CBOX เสรีชน

12 กรกฎาคม, 2552

มาร์คไปทำไมเวียดนาม ไป ฟิจิ สิ ขายข้าวด้วยแถมได้จับทักษิณ


ข่าวจากเนชั่น ในเวลา 12.00 น.วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานกองทัพอากาศ หรือ บน.6 โดยเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษของกองทัพบก ไปเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรีจะได้พบกับนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม เพื่อหารือถึงการกระชับความสัมพันธ์ ปัญหาในภูมิภาค ตลอดจนปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในไทย ซึ่งส่งผลให้ความร่วมมือระหว่างกันในหลายด้านเกิดความล่าช้า โดยจะนำเสนอการสร้างกลไกความร่วมมือเฉพาะ-ด้านที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการผลิตข้าว ที่ไทยและเวียดนามต่างเป็นผู้ผลิตและส่งออกที่สำคัญ ไม่ให้เกิดการตัดโอกาสกัน

ตลอดจนหารือเรื่องการเชื่อมโยงระบบลอจิสติกด้านถนน หรือระบบราง รวมทั้งหารือด้านการ-ท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาค ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมได้ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่ไทยจะส่งต่อประเด็นความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-ตะวันออก เฉียงใต้ให้เวียดนาม ซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนต่อจากประเทศไทยในปีหน้าhttp://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=392216&lang=T&cat=
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
อยาก ถามว่ามาร์คไปทำไมครับเวียดนาม จะไปกระชับความสัมพันธ์เรื่องการขายข้าวไม่ให้ขายตัดราคากัน หรือไปสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเวียดนามให้มาลงทุนในไทย หรือได้ยินข่าวว่าเวียดนามเข้าข้างเขมร เลยต้องรีบไปสร้างความสัมพันธ์กันไว้ก่อน แล้วแบบนี้เศรษฐกิจมันจะดีได้อย่างไร เพราะไม่มองตลาดใหม่เลย จะอ้างว่าเศรษฐกิจของโลกไม่ดีทำให้ขายยาก ก็ไม่ใช่ เพราะไม่เคยเห็นไปขายที่ใหนเลย

เห็นหมัย ประเทศฟิจิ เกิดมาผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย ทักษิณเขายังไปได้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ประเทศฟิจิไม่ได้ปลูกข้าว แล้วเขาเอาที่ใหนแดรกหละครับ ก็คงต้องซื้อจากประเทศอื่น และยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้ปลูกข้าว หรือว่าเกลียดทักษิณจนไม่อยากทำอะไรที่มันเป็นการเดินตามรอยตูดทักษิณ เพราะมันจะทำให้เสียหน้า อีกหน่อยทักษิณเดินทางไปทั่วโลกแล้ว มาร์คก็จะไม่มีประเทศที่จะไปได้ นอกจากอ้อมแอ้มแถวๆบ้านตัวเอง ไปๆมาๆเรื่องมันจะกลับตาละปัดแล้วนะเนี่ยะ หาเหตุไม่ให้ทักษิณกลับหรือทักษิณสร้างคอนเนคชั่นไปทั่วโลก จนมาร์คออกนอกประเทศไม่ได้กันแน่ คิดดูสิหน้าตาของผู้นำฟิจิเป็นอย่างไรมาร์คไม่เคยเห็น รู้จักชื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ทักษิณรู้จักเป็นอย่างดี นึกภาพดูก็รู้ว่ามาร์คจะสั่งให้ฟิจิจับทักษิณได้อย่างไร

เพื่อนรอบๆข้างมันก็เคยว่าผม ชอบด่ามาร์ค ไม่ยอมมองคนให้ครบทั้งสองด้าน ทุกคนมีทั้งด้านดีและไม่ดี ถ้าจะให้เป็นธรรมเมื่อพูดเรื่องที่ไม่ดีก็ต้องพูดเรื่องดีของเขาบ้าง เพื่อนผมมันเป็นคนดีแฮะพูดเข้าท่า ผมก็มานั่งมองหาเรื่องดีของมาร์คบ้างกะว่าจะชมบ้าง เพราะด่ามาหลายวัน พุทโธ่เว๊ย.. มันไม่มีจริงๆให้ตายสิ ใครรู้ช่วยตอบผมทีว่ามาร์คเคยมีผลงานและกิจกรรมอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้าน เมืองบ้าง ต่างจากทักษิณลิบลับ ที่ถึงแม้จะโดนด่าโดนนำเสนอแต่ด้านไม่ดี แต่มันก็ยังนึกถึงความดีและผลงานเก่าเห็นเต็มไปหมด

ผมนั่งนึกนั่งหาข้อมูลของมาร์คอยู่นาน ว่ามีอะไรดีๆ บ้าง ให้ตายสิผมเห็นมีอย่างเดียวจริงๆ และดีกว่าทักษิณซะอีก คือ.... ดีแต่ปาก!!โดย คำเกิ่ง แห่งทุ่งหมาหลง

มาร์คเอ๊ยทำเป็นเก่ง พอเขาเสนอชื่อทักษิน กลัวจน ห..หด

พึ่งกลับมาจากเยือนสิงคโปร ซึ่งไม่ควรจะไป ทำไมไม่ไปประเทศอื่นที่ยังไม่มีใครไปที่เขายังไม่รู้จักไทย เปิดตลาดใหม่ขายข้าวไปสิ พอลับมาแล้วก็ทำเป็นปากดีท้าวีระไปร่วมรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทย แต่ไม่ไว้ใจอภิสิทธิ์" เป็นหัวแถวก็ต้องเชิญระดับหัวแถวเหมือนกันสิว่ะ.. ถึงจะสมศักดิ์ศรี ทำหน้าทำตา มั่นอกมั่นใจเต็มร้อย เมื่อรู้ว่า ท่านวีระไม่ตอบรับ แต่พอนักข่าวเสนอว่า ทำไมไม่เชิญทักษิน ให้โฟนอินเข้ามาก็ได้ ตกใจ ถึงขนาดต้องทวนคำถาม เพราะไม่เชื่อหู แล้วก็ทำหน้าเจื่อนๆ หมดความมั่นใจลงทันใด พร้อมกับพูดว่า "แหะๆๆ มันผิดรูปแบบของรายการหนะ" กลัวจน ฮำหดขนาดนั้นเชียว แค่ได้ยินชื่อทักษินนะเนี่ยะ



