำอย่างไรปัญหาจึงจะจบ
A: ต้องให้เกิดความยุติธรรม บ้านเมืองจึงจะสงบ ต้องยึดกฎหมายขื่อแป ต้องฟื้นฟูนิติธรรม นิติรัฐตามระบบนานาอารยะประเทศทำเท่านั้น ตราบใดที่ไม่มีความยุติธรรม ตราบนั้นก็ไม่มีความสงบสุขในประเทศ

Q:ตกลงว่าทักษิณไม่ต้องติดคุกใช่ไหม ถึงเรียกว่าเกิดความยุติธรรม
A: ผิด! หากทักษิณผ่านกระบวนการพิจารณายุติธรรมตามหลักที่นานาอารยะประเทศยึดถือและ เชื่อถือได้ ไม่มีการแทรกแซงชี้นำสั่งการทั้งทางตรงและอ้อม หากทักษิณจะติดคุกคดีที่ดินรัชดา2ปี ก็สมควรต้องกลับมาติดคุก แต่ก็ต้องจัดการแกนนำพันธมิตรคดีก่อการกบฎ และก่อการร้ายที่มีฐานความผิดจำคุกตลอดชีวิต ถึงประหารชีวิตด้วยเช่นกัน

A: แต่พันธมิตรทำเพื่อประเทศชาติ และเพื่อสถาบันนะจะให้ดำเนินคดีได้อย่างไร ควรนิรโทษกรรมจึงจะถูก ส่วนเสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณคนเดียว หากทักษิณกลับมาติดคุกปัญหาจึงจะจบ
Q:ผิด! ที่ปัญหามันไม่จบ เพราะพันธมิตรสร้างวาทกรรมที่ผิดๆเช่นนี้เอง

บทบรรณาธิการนสพ.ญี่ปุ่น 2 ฉบับว่าด้วยการเยือนของนายกฯอภิสิทธิ์

โดย จิ๋ม นางเลิ้ง
ที่มา เว็บบอร์ดพันทิป
7 กุมภาพันธ์ 2552

นสพ.อาซาฮี วันที่ 5 ก.พ.52 ลงบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเยือนญี่ปุ่นของนายกฯอภิสิทธิ์
http://www.asahi.com/paper/editorial20090206.html?ref=any#Edit2

อา ซาฮีเขียนไว้ก่อนที่ นายกฯอภิสิทธิ์จะเดินทางไปถึง โดยเริ่มด้วยการเท้าความถึงเหตุการณ์ไม่สงบในปีที่แล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์ยึดสนามบิน บอกว่าชาวญี่ปุ่นจำนวนมากต้องตกค้างไม่สามารถเดินทางกลับได้ บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งได้รับผลกระทบ และยังบอกด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลครั้งนี้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มต่อต้านทักษิณ

อาซาฮีบอกว่า ตอนนี้กลุ่มสนับสนุนทักษิณได้รวมตัวกันประท้วงเพื่อให้เอาผิดกับผู้ยึดสนาม บิน ดังนั้นรัฐบาลใหม่นี้จะต้องฟื้นความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้หวังการลงทุนหรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

แล้ว ก็เขียนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ว่าส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเซียอย่างไร ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้จะหวังพึ่งตลาดสหรัฐอเมริกาเหมือนเมื่อครั้งปี 1997 ไม่ได้ จึงควรขยายการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเซียกันเอง ขอให้ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของตำแหน่งประธานอาเซียนด้วย

จบด้วยเรื่องโรฮิงญาว่าการสอบสวนอย่างโปร่งใสจะมีส่วนช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้กับไทย

ฉบับที่สอง เป็นหนังสือยักษ์ใหญ่ด้านเศรษฐกิจ นิฮอน เคไซ ชิมบุน
http://www.nikkei.co.jp/news/shasetsu/20090206AS1K0600106022009.html ตีพิมพ์บทบรรณาธิการในฉบับวันที่ 7 ก.พ.52

เนื้อหา ก็ประมาณว่า นายกฯอภิสิทธิ์เดินทางมาเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สองต่อจากลาว และสรุปสาระของสปีชที่นายกฯมาพูดที่ญี่ปุ่น และบอกว่านายกฯมีแผนที่จะเดินทางไปเยือนไปจีน รัสเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรปด้วย มีแซวเล็กน้อยว่า ด้วยวัยเพียง 44 ปี และใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วอย่างนี้ ถือว่าเป็น ท็อปเซล (เดาว่าคงหมายถึง ขายออกแน่..ประมาณนี้มั้ง)

บทบรรณาธิการกล่าวต่อไป ว่า การเยือนครั้งนี้ของนายกฯอภิสิทธิ์ดูเหมือนว่าต้องการฟื้นความเชื่อมั่น แต่กุญแจสำคัญที่จะฟื้นความเชื่อมั่นได้จริงๆ คือความมีเสถียรภาพของการเมืองในประเทศ ปีที่แล้วการชุมนุมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านอดีตนายกฯทักษิณ แต่เมื่อนายกฯอภิสทธิ์ขึ้นมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล กลับเป็นว่าผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกฯ และยังมีการเรียกร้องให้ยุบสภาด้วย

นายกฯอภิสิทธิ์ได้แถลงนโยบายว่า จะให้ความเป็นธรรมและยึดมั่นในครรลองของกฎหมาย แต่ปรากฎว่าการสอบสวนความรับผิดชอบต่างๆรวมถึงการยึดสนามบินกลับไม่มีความ คืบหน้า คงต้องรอดูความเป็นผู้นำของนายกฯอภิสิทธิ์ว่าจะทำให้เรื่องคืบหน้าได้อย่าง ไร

และก็กล่าวถึงเรื่องโรฮิงญา ว่าประเทศไทยต้องทำความจริงให้กระจ่าง ปิดท้ายด้วยการบอกว่า ความมีเสถียรภาพของไทยส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจและนโยบายด้านเอเซียของญี่ปุ่น ความตั้งใจที่จะทำการเมืองให้โปร่งใสของนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ประเทศในเอเซียให้ความสำคัญ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงควรให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุน

ยิ่งนานเข้า ก็ยิ่งตาสว่าง....ผมเชื่อแล้วว่า "ทักษิณโคตรโกงจริงๆ" ขอโทษ! ที่ไม่เชื่อตั้งแต่แรกๆ

โดย คุณแท็ก
ที่มา เวบไซต์ talk.mthai
8 กุมภาพันธ์ 2552

แม้ว สุดยอดแห่งคนขี้โกง ...ผู้สร้างความเดือดร้อน และความไม่พอใจให้กับหลายๆ คน ทั้งในและนอกประเทศ ... คนขี้โกง อย่างแม้วคนนี้ สมแล้ว ที่มีคนเกลียดอย่างมากมาย...