คลิกชมคลิปมาร์คขวัญเสียเมื่อได้ยินชื่อทักษิณ
http://www.cbnpress.com/index.php/component/hwdvideoshare/?task=viewvideo&video_id=2027



คราวนี้มาย้อนดูตอนไปเยือนสิงคโปร มาร์คทำงามหน้าอีกแล้ว แม้แต่ท่านั่ง ยังทำให้ประเทศตกต่ำได้ เป็นไงหละไปเจอของจริงยืดไม่ออกเลย ศักดิ์ศรีมันข่มใช่หมัย ผู้นำสิงคโปร แก่กว่ารุ่นคราวพ่อ ยังดูสมาร์ทกว่าเลย บุคลิก ท่านั่งมันไม่ได้บ่งบอกเลยว่านี่มันผู้นำประเทศนั่งคุยกัน มันเด็กๆได้รับเกียรติให้เข้าพบผู้นำนี่หว่า มาร์คไปในนามผู้นำของประเทศของผมนะโว๊ย ไม่ได้ไปขอสมัครงาน เทพเทือกไม่สอนบ้างเลยหรือเรื่องบุคลิก หรือขี้เกียจเก๊กแล้วเพราะมันเมื่อย



ดูจากท่านั่งก็รู้แล้วว่าการเจรจาเป็นเบี้ยล่างแน่นอน แล้วยังจะมีหน้ามาเป็นผู้นำอาเชี่ยนได้ไง เขามองว่ามาร์คเป็นเด็กอมมือรู้หมัย มันช่างต่างกันลี้ลับกับอดีตนายกทักษิณ บางทีการเป็นนายกดูจากบุคลิกก็ออกนะว่า คนใหนใช่ คนใหนไม่ใช่ ปรับปรุงบุคลิกใหม่ซะ อายแทนผู้ชักใยหว่ะ...

 

ดูตัวอย่างนี้สิ มาดมันต่างกัน ทำให้ดูออกว่าใครเหนือกว่าใคร

โดย คำเกิ่ง แห่งทุ่งหมาหลง CBN Press

ฮุนเซ็นครับ ท้าเตะปาก กับ อภิสิทธิ์ ดีกว่ามั้ยครับ !...

ยังไม่แน่ใจว่า ที่สมเด็จฮุนเซ็นประกาศกล้าท้ารบเหย็งๆ กวักมือหยอยๆอยู่ที่เชิงปราสาทพระวิหารในช่วงนี้ สงสัยนักหนาเขามาท้าเรารบในเรื่องใดกันแน่ เห็นบอกว่าต่อให้ 5 รุม 1ยังสะบายๆแบบเบิร์ดๆ โกรธเคืองเรื่องการยื่นคัดค้านปราสาทเขาพระวิหารรึเปล่า หรือเรื่องที่เมียฮุนเซ็นทำอาหารให้สุเทพกินตอนไปเยือน แล้วสุเทพอาจทำทีท่าจะใช้วิชาแม่ไม้มวยไทยขั้นสุดยอดชื่อ “ตีท้ายครัวเพื่อน”กับเมียฮุนเซ็นอีก ..จึงโกรธแบบผิดปกติ

ต้องบอกผ่านไปยังสมเด็จฮุนเซ็นแทนทหารไทยว่า …หากจะท้ารบด้วยกำลังทหารกันตอนนี้ละก็ ทหารไทยของเราไม่ว่างเลยครับท่าน ติดภาระกิจฝึกวงสวิงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด นัดก๊วนต่างๆไว้แล้วล่วงหน้า จะไปแข่งตีกอล์ฟการกุศลหาเงินสมทบทุนซื้อใบไผ่ให้หมีแพนด้ากินกันอยู่ จึงไม่ว่างจะไปรบด้วย แต่ถ้าท้าตีกอล์ฟแข่งกันละก็..นัดวัน เวลา และสถานที่ได้เลย !

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ตอนนี้ทหารไทยไม่ค่อยมีอาวุธใช้มากนัก เพราะขอซื้อเครื่องบินกริฟเฟ่นรัฐก็ไม่ให้ จะซื้อเรือดำน้ำก็ไม่ให้อีก ซื้อได้ก็แต่รถถังของยูเครนแต่ยังไม่ได้ส่งมา ส่วนอาวุธที่มีอยู่นั้นก็ไม่ได้เอาไว้ใช้รบกับคนที่มีอาวุธด้วยกันหรอกนะฮุน เซ็นเอ๊ย ! ทหารไทยเอาไว้ใช้ข่มขู่รัฐบาลของไทยตอนทำปฏิวัติเท่านั้น กับเอาไว้ข่มขู่ชาวบ้านที่ออกมาต่อต้านทหารเหมือนตอนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา น่ะ..รู้หรือยัง ?
แล้วช่วงนี้ ทหารไทยระดับนายพัน นายพลทั้งหลายของเราไม่ค่อยได้ฝึกฝนการรบกับศัตรูเท่าไหร่ เพราะวันๆมัวแต่เพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมเล่นกีฬาเสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกอล์ฟซึ่งทหารแก่ๆเกือบทั้งกองทัพของเราดูจะชำนาญและคลั่งไคล้อย่าง มาก ..ถนัดแต่พาลูกลงรู !

เรื่องการวางแผน วางผัง ยุทธวิธีการรบ ไม่ได้อยู่ในหัวของทหารของเรา ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการรบทัพจับศึกหรอก ยกตัวอย่างตอนรบกับลาวที่ร่มเกล้า ส่วนนายทหารที่เรียกกันว่า เสธ.น่ะ คนไทยยังไม่รู้เลยว่าเป็นเสอะไร หลายคนคิดว่าเป็น “เส”ที่ตั้งอยู่บ้านหัวเสา..บ้างก็เรียก “เสนาหอย”ในสาระแนจังไปเลย

ที่สำคัญ ฮุนเซ็น! ท่านไม่ใช่ศัตรูของทหารไทย ท่านคือมิตรแท้ที่ถาวร เพราะลีลาการเล่นกอล์ฟของท่านที่เคยเล่นกับทักษิณ ทำให้ทหารไทยทึ่งมากๆ โดยเฉพาะการตีลูกตกน้ำได้ทุกแม็ตช์ของท่าน ทั้งการตีลูกลงหลุมทรายได้ห่วยแตกแทบทุกครั้ง..ลีลาสง่างามจริงๆ

ศัตรูของทหารไทยที่เที่ยงแท้และถาวร  อันถือได้ว่าเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ และควรกำจัดให้สิ้นทรากก็คือประชาชนคนไทยนั่นเอง ที่ทหารไทยชอบรบด้วยยิ่งนัก..เพราะไม่มีอาวุธ !เห็นมั๊ยละ ฮุนเซ็น ตั้งแต่ท่านออกมาท้ารบ 2-3 วันมาแล้ว เคยเห็นทหารไทยระดับนายพลนายพันที่ไหนสักคน หรือแม้แต่ รมต.กลาโหมโผล่หัวออกมาพูดอะไรบ้างมั๊ย แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องทักษิณละก็ มันจะโผล่หัวออกมาทันที..ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของมันสักนิด

ที่จะบอกให้รู้อีกอย่าง พวกทหารไทยไม่เคยหาเรื่องกับเพื่อนบ้านเลยนะ ขอให้รู้ไว้ด้วย  ไอ้ที่คอยแกว่งปากหาเท้า หรือหาเท้ามาอุดปากตัวเอง หรือถนัดที่จะคอยทะเลาะกับเพื่อนบ้านแบบห้าวหาญนั้น ก็มีตัวหลักๆอยู่ 2 คนเท่านั้น คนแรกก็กษิต ภิรมย์ คนเก่าเจ้าเดิม ..คนต่อมาก็ประธานยุวชนอาเชียน อภิสิทธิ์ !

ท่านฮุนเซ็น ขอร้องเถอะ อย่าทะลึ่งหาเรื่องให้เดือดร้อนกับชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศเลย เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย ถ้าแน่จริงไอ้ที่ท้ารบเนี่ยะ ขอเปลี่ยนเป็น “ท้าเตะปาก”กันดีกว่ามั๊ย  ระหว่างผู้นำประเทศเขมรกับประเทศไทยให้มันรู้ดำรู้แดงแบบตัวต่อตัว ..มีรุม!

ฮุนเซ็น VS อภิสิทธิ์,  กษิต VS ฮอ นัม ฮง “ศึกชิงเขาพระวิหาร” แบบมวยไทย บนเวทีเชิงเขาพระวิหาร มีการถ่ายทอดสดทั่วโลก ใครชนะเอาปราสาทเขาพระวิหารไปเลย..กล้าหรือเปล่า ?

เปรียบเทียบช่วงชกและน้ำหนักชนิดปอนด์ต่อปอนต์ของคู่สำคัญหากตกลง.. ฮุนเซ็น Vsอภิสิทธิ์

ฮุนเซ็นแก่กว่าหลายปี เป็นทหารตั้งแต่สมัยเขมรแดง ไม่รู้จบจากสถาบันไหน ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆแต่พูดเขมรชัดแจ๋ว ผ่านการฝึกฝนอาวุธมาทุกรูปแบบ ผ่านความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้ง ชำนาญในยุทธวิธีการรบแบบจรยุทธ สุดท้ายได้เป็นผู้นำประเทศตอนแก่ นิสัยเกลียดคนพูดลับหลังและคนชอบตีท้ายครัวเพื่อนยิ่งนัก ชอบทักษิณเป็นพิเศษ ..ฟอร์มไม่สดดูแล้วไม่เท่าไหร่ !!

ส่วนอภิสิทธิ์นั้น พูดเก่งเป็นต่อยหอย(แต่ไม่มีใครฟัง)  เถียงคอเป็นเอ็น จบการศึกษาจากอังกฤษ พูดเขมรไม่ได้ ถูกอุ้มเข้าสะเอวขึ้นมาเป็นนายกฯ ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ เริ่มบริหารประเทศมาครึ่งปี จับโครงการไหน เจ๊งโครงการนั้น เกลียดทักษิณเป็นพิเศษ ชอบการ “กู้”เป็นชีวิตจิตใจ ที่สำคัญ..เคยหนีทหามาแล้วด้วย ฟอร์มยังสด !

เปรียบเทียบแค่นี้ก็รู้แล้ว ..เขาพระวิหารจะเป็นของใคร !!!

โดย ปลายอ้อกอแขม CBN Press

หลักแถVSหลักฐาน มัดคอโจรก่อการร้ายยึดสนามบินกุดหัวประหารชีวิต "เว่อร์VSไม่เวอร์"


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 กรกฎาคม 2552

Q-การตั้งข้อหาแกนนำพันธมิตรยึดสนามบินก่อการร้ายนั้นถือว่าเว่อร์เกินไป

A-เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นเว่อร์เกินไปหรือไม่ แต่เป็นเรื่องฐานความผิดที่มีหลักฐาน และมีกฎหมายเอาโทษถึงประหารชีวิต ดังนี้

-จะเห็นว่าการแจ้งข้อหาแกนนำพันธมิตรแบ่งเป็น2คดี คดีแรกกรณียึดสนามบินดอนเมือง ซึ่งไม่มีการแจ้งข้อหาก่อการร้าย เป็นแค่ข้อหาบุกรุก เพราะดอนเมืองเป็นสนามบินภายในประเทศ แต่อีกคดีคือสุวรรณภูมิมีข้อหาก่อการร้าย เพราะเป็นสนามบินสากล มีชาวต่างชาติได้รับผลกระทบ ที่สำคัญมีกฎหมายระหว่างประเทศบังคับไว้

-กฎหมายสากลนี้ คือพิธีสารข้อตกลงมอนทรีออล ที่มีนานาชาติลงนามรับรอง ไทยลงนามรับรองไว้เมื่อ14พ.ค.2539 ความสำคัญตอนหนึ่งระบุว่า"บุคคลหนึ่งบุคคลใดกระทำความผิด ทำให้การบริการของท่าอากาศยานซึ่งให้บริการการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หยุดชะงักลง หากการกระทำนั้นเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตราย ต่อความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานนั้น" เป็นการกระทำผิดตามพิธีสารเพื่อการปราบปรามการกระทำรุนแรงอันมิชอบด้วย กฎหมาย ณ ท่าอากาศยานสากลฉบับนี้

-กฎหมายที่ออกมารองรับพิธีสารฉบับนี้-เมื่อ ไทยลงนามแล้วก็ได้มาออกกฎหมายพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2521 (แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2538)มีใจความสำคัญว่า "ผู้ใดทำให้การให้บริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง ทั้งนี้ โดยใช้กลอุปกรณ์ วัตถุ หรืออาวุธใด ๆ และการกระทำนั้นเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานนั้น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี"

-ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1เขียนไว้ว่า ผู้ใดกระทำการอันเป็นความผิดอาญาเกี่ยวกับการก่อการร้าย ดัง ต่อไปนี้ (2) กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ

ถ้าการกระทำนั้นได้ กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วนเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท


เมื่อเป็นดังนี้โจรก่อการร้ายพันธมิตรจะกล่าวอ้างลอยๆว่า"เว่อร์เกินไป"ได้อยู่หรือ?