เอาในประเทศก่อน

1. โกงอำนาจจากพวกค้ายาเสพติด


ใช้อำนาจแทรกแซงสารพัด ทั้งตำรวจ ศาล ตชด. ปปง. ปปช. ใช้อำนาจกวาดล้างไปทั่วแผ่นดิน

... ซ้ำยังใช้อำนาจ ตั้ง ชุดรักษาความปลอดภัย หมู่บ้าน ตั้งด่านตรวจกันตลอดคืน ช่วงระบาดหนัก ..พ่อผมเองยังใส่ชุด อปพร. ไป อยู่ศาลาหน้าหมู่บ้านเป็นเดือนๆ ลูกหลานขับรถผ่านต้องตรวจหมด

*** ด้วยความขี้โกง อันนี้ สมแล้วที่คนจำนวนมาก เกลียดแม้ว อยากจะเอาชีวิตแม้ว

2. โกงผู้มีอิทธิพล หวยไต้ดิน เงินกู้นอกระบบ

... แม้วเคยปราบปรามซุ้มมือปืน ขนานหนักอยู่พักนึง จัดการวินมอไซต์ เสื้อตัวละหลายพัน จนเดียวนี้ จ่าย ท้องถิ่นแทน คนคุมปากซอย ปราบปราม พวกมีปืนในครอบครอง

...ใครมี เอามาส่งตำรวจไม่มีความผิด ...ใครค้างคา เอาไปขึ้นทะเบียน ...ปราบปรามหวย ปราบไม่ได้ตั้งกฏหมายมาสู้ ได้สองต่อรัฐมารายได้

... พวกเงินกู้นอกระบบ แม้วจัดการไปเยอะ ทั้งปราบปราม ทั้งต่อรองหนี้แล้วโยกเข้าระบบ

...การเป็นหนี้นอกระบบ ทำให้รัฐ ไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงปัญหาการเงินของประเทศ เพราะคำนวณลำบาก

... แม้วจัดเงิน ดอกเบี้ยต่ำออกไปแทน

*** จาก 3 แก๊งข้างต้น มีคนจำนวนมาก เกลียดแม้วยิ่งนัก พวกนายทุน พวกที่มีอิทธิพล ทำธุรกิจ เกลียดเข้าไส้ เข้ามาขัดขวางการทำมาหากิน

3. โกงเงิน พวกทำธุรกิจบางกลุ่ม

แม้ว เคยทำแสบกับพวกนี้ ...พวกล้มบนฟูก ...อย่างศาสดาท่านหนึ่ง การเข้ามาของแม้ว ทำให้นโยบายอุ้มคนรวย นั้นหายไปด้วย กลุ่มนี้เกลียดแม้วมาก และยังหาสมัครพรรคพวก รวมกันมาประท้วงอีก

4. โกง อำนาจรัฐ อำนาจข้าราชการ ในท้องถิ่น

คิด ดู สมัยแม้ว ตะลอนไปทั่วประเทศ ประชุม ครม. ที่ก็คอนเฟอเร้น ไปที่ใหน สร้างแต่ความวุ่นวายให้ ข้าราชการ เช้าชามเย็นชาม ต้องแบกหน้าหาผลงาน สร้างผลงาน แล้วมารายงาน ข้าราชการเหนื่อยมากกว่าแต่ก่อนมาก แต่แม้วยังกำชับ ให้ยิ้มเข้าไว้ แถมจับมาปฎิรูปอีก ...แต่ขึ้นเงินเดือนให้นิดเดียว

*** มีข้าราชการจำนวนมากไม่ชอบแม้ว

5. โกงอำนาจจากสภาทหาร อำมาตยาธิปไตยมาเป็น สภาประชาชน

เขาอยู่กันมาเป็นหลายสิบปี มีทหาร มีอำมาตย์ ดูแล แล้วดันพาประชาชนไปโกงมาซะันี่ สภาที่เคยเป็นโต๊ะบุบเฟ่ หดหายไป..

พวกนายสภาเก่าๆ ใหม่เจ๊บแค้น และหิวโหยมาก พวกนี้น่าจะเกลียดแม้วมากสุด เมื่อแม้วอยู่ ก็กล่าวหาต่างๆนานา ว่าเป็น "เผด็จการรัฐสภา"

อันนี้หลักใหญ่ๆ ที่กลุ่มคนใหญ่ๆ ในประเทศ รุมเกลียดแม้ว กันมาก

ทีนี้มาดูต่างประเทศบ้าง

ด้วยความที่แม้วเป็นพ่อค้า หน้าเหลี่ยม ขี้โกง ค้าขายเอารัดเอาเปรียบทุกวิถีทาง แม้วได้สร้างวีรเวร ดังนี้

1. ตั้งแก๊ง รวมหัวขึ้นราคาสินค้าซะงั้น แถมเป็นแก๊งระดับประเทศ ที่ดังๆ ก็ ยางพารา จากราคาห้าบาทสิบบาท ขึ้นกันเป็นร้อย โกยเงินเป็นกอบเป็นกำ

คนเกลียดมีมาก ก็พวกจ่ายเงินซื้อของนี่แหละ

2. แม้วเป็นพวกจอมฉกฉวยโอกาส หลังจาก ลอยตัวค่าเงินบาท ส่งผลให้ เวลาแลกเงินจากดอลเป็นบาทแล้ว ได้บาทมาก แม้วเลยระดมทุน ส่งออก อย่างไม่ยั้ง ขนเงินเข้าประเทศ โดยการส่งออกถือเป็น งานหลักของแม้วเลยทีเดียว ทำเงินได้มากที่สุด

...ฝรั่งที่เคยโจมตี เงินบาท กลับต้องมาจ่าย กับสินค้า ...ส่งขายมันทุกอย่าง จนฝรั่งงง ฝรั่งเซ็ง เพราะที่เคยโจมตีเงินบาทครั้งโน้น มีแม้วมาย้อนศรซะได้

3. แม้วเป็นพวกต้มตุ๋น หลอกฝรั่งมา ทำงานเมืองไทย แล้วฟันหัวคิว หลอกมา โดยบอกตั้งโรงฟรี แต่ฟันภาษี อื้อซ่า ทั้งสินค้านำเข้าก็เสีย ส่งออกก็เสีย ของตั้งโรงงาน แม้วก็ขายเอง ถ้าฝรั่งเจ๊ง ก็เอาโรงงานออกไปไม่ได้ ไม่รู้จะบบรยายความขี้โกงของแม้วข้อนี้อย่างไรดี

4. แม้วยังเป็นพวกขยายอำนาจทางค้าขาย โดยพาพรรคพวกไปลงทุนต่างประเทศ พาพวกไปตกน้ำมัน พม่ามั่ง ตะวันออกกลางมั่ง

5. แม้วยังบ้าอำนาจไม่เลิก ปราบผู้มีอิทธิพล แต่ดันไปจับมือกับผู้มีอิทธิพล อีกกลุ่ม อย่างจีน เมกา สิงคโปร์ อินโดฯ พาพวกเสื้อเขียวลายพราง มาเดินเล่นเต็มประเทศ พาไปซ้อมยิงปืน พาไปเล่นซ่อนแอบ พาไป ลงเรืออีก แต่ละคนพกปืน ดุ้นเล็กดุ้นใหญ่ พกระเบิดปิงปอง ไม่รู้แม้ว จะไปตีกับใคร

6. แม้วเคยโกง ธนาคารระหว่างประเทศ มาครั้งนึง ตอนนั้น ยึดอำนาจมาจากการเมืองกลุ่มหนึ่งได้ ก็ดันเอาตังไปใช้หนี้ซะหมด ธนาคารพวกนั้น เลยอดได้ดอกเบี้ยที่สมควรจะได้ แถมยังขัดขา ฉีกหน้า พวกที่ไปกู้มากอีก

****คนอย่างแม้ว สมแล้ว ที่คนจำนวนมากเกลียดเข้าไส้

ฝ่ายประชาธิปไตย ปิดประตูแพ้แน่นอน ในยุคสมัยนี้ .. แม้ยืดเยื้อยาวนาน

ประชาไท
8 กุมภาพันธ์ 2552

การ เรียกร้องประชาธิปไตยของประเทศเรา และของพวกเราเที่ยวนี้ ตามความเข้าใจของผมแต่ต้น หลังจากฟังนักต่อสู้รุ่นเก่าๆ ในช่วงหลัง 19 ก.ย. ซึ่งยอมรับกันตรงๆ ก่อนหน้านั้น มีความเข้าใจน้อยมาก ซึ่งเหมือนเหตุการณ์ 11 ก.ย. ผมก็มีความเข้าใจในความเชื่อของมุสลิมน้อยมาก จนมีการใช้เครื่องบินชนตึก ถึงลงมือศึกษาอย่างจริงจัง

-------------------------------------------

สอง เหตุการณ์นี้ ผมมีความเข้าใจมากขึ้น และถึงขั้นมากที่สุด แถมเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ด้วยว่า ความน่าจะเป็นไปได้ว่า ต่อไปจะเกิดอะไร

กลับ มาที่การเมืองบ้านเรา หลังจากศึกษาโครงสร้าง ประวัติศาสตร์การปกครอง คุยกับผู้ที่มีความรู้หลากหลาย ถึงได้รู้ว่า เรานี้อยู่มาจนหัวหงอก ไม่เคยรู้รายละเอียดการปกครองของบ้านเมืองเราเลย

ได้แต่มีคำถามว่า
- ทำไมประเทศเรา พัฒนาช้าถึงช้ามาก
- ทำไมประเทศที่กำเนิดมาทีหลังเรา แถมไม่มีทรัพยากรเท่าไร ถึงมั่งคั่ง ประชาชนอยู่ดีมีสุข

คำถามที่ไม่รู้คำตอบ ได้ฝังหัวเหมือนเป็นปมคาไว้ ไม่ได้แก้

บัดนี้โรคหูตาสว่าง คำตอบที่แท้จริง มาจาการเมืองเรานี่เอง เพราะประเทศเราไม่มีความสงบทางการเมือง

กลับมาดู ทำไมไม่สงบ ก็เพราะ มีการปฏิวัติรัฐประหาร บ่อยเกิน

ไล่ต่อไป ทำไมถึงปฏิวัติบ่อย คำตอบที่ได้ เมื่อก่อน กับตอนนี้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก่อน 19 ก.ย. เพราะนักการเมืองโกงกิน ทำให้ประชาชนยากจน

หลัง 19 ก.ย. ได้คำตอบใหม่ ที่รับรองไม่ผิดแน่นอน เมื่อประชาชนเริ่มลืมตาอ้าปากจากนโยบาย ไทยรักไทย เริ่มอยู่ดีมีสุขแล้ว ทำไมถึงมีปฏิวัติอีก

คำตอบตอนนี้ อ๋อ มีผู้มีอำนาจที่แท้จริง ต้องการกดหัวประชาชน ไม่ให้มีการอยู่ดีกินดี เพราะหากท้องอิ่ม ก็เริ่มโหยหาเสรีภาพ ผู้มีอำนาจยอมไม่ได้ตรงนี้

นี่ เอง คือกลุ่มตัวเองต้องมีอำนาจการปกครองประเทศนี้กลุ่มเดียว ไม่มีทางที่จะยอมเสียตรงจุดนี้ได้ ไม่ว่าประชาชนจะอดอยาก ยากจน หรือตายไปเท่าไหร่ ก็ให้มันเป็นไป ฉันจะเอาอำนาจไว้กับกลุ่มฉัน เพียงกลุ่มเดียว

-------------------------------------------

มา เดาอนาคตกันเลย ในขณะนี้ ประชาชนลุกฮือขึ้นมา ทวงสิทธิอันชอบธรรมแล้ว และในประวัติศาสตร์ทุกประเทศในโลก ประชาชนจะชนะเสมอ ไม่มีแพ้แน่นอน แต่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อจำนวนมาก

แล้วประเทศเราละ ก็คงไม่ต่างจากนั้น เรื่องชนะไม่ต้องห่วง ชนะแน่นอน 100%

จงเป็นห่วงเรื่อง ทำอย่างไรให้สูญเสียชีวิตเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์ให้น้อยที่สุด

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ความสูญเสียทั้งทางเศรษฐกิจ และเลือดเนื้อ หนีไม่พ้นแน่นอน

เพราะไม่มีเผด็จการประเทศไหน คายอำนาจออกมาเอง และไม่มีเผด็จการประเทศไหน ลงจากอำนาจ แบบมือไม่เปื้อนเลือด

เมื่อ เรารู้อนาคตแล้วว่า เผด็จการไม่มีให้ประชาธิปไตยเราแน่นอน แล้วจะร้องขอไปทำไม ต้องต่อสู้เอาเองเท่านั้น เหลือแต่จะต่อสู้อย่างไร ไม่ให้เสียเลือดเนื้อ ปิดประตูแพ้ไปเลย

การต่อสู้ที่จะให้ความสูญ เสียน้อย ต้องลากยาวไปจนกว่า เผด็จการจะอ่อนแอ หรือ รอจนกว่า หัวหน้าใหญ่เผด็จการที่มีบารมีสูง ตายก่อน แล้วผู้ที่ขึ้นต่อ อำนาจบารมียังไม่มี

แต่ในระหว่างรอ เราต้องมีกิจกรรมเป็นประจำ เพื่อไม่ให้กลุ่มแตกหรือเงียบเหงา

อย่ารีบเร่งจนพาคนไปตาย เพื่อให้ได้อำนาจ เพราะเผด็จการมันฆ่าแน่ ไม่ต้องถามว่า กล้าหรือไม่

เมื่อ รู้แล้ว เราต้องปรับจูนความเข้าใจกันในหมู่คณะว่า เกมส์นี้ลากยาว อาจ เป็น 3, 5, 7 ปี แล้วแต่โอกาส รอหัวหน้าใหญ่เผด็จการที่มีอำนาจบารมีมาก ตายไปก่อน การต่อสู้เราถึงรุกตอนนั้น จะสูญเสียน้อยมาก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องแพ้ ชนะ

เพราะพวกประชาธิปไตย ปิดประตูแพ้แน่นอน ในยุคสมัยนี้

เจ้าของม็อบมีเส้นอำมหิตเลือดเย็น ปล่อยอันธพาลการเมืองยั่วยุก่อเหตุนองเลือดอุดรรับวาเลนไทน์