Q-แต่ก็ยังเว่อร์เกินกว่าเหตุ

A-จะ ว่าเกินกว่าเหตุได้อย่างไร เพราะการก่อการร้ายดังกล่าวมีผลให้ผู้โดยสารต่างชาติตกค้างอยู่ในไทยนานนับ สัปดาห์กว่า 4 แสนคน รวมทั้งมกุฎราชกุมารราชอาณาจักรเดนมาร์คที่มาเยือนไทยเป็นอาคันตุกะส่วน พระองค์ของในหลวง ในช่วงนั้นก็ต้องตกค้าง มีคนที่เดินทางเข้าประเทศไม่ได้หลายแสนคน

-ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานประเทศชาติเสียหายด้านต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม 270,000 ล้านบาท

-หน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่าอากาศยานฯ การบินไทย สายการบินต่างชาติได้เรียกร้องขอให้รัฐบาลชดเชยความเสียหายให้มากกว่า 19,000 ล้านบาท ที่เป็นผลเสียหายโดยตรง

-โจรก่อการร้ายพันธมิตรยึด เครื่องบินโดยสารต่างชาติไว้ช่วงเกิดเหตุการณ์กว่า 88 ลำ จนทูตชาติมหาอำนาจ 6 ชาติ คือสหรัฐ สหภาพยุโรป เป็นต้นเข้ายื่นโนติสกับกระทรวงการต่างประเทศขอให้ยุติและอย่าให้เกิด เหตุการณ์แบบนี้อีก ทำให้ไทยเสี่ยงต่อการถูกมหาอำนาจแทรกแซงอธิปไตย

-โจรก่อการร้ายพันธมิตรได้กลุ้มรุมทำร้ายคนสาหัสปางตายในเหตุการณ์นี้ และขัดขวางทำร้ายพนักงานรักษาความปลอดภัยสนามบินด้วย

แล้วอะไรคือสิ่งที่โจรก่อการร้ายพันธมิตรเห็นว่าไม่ได้"เกินกว่าเหตุ"กรุณาอธิบายมาด้วย

Q-กษิตแค่ขึ้นเวทีเฉยๆทำไมโดนข้อหาก่อการร้ายด้วย

A-แถแบบนี้หากไม่รู้กฎหมายก็น่าเห็นใจ แต่ส่วนใหญ่นั้นรู้แต่แกล้งไม่รู้ กฎหมายพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2521 (แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2538)มาตรา 11(2)เขียนไว้ดังนี้"ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตาม มาตรา 5 มาตรา 6 หรือมาตรา 6 ทวิ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ" พูดง่ายๆคือผู้ใดสนับสนุนให้โจรก่อการร้ายพันธมิตรไปยึดสนามบิน จนทำให้การบริการท่าอากาศยานสากลสุวรรณภูมิหยุดชะงักลง ก็ต้องผิดและโทษถึงประหารเหมือนตัวการ

คำถามคือนายกษิตไปที่ สุวรรณภูมิในตอนยึดสนามบินแค่ไปกินข้าวฟรี ฟังดนตรีไพเราะแล้วกลับบ้านหรือไม่ ความจริงนายกษิตไปสนับสนุนการกระทำความผิด ขึ้นพูดให้การสนับสนุนบนเวทีหลักฐานก็มี ยังจะมาเถียงอีกว่า"ผมทำผิดตรงไหน!"

Q-พันธมิตรไม่ได้ปิดสนามบิน ผอ.สุวรรณภูมิเป็นคนปิดเอง

A-จะพูดจะแถอย่างไรก็ได้ แต่ดูหลักฐานนี่ก่อน

-หลังเข้ายึดสนามบินไว้ได้แล้วเมื่อค่ำวันที่25พ.ย.2551นั้น พันธมิตร ได้ออกแถลงการณ์ในเวลา21.57น.วันนั้น เป็นแถลงการณ์ฉบับที่ 26/2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ความสำคัญตอนหนึ่งคือ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการชุมนุม และเพิ่มมาตรการอารยะขัดขืนโดยการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อ ยื่นคำขาดผ่านพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและทั่วโลกไปยังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และคณะรัฐบาลให้ลาออกจากตำแหน่งโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข

-เมื่อยึดไว้จนกดดันให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบ3พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลในวันที่2ธ.ค.2551ทำให้รัฐบาลนายสมชายสิ้นสภาพลง ต่อมาวันรุ่งขึ้นเวลา09.20น.พลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้แทนพันธมิตรทำพิธีส่งมอบสนามบินคืนแก่นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ประธานบอร์ดการท่าอากาศยานต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

วิญญูชน หรือสามัญชนที่มีสามัญสำนึกย่อมพิจารณาเป็นไปอย่างอื่นไม่ได้ว่า หากพันธมิตตรไม่ได้เป็นคนยึดแล้วไปออกแถลงการณ์ปิดสุวรรณภูมิทำไม และหากไม่ได้ยึดเอาไว้ จะไปทำพิธีส่งมอบคืนทำไม?

Q-เป็นข้อ หาทางการเมืองที่ประชาธิปัตย์สกัดพรรคการเมืองใหม่ ทำไมปล่อยไว้ตั้งนาน ทำไมเพิ่งมาเล่นงานตอนนี้ แบบนี้เข้าข่ายละเว้นต่อหน้าที่ไหม?