มันมาแล้ว-นักรบศรีวิชัย การ์ดหน้าโจรพธม.ที่ถูกจับตอนบุกยึดโทรทัศน์NBTได้ประกันออกจากคุกหมดทุกคน นายสนธิลิ้มได้เรียกระดมพลเป็นกองกำลังบุกยึดอุดรฯเป็นเมืองขึ้นให้ได้ในวัน ที่14ก.พ.นี้ โดยที่เจ้าของม็อบมีเส้นนั่งรอดูคนในชาติฆ่ากันแตกแยกเป็นเสี่ยงอย่างอำมหิต เลือดเย็น ส่วนผู้ว่าฯทำได้แค่กราบวิงวอน ให้เลิกมายั่วยุก็จะเลี่ยงเหตุนองเลือดได้

โดย ไทยอีนิวส์
8 กุมภาพันธ์ 2552

ผู้ ว่าอุดรฯหนักใจม็อบชั่วพันธมิตรระดมนักรบศรีวิชัย-การ์ดหน้าโจรบุกตีอุดร เป็นเมืองขึ้น ชี้ชัดหากพันธมิตรไม่รนหาที่ยกพวกมายั่งยุก็จะไม่มีเรื่อง วอนกลุ่มคนเสื้อเหลืองเลื่อนจัดงาน แต่ม็อบมีเส้นหยันเพราะทำชั่วขนาดยึดสนามบิน-ทำเนียบโดยไม่ถูกดำเนินคดีก็ ยังลุยมาแล้ว แค่บุกก่อเหตุหยามเสื้อแดงอุดรถือว่าเด็กๆ หากกองกำลังถูกตีแพ้ก็แค่ออกข่าวด่าเสื้อแดงถ่อยทำร้ายพธม.ผู้บริสุทธิ์ หากเสื้อแดงไม่ออกมาก็จะเหยียดหยามว่าใจป๊อด สรุปแล้วการรนหาที่ไปรุกรานเที่ยวนี้มีแต่ได้ เจ้าของม็อบได้เห็นประเทศแตกเป็นเสี่ยงแน่คราวนี้

นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัยกรณีที่พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางไปทำกิจกรรมที่ จ.อุดรธานีในวันที่ 14 ก.พ.นี้ว่า ได้มีการประชุมในเบื้องต้น พยามที่จะให้ทั้งสองฝ่ายได้เข้าใจกัน ตนเป็นห่วงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยได้ขอให้พันธมิตรฯ หลีกเลี่ยงที่จะจัดงาน หรือชะลอเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ ในขณะที่กลุ่มเสื้อแดงก็ได้มายื่นหนังสือผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีได้พูดจากับพันธมิตรฯ

นายอำนาจเผยว่า ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างก็มีมวลชน มันยากต่อการดูแลที่ผ่านมาหลังจากที่ได้เชิญทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ คุยกันในเบื้องต้นแล้วนั้น ส่วนราชการต่างๆ ฝ่ายความมั่นคง ก็ได้มีการประชุมกันเพื่อประเมินสถานการณ์ ซึ่งทางตำรวจได้มีการซ้อมแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

“ขณะนี้เราได้มีการติดตามสถานการณ์ทั้ง 2 ฝ่ายอย่างใกล้ชิด เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีการรณรงค์ให้สมาชิกของตนมาร่วมงานกัน ซึ่งทางจังหวัดจะมีการประชุมสรุปกันอีกครั้งในวันที่ 10-11 ก.พ.นี้ ในขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนซักซ้อม จำลองสถานการณ์ เพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ให้เกิดความรอบคอบ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบทเรียนมาแล้ว เราจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ต่อไป ตัวอย่างเช่น หากแกนนำเดินทางมาทางสนามบิน ถ้าเกิดมีการปิดล้อมขึ้นมาจะทำอย่างไร หรือ เหมือนกรณีที่ จ.ร้อยเอ็ด ที่มีการยึดพื้นที่ได้ก่อน จะต้องทำอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันกับฝ่ายความมั่นคง ประสานกำลังกับหน่วยตำรวจดูแลมวลชน ประมาณ 1,500 นาย พร้อมทั้งเตรียมเครื่องมือปราบจลาจล วางแผน ซ้อมแผน ประเมิน สถานการณ์กันตลอด” นายอำนาจ กล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดร กล่าวว่า อยากจะขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ให้กระทำการท้าทาย ยั่วยุ เพื่อนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรง บ้านเมืองของเราบอบช้ำมามากแล้ว ควรจะมีสติ ไม่คิดที่จะเอาชนะคะคานกัน พร้อมทั้งวิงวอนสื่อมวลชนให้ช่วยกันด้วยอีกทางหนึ่ง เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างก็ปลุกระดม เอามวลชนมาปลุกให้เกิดการต่อต้านกันมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการปราบปรามหากเกิดความรุนแรงขึ้น จะใช้วิธีการอย่างไร นายอำนาจ กล่าวว่า จะต้องนำบทเรียนจาก กทม.ไปใช้ด้วย ตามที่คณะกรรมการสิทธิ์ให้ข้อแนะนำ ในการสลายการชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ในส่วนของมวลชนเรายังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าจะสามารถคุมสถานการณ์ได้

“ในเบื้องแรกทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขอใช้ทุ่งศรีเมือง แต่พื้นที่บริเวณนั้นยากต่อการรักษาความปลอดภัย หากไปใช้ที่หนองประจักษ์ฯ ก็สามารถที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยได้ง่าย เพราะสามารถเข้าออกได้แค่สองประตู เราจะทำการบล๊อกถนน พร้อมกับประสานกับตำรวจ ให้ดูแลความปลอดภัยในเรื่องการตรวจเข้มอาวุธทุกชนิดเป็นพิเศษ รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจระเบิด

“นอกจากนี้ก่อนที่จะมีงาน 4-5 วัน ก็จะมีการตั้งด่านสกัดรอบเมือง เพราะทราบข่าวว่ามีการประกาศให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เราจึงได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายความมั่นคง ให้ตั้งด่านคุมเข้ม สกัดการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ทุกชนิด รวมทั้ง จะนำกำลังมาอยู่ในพื้นที่หนองประจักษ์ สนามบินอุดรธานี และบริเวณจุดรอบเมือง โดยจะต้องประเมินเพิ่มในระดับหนึ่ง หากมวลชนเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีการเพิ่มกำลังเสริม จากจังหวัดใกล้เคียงทั้ง หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม หนองคาย ซึ่งผู้บัญชาการภาค 4 ก็จะลงมาดูแลวางแผนระบบอย่างใกล้ชิด” นายอำนาจ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์ดังกล่าวต่อรัฐมนตรีแล้วหรือยัง นายอำนาจ กล่าวว่า ตนได้เข้าพบ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้ารายงานสถานการณ์ พร้อมกับทำหนังสือ คิดว่าหลังจากวันหยุดยาว นายบุญจง คงนำเรื่องดังกล่าวรายงานสถานการณ์ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายการเมืองก็สั่งมาให้ดูแลว่าจะเจรจากันอย่างไร ซึ่งคำสั่งจากส่วนกลางก็คือการกำชับให้ดูแลพื้นที่ให้ดีที่สุด

“ผมหนักใจ แต่ก็ยังมีเวลาทำความเข้าใจกันอยู่ ต้องมีสติกัน ไม่สร้างให้เกิดความวุ่นวายให้เกิดขึ้นอีกในประเทศของเรา ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ล่อแหลม ที่จะเกิดขึ้นอีก” นายอำนาจ กล่าว