A-ใครอยากให้ช้า หากไปดูดีๆจะพบว่ามีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าและพนักงานสอบสวนหลายหน

-ตอน แรกๆรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศแทนรัฐบาลนายสมชายก็ว่าจะเร่งคดี แต่เอาไปเอามาจากวันที่25ธ.ค.2551ที่ก่อการร้ายทำความผิด กว่าจะออกหมายเรียกก็วันที่ 1 ก.ค.2552กินเวลา221วัน หรือ7เดือนกับ9วัน ส่วนว่าพรรคประชาธิปัตย์สกัดพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ให้ไปไล่เบี้ยกันเอง เพราะเป็นพวกเดียวกัน ทำงานรับส่งเข้าขากันมาตลอด

-มีการเปลี่ยนตัว หัวหน้าชุดและพนักงานสอบสวนสืบสวนหลายชุด เดี๋ยวก็จะแยกคดีดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ เดี๋ยวก็จะรวม มีการโยกย้ายคนที่จะเอาจริงเอาจังพ้นหน้าที่

-สุดท้ายก็ว่ารอให้ กรมการขนส่งทางอากาศรวบรวมข้อกฎหมายและร้องทุกข์มา กว่าจะครบทั้งพยาน หลักฐาน ข้อกฎหมายก็เลยกินเวลานานมาก ส่วนจะเล่นงานกันเรื่องละเว้นหรือไม่ละเว้นก็เชิญจัดการกันเอง

แต่ ที่แน่ๆประชาชนผู้รักความเป็นธรรมเห็นว่าช้ามาก และไม่เป็นการยุติธรรม เพราะเวลาเสื้อแดงโดนออกหมายจับทันควัน แต่โจรก่อการร้ายเสื้อเหลืองมีคดีปล่อยเรื่องมานาน7เดือนเศษ แถมให้เกียรติแค่ออกหมายเรียกอีกต่างหาก

Q-แล้วทำไมไม่เล่นงานพวกเสื้อแดงข้อหาก่อการร้ายบ้าง ทีพันธมิตรทำไมโดนหนักๆทั้งกบฎ ทั้งก่อการร้าย

A-เสื้อแดงเขาได้ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินสากล มีพิธีสารมอนทรีออลคุ้มครองไหมหละ ถึงต้องโดนคดีก่อการร้าย เขาได้เข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลไว้นานเป็นเดือนๆเพื่อล้มล้างรัฐบาลไหมหละ ถึงต้องโดนข้อหากบฎ เขาได้บุกยึดโทรทัศน์NBTจนต้องโดนข้อหาบุกรุกและคุกคามสื่อหรือไม่

Q-แต่ยังไงกษิตก็ยังไม่ผิด จนกว่าศาลจะตัดสิน ดังนั้นกษิตก็เป็นรัฐมนตรีต่อได้ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็เป็นส.ส.ต่อได้

A-แล้วตอนกรณีเขาพระวิหารทำไมไล่นพดล ปัทมะออกหละ ทำไมคดีจักรภพ เรื่องยังไม่ถึงศาล ทำไมไล่บี้ให้ออกแสดงความรับผิดชอบ และรัฐบาลสมัครกับรัฐบาลสมชายทำไมเสื้อเหลืองพากันก่อกบฎก่อการร้ายกดดันให้พ้นตำแหน่ง ทำไมไม่รอให้ศาลตัดสินคดีก่อนบ้างหละ

Q-ยังไงๆก็เห็นว่าเว่อร์นะคดีก่อการร้าย ถือว่าเกินกว่าเหตุจริงๆ

A-??!! ก็ลองดูหลักฐานต่อไปนี้ดูว่าเกินกว่าเหตุไหม เว่อร์ไหม ที่จริงโจรก่อการร้ายพันธมิตรต่างหากที่ประท้วงเว่อร์และทำเกินกว่าเหตุ ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือที่ต้องโดน

-คลิปข่าว สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พูดกลางสภาว่าพาคนไปยึดสนามบินเอง คลิ้กที่นี่

-คลิปข่าวพันธมิตรคลุมหน้าไอ้โม่งบุกปิดหอบังคับการบินสุวรรณภูมิ คลิ้กที่นี่

-คลิปข่าว ร.ต.แซมดินมือขวาของจำลองพาพันธมิตรคลุมหัวไอ้โม่งบุกยึดหอบังคับการบิน คลิ้กที่นี่

-คลิปข่าวพลตรีจำลองเป็นตัวแทนพันธมิตรส่งมอบคืนสนามบินสุวรรณภูมิ คลิ้กที่นี่



เศร้า เจ็บ สู้ : เงินภาษีถูกผลาญกว่าร้อยล้าน เพียงเพื่อสร้างภาพให้มาร์คเหยียบบุรีรัมย์ไม่กี่ชั่วโมง

โดย คุณ สาละวิน
ที่มา เวบบอร์ด พันธ์ทิพย์ราชดำเนิน
11 กรกฎาคม 2552

สองสามวัน ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ มีกำหนดไปเยือนบุรีรัมย์ตามการชี้นิ้วของเนวิน

มีการเตรียมงานด้านรักษาความปลอดภัย เสมือนว่า นายกฯผู้คลอดมาจากการปล้นอำนาจผู้นี้ กำลังเดินทางเข้าสู่เขตสงครามในประเทศอิรัก

เพราะ สารพัดกองกำลัง ทุ่มพลจำนวนมหาศาลเข้าบุรีรัมย์ หวังอารักขานายอภิสิทธิ์ และรักษาหน้าของเนวิน เพื่อมิให้พี่น้องเสื้อแดง เข้าไปสร้างความเคืองใจให้พวกเขา

งบประมาณที่ทุ่มลงไปในการเยือน บุรีรัมย์ ตามบัญชาของเนวินครั้งนี้ ว่ากันว่า พุ่งบานกว่า 100 ล้าน ในรูปของเบี้ยเลี้ยงกำลังพล และอีกกว่า 100 ล้าน ในด้านการตกแต่งสถานที่ ให้ดูยิ่งใหญ่อลังการ ตามประสารสนิยมของนักการเมืองต่างจังหวัด และรสนิยมของคน ปชป. ที่มักยึดเอาภาพข่าวแสนดีบังหน้า

ความไร้ สมรรถนะในเชิงบริหารข่าว การทุ่มกำลังมหาศาล ทั้งจำนวนคนและงบประมาณ เพื่ออารักขานายกรัฐมนตรีของไทยในแดนอิสาน ใครๆ ที่เป็นคนไทยในประเทศนี้ ได้รับรู้รับทราบ ก็คงเศร้าใจไปตามๆ กัน

เพราะจากพฤติกรรมดังกล่าว ย่อมพิสูจน์ในตัวมันเองแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ตามที่เจ้าตัวจีบปากจีบคอประกาศผ่านสื่อครั้งแล้วครั้งเล่า

รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ยังคงเป็นตัวแทนระบอบอำมาตย์ และเป็นตัวแทนของเผด็จการซ่อนรูป ทำให้พี่น้องเสื้อแดงต้องตามไปต่อต้านในทุกหนแห่ง ที่นายอภิสิทธิ์ (ตลอดจนรัฐมนตรีทุกผู้) อาจหาญไปปรากฏตัว......จนกว่าจะพินาศกันไปข้าง

อนิจจา....ประเทศไทย !