นายอำนาจ กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มเสื้อแดงนั้น นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้ยืนยันว่า เขาจะอยู่ที่สถานีวิทยุของเขา ถ้าไม่มีการยั่วยุ ท้าทาย สถานการณ์ก็น่าจะผ่านไปด้วยดี

ทั้งนี้ เวบผู้จัการ กระบอกเสียงพันธมิตรรายงานว่า การจัดงานของพันธมิตรฯ ในวันที่ 14 ก.พ. 52 นั้น เป็นงานในลักษณะคอนเสิร์ตการเมือง โดยใช้ชื่องานว่า “14 กุมภาพันธ์ให้รักเราท่วมท้นประเทศไทย : ร่วมสร้างการเมืองใหม่ที่อุดรธานี” มีการปราศรัยของแกนนำพันธมิตรฯ สลับกับการแสดงดนตรี เริ่มงานตั้งแต่ 16.00 น. ไปจนสว่าง โดยไม่ได้เคลื่อนย้ายมวลชนไปไหน

แต่ภายหลังจากพันธมิตรฯ ประกาศจัดงานดังกล่าว นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศว่าจะระดมคนเสื้อแดง 2 แสนคนออกมาต่อต้านพันธมิตรฯ ไม่ให้จัดงานดังกล่าว แต่ถ้าหากยังไปจัดงาน ก็จะเกิดความรุนแรงเหมือนวันที่ 24 ก.ค.2551 ที่ กลุ่มของนายขวัญชัยทำร้ายพันธมิตรฯ อุดรธานีที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จนมีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายราย ซึ่งขณะนี้ศาลจังหวัดอุดรธานีได้รับฟ้องคดีไว้แล้ว

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา นายอำนาจ ในฐานะ ผู้ว่าฯ อุดรธานีได้เรียกประชุมแกนนำพันธมิตรฯ อุดรธานีและนายขวัญชัย แทนที่นายอำนาจจะขอร้องไม่ให้นายขวัญชัยเข้าไปก่อกวนการจัดกิจกรรมของ พันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานตามปกติและไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายมวลชนไปที่ ใด แต่นายอำนาจกลับขอร้องฝ่ายพันธมิตรฯ ให้เลื่อนการจัดงาน โดยอ้างว่าการจัดงานดังกล่าวจะทำให้เกิดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตามเมื่อนายเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ แกนนำพันธมิตรฯ อุดรธานียืนยันว่าไม่สามารถเลื่อนได้ เพราะได้มีการเตรียมงานไว้แล้ว นายอำนาจจึงรับปากว่าจะจัดกำลังตำรวจทหารมารักษาความปลอดภัยให้

นอกจากนี้ นายขวัญชัยยังได้กล่าวในที่ประชุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่า แม้ว่ากลุ่มคนรักอุดรจะรักประชาธิปไตยและรักความสงบแต่ตนไม่สามารถควบคุม สมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมดได้ ซึ่งเป็นการข่มขู่กลายๆ ว่าจะปล่อยให้สมาชิกคนรักอุดรฯ ใช้ความรุนแรงกับพันธมิตรฯ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกลับไม่ได้ปรามนายขวัญชัยเรื่องนี้แต่อย่าง ใด ทั้งที่สามารถบอกให้นายขวัญชัยใช้เครือข่ายวิทยุชุมชนของกลุ่มคนรักอุดรทำ ความเข้าใจกับสมาชิกได้

กระบอกเสียงพันธมิตรแจ้งว่า การที่กลุ่มของนายขวัญชัยมีท่าทีข่มขู่การจัดงานพันธมิตรฯ ทำให้พันธมิตรฯ จากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศประกาศจะเดินทางมาร่วมงานที่จังหวัดอุดรธานีจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ จากจังหวัดในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต จะเดินทางมาเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับงานครั้งนี้ด้วย

มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้จัดประชุมซักซ้อมนักรบศรีวิชัย และการ์ดฮาร์ดคอร์ ที่บ้านพระอาทิตย์
มี การส่งโทรสาร โทรศัพท์ จดหมายเรียก ให้เหล่านักรบมารายงานตัว การเตรียมการยกกำลังไปตีอุดรให้เป็นเมืองขึ้นของพันธมิตรให้ได้ เพื่อหยามว่าสามารถไปทุกจังหวัดในประเทศ โดยหากกองกำลังของนายสนธิสู้ไม่ไหวถูกทำร้ายก็จะออกข่าวว่าเสื้อแดงถ่อยทำ ร้ายพธม.ผู้รักสงบ แต่หากกลุ่มเสื้อแดงไม่ออกมาทำร้ายก็จะออกข่าวว่า พวกเสื้อแดงใจไม่ถึง และประกาศปักธงยึดอุดรไว้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมยั่วยุอย่างไม่เห็นบ้านเมืองมีขื่อแป ก็เพราะว่าไม่มีการจัดการดำเนินคดีใดๆกับพันธมิตรเลยในช่วงที่ผ่านมา แม้มีพฤติการณ์ทั้งยึดเอ็นบีที ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินมาแล้วก็ตาม

สะบ้าย้อยปะทะเดือดปลิดชีพ 2 แนวร่วมก่อความไม่สงบ

ประชาไท
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา



วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2009 07:57น.



สะบ้าย้อยปะทะเดือดปลิดชีพ 2 แนวร่วมก่อความไม่สงบ

สถานการณ์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดหนัก และมีการใช้ความรุนแรงรายวัน โดยเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 5 ก.พ.2552 กองกำลังผสมระหว่างตำรวจ ทหาร และตชด.นำโดย พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จากศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) พล.ต.เดชา กิ่งวงษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา และ พ.ต.ท.สมชาย ศรีศรยุทธ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.43 ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 7 หมู่ 2 บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ภายหลังสืบทราบว่ามีแกนนำผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปพักอาศัย



อย่าง ไรก็ดี ขณะแสดงตัวเข้าตรวจค้น ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัย 2 คนที่อยู่ภายในบ้านได้พยายามหนีออกทางประตูหลังบ้าน และใช้อาวุธปืนยิงเปิดทาง ทำให้เกิดการยิงปะทะกันขึ้น เมื่อเสียงปืนสงบลงพบศพ นายอับดุลเล๊าะ แส้เด็น หรือ มะกรี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย และนายตูวันมูฮัมมัด สาหมะ หรือ มะ แกแดะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก ซึ่งตรวจสอบทะเบียนปืนแล้วปรากฏว่าเป็นปืนที่ปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547



จาก การตรวจสอบประวัติของทั้งสองคน พบว่ามีชื่ออยู่ในบัญชีแกนนำแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบของ ศปก.ตร.สน โดยนายอับดุลเล๊าะ มีหมายจับคดีฆ่าคนตายของ สภ.สะบ้าย้อย 3 คดี ส่วนนายตูวันมูฮัมมัด มีหมายจับในคดีฆ่าคนตายของ สภ.สะบ้าย้อย 4 คดี ขณะนี้กำลังสอบสวนขยายผลเพื่อหาตัวเครือข่ายรายอื่นๆ ในพื้นที่ต่อไป



ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ดูงานพัฒนาระดับหมู่บ้าน

วัน เดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ไปที่มัสยิดบาโงสาเรง หมู่ 1 บ้านสาเก ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา พร้อมด้วย พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และกลุ่มแม่บ้าน โดยมี นายหะยีดาโอ๊ะ ดีลาตานา อิหม่ามประจำมัสยิดและคณะกรรมการมัสยิดให้การต้อนรับ



หลัง จากนั้น ผบ.ทบ.พร้อมคณะได้เดินทางไปรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่ฐานปฏิบัติการหน่วย เฉพาะกิจยะลา 13 และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกำลังพลที่หน่วยพัฒนาสันติ (นพส.13-7) ร้อย ร.711 หน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 ที่หมู่ 2 บ้านบือแนลาแล ต.สะเอะ อ.กรงปินัง พร้อมติดตามผลการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ชุมชน ต.สะเอะ ตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง



พล. อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการติดตามการปฏิบัติงานโดยรวมของหน่วยกำลัง และได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 รวมทั้งได้ลงไปดูกิจกรรมแบบส่วนเล็กๆ ภายในหมู่บ้าน ซึ่งหน่วยกำลังที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนจัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจอันดี กับประชาชน เพื่อหาแนวทางให้สถานการณ์ในพื้นที่เกิดความสงบสุข ซึ่งก็พบว่าได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ได้รับทราบถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไร สามารถประสานต่อไปยังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อให้มาดูแลเรื่องการพัฒนาที่ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่าง แท้จริง



รองผู้ว่านราฯ ปลื้มชาวบ้านแจ้งเบาะแสวิสามัญฯ คนร้ายได้หลายราย

ที่ จ.นราธิวาส นายธนน เวชกรกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ข้าราชการตำรวจ ทหาร และประชาชน รวมถึงทายาทของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่อาศัย หรือปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ 7 อำเภอของ จ.นราธิวาส ได้แก่ อ.รือเสาะ ศรีสาคร จะแนะ ระแงะ สุไหงปาดี สุคิริน และ อ.เมือง รวมทั้งสิ้น 53 ราย เป็นเงิน 3,838,400 บาท



โอกาส นี้ นายธนน ได้กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการชี้ เบาะแสของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทำให้ในเดือน ม.ค.2552 เพียงเดือนเดียว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มแกนนำคนสำคัญไปได้หลายราย พร้อมทั้งตรวจยึดอาวุธปืนสงครามของเจ้าหน้าที่ที่คนร้ายชิงไปกลับคืนมา กระทั่งเหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงพอสมควรในเดือน จึงขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าคงอีกไม่นานเกินรอจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีแนวโน้มเกิดความสันติ สุขอย่างยั่งยืนอีกครั้ง



ด้าน นายศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า จะจัดโครงการดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญที่เดินทางกลับจากการไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยกำหนดให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งในสังกัด จัดให้มีบริการเชิงรุกในชุมชน ออกเยี่ยมบ้านประชาชนเพื่อให้บริการตรวจสุขภาพทั่วไป ได้แก่ การวัดความดันโลหิต การเจาะเลือดตรวจหาโรคเบาหวาน คัดกรองโรคติดต่อระหว่างประเทศ เช่น ไข้กาฬหลังแอ่น โรคซาร์ส และโรคติดต่ออื่นๆ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวเพื่อการมีสุขภาพที่ดี ระหว่างวันที่ 10-13 ก.พ.นี้

“สาทิตย์” ตั้งกก.ปฏิรูปสื่อรัฐ พร้อมดันช่อง 11 ให้พื้นที่สาธารณะ-ประชาสัมพันธ์รัฐ

ประชาไท

มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ก.พ.52 หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาสื่อสารมวลชน กลุ่มวิชาการสื่อสารทางการเมือง คณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนา “รัฐบาลกับการปฏิรูปสื่อไทย” โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาว่า แนวทางการปฏิรูปสื่อรัฐของรัฐบาลชุดนี้ จะเริ่มที่กรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) ที่กำหนดแนวทางไว้ 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเปลี่ยนโลโก้สถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีที



ส่วนระยะยาวในช่วง 7-8 เดือนข้างหน้า เป็นการเปลี่ยนเนื้อหารายการช่อง 11 โดยกำหนดสัดส่วน 50% จะ เปิดพื้นที่สาธารณะให้กับผู้ผลิตคุณภาพและภาคประชาชน ที่ต้องการแสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์สังคม แต่จะไม่ใช่ “ทีวีสาธารณะ” เหมือนทีวีไทย สำหรับสัดส่วนอีก 50% จะเป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี ระหว่างภาครัฐ และประชาชน


นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา กรมประชาสัมพันธ์ อ่อนแอมากในเรื่องกำลังคน ส่วนช่อง 11 เรียกว่าอยู่ในฐานะติดลบจากการดำเนินงาน เพราะไม่มีรายได้จากการขายโฆษณาเอง ขณะที่หน่วยงานรัฐมักขอใช้พื้นที่ฟรี โดยมีบุคลากรกว่า 100 คนที่บริษัทเอกชนร่วมผลิตดูแล และจ่ายเงินเดือนให้



“วันนี้ช่อง 11 ไม่สามารถผลิตรายการเองได้ทั้งหมด ถือเป็นโจทย์ใหญ่ในการปฏิรูปสื่อรัฐ” นายสาทิตย์กล่าว พร้อมเสริมว่าอย่าง ไรก็ตาม การให้ช่อง 11 เป็นสื่อนำเสนอเนื้อหาสาธารณะ และประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เป็นเรื่องที่มีความยากลำบาก ในการหารายได้เลี้ยงตัวเอง ดังนั้น แนวทางที่รัฐจะต้องดำเนินการ คือ ให้งบประมาณสนับสนุน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาว่าหากช่อง 11 จะต้องปฏิรูปตามแนวคิดของรัฐบาล จะต้องใช้งบประมาณสนับสนุนเป็นจำนวนเท่าไร ซึ่งอาจจะนำเสนอของบประมาณเพิ่มเติมให้ช่อง 11 ในการจัดทำงบประมาณปี 2553


นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปสื่อภาครัฐ ทำหน้าที่ศึกษาโครงสร้างการปฏิรูปสื่อรัฐใน 3 ประเด็น คือ 1.ศึกษาโครงสร้างกรมประชาสัมพันธ์ว่า ควรจะเป็นแบบใดและการนำสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ออกมาจัดตั้งเป็นองค์การมหาชน ที่ปลอดจากการแทรกแซงของรัฐ 2.ศึกษา โครงสร้างการบริหารคลื่นความถี่ของ อสมท.ในอนาคต และแนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่ของหน่วยงานต่างๆ หลังประกาศใช้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ฉบับแก้ไขปี 2543 และ 3.ทำให้เกิดคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ กสทช.ว่าจะดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ของหน่วยงานต่างๆ อย่างไร


“คณะกรรมการชุดนี้ จะมีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ และผม เป็นที่ปรึกษา และมีคณะกรรมการอีกกว่า 10 คน จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์, นักวิชาชีพสื่อ, องค์กรภาคประชาชน ฯลฯ โดยมีบุคคลทาบทามแล้ว เช่น ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ จากทีดีอาร์ไอ, นายภัทระ คำพิทักษ์, ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ, ดร.พิรงรอง รามสูตร รณะนันท์, ดร.วิลาสินี พิพิธกุล, นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์” นายสาทิตย์ กล่าว

สีลม-สาทรน้ำไม่ไหล3วัน!