'แดงพัทลุง' เชิญร่วมงานเพื่อระดมทุน อาทิตย์ที่ 12 กค.นี้

โดย คุณ ถังแดง
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
11 กรกฎาคม 2552

กลุ่มผู้รักประชาธิปไตยพัทลุง (แดงพัทลุง)
เชิญร่วมงาน"จิบน้ำชา สนทนาประชาธิปไตย" เพื่อระดมทุน

วันที่ 12 กรกฎาคม 2552
เวลา 09.00 - 18.00 น.

ณ. ร้านเล่าฝัน ถนนเอเชีย อ.เมือง พัทลุง
(ติดกับสนามกีฬากลาง จังหวัดพัทลุง
ตรงข้ามป้อมตำรวจทางหลวง)


จาตุรนต์ ฉายแสง:ข้อเสนอต่อรัฐบาลกรณีการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009


โดย จาตุรนต์ ฉายแสง
ที่มา เวบเครือข่ายจาตุรนต์
11 กรกฎาคม 2552

ใน อเมริกา หน่วยงานสาธารณสุขออกแถลงอย่างเป็นทางการไปแล้วว่า..จะมีผู้ติดหวัด 90 ล้านคน และเสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน..จึงเป็นที่วิตกกันว่า โรคนี้จะระบาดมากขึ้น โดยที่คนจำนวนมากไม่ค่อยเชื่อถือตัวเลขจากทางการ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งไม่เชื่อในข้อมูลข่าวสารที่ทางราชการได้เผยแพร่หรือชี้แจง ซึ่งมีเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกอย่างนั้น



"สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009"

สถานการณ์ ปัจจุบันโรคนี้ได้ระบาดอย่างรวดเร็ว มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการแพร่ระบาดจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสร้างความเสียหายให้แก่คนทั่วโลกได้อีกมาก

ในประเทศไทยโรคนี้ได้ แพร่ระบาดเร็วมาก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน มียอดผู้ป่วยด้วยโรคนี้เป็นอันดับ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในเอเชีย

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าในขณะ นี้มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากกว่าตัวเลขที่เป็นทางการอีกมาก ถ้าการแพร่ระบาดยังเป็นไปในลักษณะนี้ หมายความว่าจะเพิ่มอัตราเร่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำให้เราพบกับสภาพที่มีผู้ปวยด้วยโรคนี้จำนวนเป็นแสนๆคนในอนาคตอันใกล้

ใน อเมริกา หน่วยงานสาธารณสุขออกแถลงอย่างเป็นทางการไปแล้วว่า ในประเทศสหรัฐฯประเทศเดียว คาดว่าจะมีผู้ติดหวัด 90 ล้านคน และเสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน

จึงเป็นที่วิตกกันว่า โรคนี้จะระบาดมากขึ้น สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยที่คนจำนวนมากไม่ค่อยเชื่อถือตัวเลขจากทางการ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหานี้ รวมทั้งไม่เชื่อในข้อมูลข่าวสารที่ทางราชการได้เผยแพร่หรือชี้แจง ซึ่งมีเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกอย่างนั้น

"ขาดยุทธศาสตร์ แผนงาน มาตรการ"

ความ จริงประเทศไทยมีพื้นฐานที่ดีหลายอย่างในการที่จะรับมือกับโรคนี้ คือเรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชื่ยวชาญ ในเรื่องที่เกี่ยวกับโรคระบาดอยู่พอสมควร เราได้ผ่านประสบการณ์กับการที่ต้องเผชิญกับโรคซาส์และปัญหาไข้หวัดนกในชวง ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามีประสบการณ์ทำงาน ในการวางแผน ในการจัดการ รวมทั้งยังได้มีแผนรับมือกับภาวะโรคระบาดที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วอย่างต่อ เนื่องถึง 2 แผน

แผนแรกได้ทำโดยคณะกรรมการติดตามแก้ปัญหาไข้หวัดนก และต่อมามีการพัฒนาแผนขึ้นอีกเป็นแผนงานขั้นที่ 2 ที่ต่อเนื่องโดยสำนักงานสภาพัฒน์ฯ นอกจากนั้นเรายังมีเครือข่ายความร่วมมือที่ดีกับองค์กรต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้ง WHO ที่ได้เคยให้เราเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้

เรา ยังได้เคยมีการศึกษา ค้นคว้า เพื่อจะสร้างหรือผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เรามีความรู้ ความเชี่ยวชาญอยู่พอสมควร ในการที่จะสร้าง ผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้

มีคำถามว่า ทำไมเราจึงมาอยู่ในจุดที่ผู้คนขาดความเชื่อถือ และดูเหมือนการแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจ จนกระทั่งทำให้เกิดการคาดการณ์ในทางหวั่นวิตกว่า ปัญหาจะหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

สาเหตุสำคัญ คือ เราขาดยุทธศาสตร์ในการรทำงาน ขาดนโยบาย การวางแผน การวางมาตรการที่ดี ขาดการปรึกษาหารือกับผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเป็นระบบ และไม่มีการตัดสินใจที่ดี รวมทั้งไม่มีการวางยุทธศาสตร์ วางแผนในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้เข้าใจข้อเท็จจริง รวมทั้งสร้างความเข้าใจว่าเรากำลังจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ผู้คนทั้งหลายจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร

"ปัดฝุ่นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เชื่อมโยงต่างประเทศ"

หาก จะให้เสนอแนะความคิดเห็น ผมคิดว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้น เพื่อดูแลปัญหานี้ แต่จากการติดตามข่าวสารทราบว่า มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับรัฐบาลเพื่อดูแลปัญหานี้แล้ว แต่ว่าคณะกรรมการคณะนี้ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่ค่อยได้ประชุมปรึกษาหารือกัน จึงไม่เห็นว่าคณะกรรมการชุดนี้ได้ทำงานอะไร ทำหน้าที่อย่างไร