ประชาไท

ประชาสัมพันธ์การประปานครหลวง แจ้งว่า กปน.มีความจำเป็นต้องปรับปรุงสถานีไฟฟ้าย่อยของสถานีสูบจ่ายน้ำลุมพินี ในคืนวันเสาร์ที่ 7 ก.พ.2552 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงวันอังคารที่ 10 ก.พ.2552 เวลา 06.00 น. โดยจะเพิ่มการสูบจ่ายน้ำจากแต่เพิ่มการสูบจ่ายน้ำจากสถานีสูบจ่ายน้ำคลองเตย และโรงงานผลิตน้ำสามเสนไปทดแทนเพื่อลดผลกระทบ อย่างไรก็ดี ระหว่างดำเนินการจะส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อน ถึงไม่ไหลในพื้นที่สำนักงานประปาสาขาทุ่งมหาเมฆทั่วพื้นที่ได้แก่



1.ถนนเจริญกรุง ตั้งแต่แยกสาทร ถึงถนนตก 2.ถนนพระราม 3 ถนนตก ถนนสาทร ถนนสีลม 3.ถนนจันทน์ ถนนสาธุประดิษฐ์ ช่องนนทรี บริเวณเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา 4.ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถนนเจริญราษฎร์ (เหนือ-ใต้)



นอกจากนี้ การประปานครหลวง (กปน.) จะทำการซ่อมท่อประปาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,000 มิลลิเมตร บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาเข้าเมือง โดยจะดำเนินการในคืนวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 ตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ในระหว่างดำเนินการส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อนถึงไม่ไหลในพื้นที่ดังต่อไปนี้



1.ในทางคู่ ขนานวงแหวนตะวันออก หมู่บ้านนันทวัน-อ่อนนุช, หมู่บ้านมัณฑนา-รามคำแหง, หมู่บ้านมัณฑนา-วงแหวนพระราม 9, หมู่บ้านกฤษณา, ซอยเฉลิมพระเกียรติ 25 2.ในทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ โรงเรียนสุเหร่าทับช้าง ชุมชนริมคลองทับช้างบน 3.หมู่บ้านนักกีฬา ถนนกรุงเทพกรีฑา 4.ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง บริเวณแยกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ถึงถนนสุขาภิบาล 2



ด้าน นายบัณฑูร ชื่นกุล รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวถึงท่อประปารั่วในแฟลตตำรวจ รวมทั้งการบริหารการจัดเก็บค่าน้ำประปาภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กลายเป็นปัญหาสะสมและเป็นภาระแก่ สตช.จนทำให้มีหนี้ค่าน้ำค้างชำระของอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจสะสมต่อ เนื่องนั้น กปน.และ สตช.ได้ร่วมประชุมแก้ไขปัญหาหนี้ค้าง ปี 2541-2549 ประมาณ 40 ล้านบาทที่ค้างชำระสะสมจนลดลงกว่า 90% ปัจจุบันยังมีหนี้ค่าน้ำตามแฟลตตำรวจค้างจ่ายเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาทเศษ ผู้บริหารของ สตช.อาทิ กองงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบก.งป.) กองการเงิน กองสวัสดิการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) กองบังคับการตำรวจนครบาล (บกน.) 1-9 ประชุมร่วมกับ กปน.เพื่อหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว



ล่า สุด สตช.จะให้การสนับสนุนเรื่องงบประมาณเพื่อให้ กปน.เป็นผู้บำรุงรักษาระบบประปาภายในหน่วยงานของ สตช. โดยจะดำเนินการใน 3 หน่วยงานเป็นโครงการนำร่องก่อน ซึ่งนอกจากให้บริการตรวจสอบหาท่อรั่ว ซ่อมท่อ บำรุงรักษาระบบท่อประปาภายในแล้ว กปน.ยินดีจะให้บริการรับจ้างอ่านมาตรและออกใบแจ้งหนี้แก่บ้านพักของ สตช.ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและบุคลากรมืออาชีพ ทั้งนี้ ระยะแรกจะเน้นงานซ่อมท่อประปา ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวทำนอกจากแก้ปัญหาหนี้ค้างแล้ว ยังช่วยลดภาระเรื่องงบประมาณที่เป็นค่าน้ำของ สตช.ในอนาคตอีกด้วย รวมทั้งปัญหาหนี้ค่าน้ำที่เรื้อรังมานานจะได้ยุติ

ทบ.ปัด ไม่มีงบลับสลายเสื้อแดง 2 พันล้าน แจงเป็นโครงการสู้วิกฤตด้วย ศก.พอเพียง

ประชาไท

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ กรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมือง พรรคเพื่อไทย และผู้ดำเนินรายการดีสเตชั่น ระบุรัฐบาลร่วมมือกับกองทัพ ใช้งบลับของกองทัพจำนวน 2 พันล้านบาท ทำโครงการย่อยสลายมวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศว่า ยืนยันว่าไม่มีโครงการดังกล่าว แต่โครงการที่กองทัพบกกำลังทำคือ โครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยฝึกอบรมกำลังพลของกองทัพบกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนไปทำข่าว ไม่ได้เป็นเรื่องลับหรือปกปิดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันถูกโยงเข้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง


พ. อ.สรรเสริญกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน กองทัพจึงนำเอาศักยภาพของกองทัพในยามปกติมาช่วยเสริมงานในภาคพลเรือน สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ให้มีความเข้าใจในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้สามารถต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตเรื่องปากท้องไปได้ และไม่ได้ทำเองทั้งหมด แต่ประสานงานกับหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องแหล่งน้ำ และที่ดิน ก็ต้องไปตามผู้เกี่ยวข้องมาช่วยด้วย ปัจจุบันก็มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่อยู่ โดยจะลงพื้นที่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ไปถึงเดือนสิงหาคม


"ขอ ย้ำว่านโยบายหลักของกองทัพบก คือเราสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วประเทศ แล้วโครงการทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นเรื่องปากท้อง เรื่องการกินอยู่ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางหลักในการขับ เคลื่อนโครงการ เพราะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ กองทัพจึงเอาตรงนี้มาขยายผล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประเด็นการเมือง กองทัพเป็นกลไก เป็นเครื่องมือสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการบริหารงาน ไม่ใช่สนองตอบในเรื่องการเมือง" โฆษกกองทัพบกกล่าว


เมื่อถามว่า งบประมาณดำเนินการโครงการดังกล่าว เป็นงบลับ 2 พัน ล้านบาท อย่างที่ฝ่ายค้านระบุหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า งบประมาณดำเนินการเรื่องนี้ ไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในหมวดรายการอะไร แต่ไม่ใช่ 2 พันล้านบาทอย่างที่ระบุแน่นอน