ข้อเสนอประการแรกคือ ให้คณะกรรมการฯที่ตั้งไว้นี้ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการชุดนี้ให้ทันสมัยมากขึ้น ให้มีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ จากกระทรวงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและจากต่างประเทศหรือองค์กร ระหว่างประเทศ ให้เข้าร่วมเป็นกรรมการหรือเป็นที่ปรึกษา แล้วให้คณะกรรมการนี้ทำงานอย่างจริงจัง มีการประชุมสม่ำเสมออย่างน้อยทุกสัปดาห์ เพื่อที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ แผนงาน มาตรการ และเพื่อที่จะบัญชาการ สั่งการ ให้เกิดการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย

รวมทั้งควรจะ มีการนำเอาแผนฉุกเฉินที่จะรับมือกับการเกิดโรคระบาด ที่มีการทำไว้แล้วนั้นมาพิจารณาเพื่อนำส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นประโยชน์มาใช้ โดยเร็ว รวมทั้งควรจะมีการชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชาชน......

- ได้เข้าใจข้อเท็จจริง
- เข้าใจลักษณะความรุนแรงของโรค
- วิธีการในการป้องกันรักษา
- วิธีปฏิบัติตน
- แนวปฏิบัติขององค์กรหน่วยงาน สถานที่ต่างๆ
- รวมไปถึงบุคคลแต่ละคนว่าควรปฏิบัติในการป้องกันรักษาโรคนี้อย่างไร
ควรจะมีรายละเอียดตั้งแต่ในภาวะปกติที่ยังไม่ปรากฎ ไปจนถึงสงสัยว่า
- เริ่มมีอาการอย่างไร
- จะทำอย่างไร
- ควรจะไปพบแพทย์ และควรจะไปโรงพยาบาลใดบ้าง หรือทั่วไป
- หรือว่าเมื่อใดควรจะหยุดเรียน เมื่อใดโรงเรียนควรจะปิด
- จากนี้ไปผู้ที่รับผิดชอบสถานที่ ระบบขนส่ง อาคารตึกรามต่างๆจะต้องมีมาตรการอย่างไร


ชี้แจงประสัมพันธ์ทั้งระบบ จัดทำแผนฉุกเฉิน ผลิตวัคซีน

ควร จะมีคำแนะนำที่ชัดเจน ควรจะมีการมาสรุปผลการศึกษาการวิเคราะบทเรียนจากการป้องกันรักษาโรคนี้ ทั้งในประเทศไทยและจากต่างประเทศ เพื่อให้คนเข้าใจพฤติกรรมเข้าใจการพัฒนาการคลี่คลายของเรื่องนี้ว่า คนมักจะติดโรคนี้จากอะไร ติดมาในโอกาสไหนมาจากใครอย่างไร ที่หายๆได้อย่างไรแต่ละคนจะได้วางตัวถูก

ประการที่สอง คือ นอกจากชี้แจงสิ่งที่เป็นปัจจุบันแล้ว ต้องแสดงภาพให้เห็นว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะต้องเผชิญกับสภาพอย่างไร แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไร ในอนาคตคนจะเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธรณะอย่างไร คนจะใช้บริการต่างๆ ไปดูหนัง อยู่ในร้านอาหาร ไปซื้อข้าวซื้อของตามศูนย์การค้าและอื่นๆจะทำอย่างไร

โดยเฉพาะเมื่อ มีการระบาดของโรคนี้อย่างกว้างขวางมากๆ แล้วคนแต่ละคนจะทำกันอย่างไร ให้นำเอาแผนฉุกเฉินแผนที่มีไว้สำหรับการรับมือกับโรคระบาดอย่างร้ายแรงมา พิจารณาดูว่าควรจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาโรคอย่างไรและก็ต้องเร่ง ทำอย่างจริงจัง ต้องทุ่มเทงบประมาณหาบุคลากรมาเสริมอีกมาก รวมทั้งต้องร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศก็ต้องรีบดำเนินการ หมายถึงว่าต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือเตรียมยาสำหรับรักษาเตรียมผลิตวัคซีน เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ อย่างเช่นห้องทดลอง เครื่องมือในการตรวจพิสูจน์ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่เป็นโรคนี้หรือไม่ ห้องรักษาคนไข้แบบปิดที่ไม่แผ่เชื้อต่อๆไป รวมทั้งก็จะต้องเร่งผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้

ประการสำคัญ ต้อง จัดระบบการชี้แจงประชาสัมพันธ์เสียใหม่ คือเมื่อมีการพิจารณาอย่างเป็นระบบแล้ว นำเรื่องสำคัญๆมาชี้แจงแก่ประชาชนทราบให้เข้าใจสถานะของปัญหาความร้ายแรงของ ปัญหาในขอบเขตทั่วโลก และทั่วประเทศ รวมทั้งความรุนแรงที่จะเกิดต่อคนแต่ละคน วิธีการป้องกันวิธีการรักษาที่ดีควรเป็นอย่างไร ในการชี้แจงควรจะชี้แจงอย่างจริงจังเป็นระบบด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่มี ประสิทธิภาพ เช่นต้องขอความร่วมมือให้มีการใช้ทีวีพูล มีการใช้วิทยุรวมการเฉพาะกิจ ขอความร่วมมือจากสถานีวิทยุต่างๆให้มีความร่วมมือในการที่เผยแผ่ข้อมูล ข่าวสารอย่างจริงจังทั้งระบบ

กระทำอย่างต่อเนื่องอย่างเหมาะสมและต่อ เนื่อง เพื่อให้คนในสังคมรู้ว่าจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ผมคิดว่าหากได้มีการพยายามทางยุทธศาสตร์วางแผนอย่างเป็นระบบ มีการบัญชาการสั่งการอย่างจริงจัง รวมทั้งชี้แจงข้อมูลอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ทั้งหลายอย่างเพียงพอ ประชาชนก็จะลดความวิตกกังวลลดความเครียดลงไป ก็คงจะไม่ได้ตำหนิอะไรรัฐบาลมากมายอย่างที่เป็นอยู่ เพราะว่าประชาชนย่อมจะรู้อยู่ว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่หลายหลายส่วนก็เป็น เรื่องสุดวิสัยที่ใครจะทำอะไรได้