"ผม ไม่แน่ใจว่างบใช้จำนวนเท่าไหร่ แต่ขอเรียนว่า งบที่เราไปทำ เราคิดเฉพาะค่าเบี้ยเลี้ยงกำลังพล ที่ลงไปปฏิบัติงานในหมู่บ้านเท่านั้น และใช้หมู่บ้านละหลักพันบาทเท่านั้น การดำเนินงานเรื่องนี้ มีแต่ค่าเบี้ยเลี้ยงกำลังพล และค่าน้ำมัน ในการเดินทางไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบเท่านั้น และไม่ได้เลือกทำในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ทำทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ" โฆษกกองทัพบกกล่าว


พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวพร้อมหัวเราะถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ อ้างว่ากองทัพบกใช้งบลับ 2 พันล้านบาท เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณว่า "ไม่มี ไม่มีหรอก งบลับอะไร 2 พันล้าน ผมไม่เห็นมีหรอก"





"สุเทพ" ยันไม่ใช้เงินทำลายเสื้อแดง

นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ "มติชน" ถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องนี้จบได้เลย ขอยืนยันดังนี้ 1.ไม่มีงบลับถึง 2 พันล้านบาทอย่างที่เป็นข่าว 2.รัฐบาลไม่มีความคิดที่จะเอางบประมาณไปทำลายล้างกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่กล่าวหา และ 3.รัฐบาล นี้มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะรักษาชาติ สถาบัน ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้น การปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศก็จะทำกันภายในทั้งที่เป็น พลเรือนและทหาร โดยใช้งบประมาณตามปกติ ที่จะต้องนำไปสนับสนุนทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น


"โครงการ ดังกล่าวทางรัฐบาลมีจริง แต่ไม่ใช่งบลับ เพราะมีหลายกระทรวงที่จะต้องช่วยกันทำ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขเรียบร้อย และขอยืนยันว่าเงินงบประมาณดังกล่าวไม่ได้หวังเพื่อมาล้างสมองกลุ่มคนเสื้อ แดง" นายสุเทพกล่าว




โฆษกประชาธิปัตย์ระบุ ไม่เคยพาดพิงสถาบันสูงสุดของชาติ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง

ที่ ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คำพูดของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมือง พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวหารัฐบาลจับมือกองทัพใช้งบประมาณ 2,000 ล้าน บาท ทำแผนงานเสริมสร้างสมานฉันท์โดยอ้างสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีจุดประสงค์แอบแฝงเพื่อหวังทำลายคนเสื้อแดงนั้น ถือเป็นการจงใจใส่ร้ายโดยไม่ละอาย ที่ส่งผลกระทบถึงสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้ง ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยและไม่มีวันใช้วิธีการเดียวกับพรรคเพื่อ ไทยพาดพิงสถาบันสูงสุดของชาติ หรือสถาบันอื่นๆ เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง


นพ. บุรณัชย์กล่าวว่า อยากให้นายณัฐวุฒิกลับไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อ ต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้งกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีการจับกุม น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" และนายสุชาติ นาคบางไทร รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนตะโกนว่า "ทักษิณจงเจริญ" จนถูกจับดำเนินคดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนายณัฐวุฒิ เคยสำนึกผิดและรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสถาบันสูงสุดของชาติบ้าง หรือไม่


"ถ้า คิดว่าการดำเนินงานเพื่อปกป้องเทิดทูนสถาบันอันเป็นที่เคารพ เป็นการกำจัดฝ่ายตรงข้ามของพรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากบอกว่าใครก็ตามที่ดึงสถาบันเข้ามาเพื่อหวังให้เกิดความขัดแย้งทางการ เมือง ถือเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ" นพ.บุรณัชย์กล่าว และว่า รู้สึกแปลกใจเพราะจุดประสงค์ของแผนงานดังกล่าว เน้นเรื่องการปกป้องสถาบัน ทำไมนายณัฐวุฒิจึงไม่เห็นด้วย




"เพื่อไทย" จวกกองทัพครองเมือง

นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอยืนยันว่า งบฯดังกล่าวมีแน่นอน โดยเริ่มดำเนินการไปตั้งแต่เดือนมกราคม และจะเร่งใช้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกับมีการโยกย้ายนายตำรวจ และต่อไปจะโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อล้างระบอบทักษิณและเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง


"ชี้ ให้เห็นว่าเป็นยุคกองทัพครองเมืองคือ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ต่างเสนอโครงการจัดซื้อยุทธปกรณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทราบว่ากองทัพบอกเสนอจัดซื้อรถถังและเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ กองทัพเรือ เสนอจัดซื้อเรือรบและเรือดำน้ำ และกองทัพอากาศเสนอจัดซื้อเครื่องบินกริฟเพนอีก 1 ฝูง ทั้งหมดใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันรัฐบาลเตรียมที่จะขอเงินประจำตำแหน่งนายทหารชั้นสัญญาบัตร เพื่อนำเงินเข้าคลัง ตอนนี้อยู่ในช่วงหารือ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลปากดีไม่มีกึ๋น จนประเทศชาติต้องตกอยู่ในภาวะถังแตกหลังจากเร่งแจกเงินตามนโยบายประชานิยม" นายพร้อมพงศ์กล่าว


นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงงบฯลับของกองทัพ 2 พัน ล้านบาท เพื่อใช้สร้างความสมานฉันท์ว่า เป็นลักษณะการดำเนินการเช่นเดียวกับสมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพื่อหวังหาประโยชน์จากการใช้งบประมาณ เพราะพิจารณาเนื้อหายุทธศาตร์ เป็นการทำลายล้างพรรคเพื่อไทยโดยตรง หากเป็นไปตามที่อ้างว่าต้องการสร้างความสมานฉันท์ ทำไมต้องทำเป็นงบฯลับ ไม่เปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กองทัพเป็นผู้ปกครองรัฐบาล ไม่ใช้รัฐบาลปกครองกองทัพอย่างที่เข้าใจ



นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานฝ่ายการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมีข้อมูลถึงการใช้งบฯลับของรัฐบาลกับกองทัพ ประมาณ 2,000 ล้าน บาท เพื่อกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับรัฐบาล คำถามคือรัฐบาล นายกฯ และ นายสุเทพ ทำไมต้องปิดลับ และต้องโฟกัสเป้าหมายที่กลุ่มคนเสื้อแดง ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารทำให้เชื่อว่า รัฐบาลจับมือผู้บัญชาการเหล่าทัพบางคนกำจัดฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล โดยอ้างอิงสถาบันเบื้องสูง

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า น่าสังเกตว่าตารางเวลาการดำเนินโครงการ น่าสนใจมีส่วนสัมพันธ์กับกรณีที่นายสุเทพ ออกมาพูดเรื่อง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความต้องการเป็นประธานา ธิบดี ตนได้สอบถามพี่น้องเสื้อแดง ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ทราบว่ากองกำลังของเหล่าทัพ และกอ.รมน.ได้ลงพื้นที่ไปพบปะพูดคุยกับประชาชน เข้าใจว่าคือภารกิจนี้ใช่หรือไม่





.......................................

ที่มา: เว็บไซต์มติชนออนไลน์ และเว็บไซต์เดลินิวส์