ถ้าแต่หากว่ายังปล่อยให้อยู่ในสภาพ ที่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีไม่มีการบัญชาการสั่งการที่ดี ไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ คนก็จะรู้สึกตำหนิรัฐบาลมากยิ่งขึ้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่า จะทำอย่างไร จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว และที่จะเกิดขึ้นจากโรคนี้ในวันข้างหน้า

สิ่งสำคัญคือว่า จะทำอย่างไรที่จะช่วยกันป้องกันลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและที่จะเกิดขึ้นจาก โรคนี้ ประเด็นสุดท้าย ทั้งหมดนี้จะเริ่มที่ไหน ผมคิดว่าก็ต้องเริ่มที่นายกรัฐมนตรี
..........
แหล่งอ้างอิง
http://www.flutrackers.com/forum/
http://www.pandemicflu.gov/
http://www.hhs.gov/pandemicflu/
......
ข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรม

สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ร่วมกับสถาบันเพื่อการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น ขอเชิญร่วมฟังการอภิปราย

หัวข้อ "การล่มสลายของประชาธิปไตยไทย : จุดเริ่มต้นในการแสวงหาประชาธิปไตย"วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2552 ณ โรงแรมสุริวงศ์ จ.เชียงใหม่

กำหนดการ

12.00 น. ลงทะเบียน

13.00 น. กล่าวเปิดงานโดย สถาบันเพื่อการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น

รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง

13.15 น. กล่าวนำการอภิปรายโดย คุณจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

13.30 น. เริ่มการอภิปราย " การล่มสลายของประชาธิปไตยไทย : จุดเริ่มต้นในการแสวงหาประชาธิปไตย"

ดร.สุชาติ ธาดาดำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รศ.ดร.วรพล พรหมมิกบุตร คณะมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาธรรมศาสตร์
รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อ.คณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 และอดีตส.ส.หลายสมัย
คุณจอม เพชรประดับ ผู้ดำเนินรายการ

16.30 น. กล่าวขอบคุณ

http://thaienews.blogspot.com/

สถาบันปรีดีฯเชิญร่วมงานเผยแพร่เกียรติคุณสุพจน์ ด่านตระกูล


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 กรกฎาคม 2552

สถาบันปรีดี พนมยงค์ ขอเชิญร่วมงานเผยแพร่เกียรติคุณ สุพจน์ ด่านตระกูล วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2552 นี้


โครงการเผยแพร่งานเขียนคุณสุพจน์ ด่านตระกูล ครั้งที่ ๑

แนะนำหนังสือ ชีวิตและงานของ ดร. ปรีดี พนมยงค์ รวบรวมโดย สุพจน์ ด่านตระกูล

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ณ สถาบัน ปรีดี พนมยงค์
ถนนสุขุมวิท ซอยทองหล่อ (๕๕)
โทร. ๐๒ ๓๘๑-๓๘๖๐-๑
email: banomyong_inst@yahoo.com

กำหนดการ

๑๑.๐๐ น. นิทรรศการ สุพจน์ ด่านตระกูล เสมือนสายฝนชโลมใจคนที่รักสัจจะ (ชีวิตและงานของสุพจน์ ด่านตระกูล) ณ โถงแสดงนิทรรศการ

๑๑.๐๐ น. กิจกรรมวาดภาพเหมือน

๑๓.๐๐ น. ลงทะเบียนสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมพูนศุข พนมยงค์

๑๓.๓๐ น. คุณวัฒนา ชัยชนะสกุล กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานและแนะนำความเป็นมาของงาน

๑๓.๓๕ น. คุณศักดิชัย บำรุงพงศ์ กล่าวเปิดงาน

๑๓.๔๕ น. DVD Presentation รำลึกสุพจน์ ด่านตระกูล

๑๓.๕๕ น. การแสดงจินตลีลาประกอบเพลง คนดีมีค่า

๑๔.๐๕ น. การแสดงเดี่ยวทรัมเป็ตเพลง ลา มาร์ซาแยซ (La Marseillaise)

๑๔.๑๕ น. อภิปราย รู้จัก อ. ปรีดีฯ จากงานเขียนของคุณสุพจน์ ด่านตระกูล
- ดร. สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
- ดร. ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
- คุณ ชูพงศ์ ถี่ถ้วน
- คุณ วันไททิพย์ ด่านตระกูล
- คุณ ชมัยภร แสงกระจ่าง ดำเนินการอภิปราย

๑๗.๑๐ – ๑๗.๓๐ น. ผู้ฟังร่วมแสดงความคิดเห็น

สถาบันปรีดี พนมยงค์

65/1 ซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท55 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์02-2381-3860-1 Fax : 02-2381-3859
email : banomyong_inst@yahoo.com
website : www.pridiinstitute.com
.......
ข่าวเกี่ยวเนื่องที่ไทยอีนิวส์เคยนำเสนอ
-สุพจน์ ด่านตระกูล ส่งต่อคบเพลิงการอภิวัฒน์ที่สมบูรณ์สู่ชนรุ่นหลังก่อนสิ้นบุญสงบ
-สานต่อเจตนาลุงสุพจน์ให้สมบูรณ์:สืบสายธารการอภิวัฒน์คณะราษฎร์2475
-สถาบันปรีดีเชิดชูเกียรติลุงสุพจน์ยิ่งใหญ่ จัดงานรำลึก
(เนื่องจากถูกictบล็อกปิดกั้นเวบ กรุณาเสิร์ซหาทางgoogle)

เรื่องเล่า.. คนเสื้อแดงถูกละเมิดสิทธิ์การเดินทางถึง 7 ชม. เพียงเพื่อสร้างภาพให้มาร์คว่า ไม่มีการต่อต้านที่บุรีรัมย์

โดย คุณ ไทยสีคิ้ว
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
11 กรกฎาคม 2552

ผมต้องขอขอบคุณ และนับถือน้ำใจของคนเสื้อแดง และความอดทน ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดของเสื้อแดง ที่ร่วมเหตุการณ์ในครั้งนี้ทุกๆ ท่าน

ก่อน อื่นผมต้องยอมรับว่า การเป็นเสื้อแดงบุรีรัมย์นั้น ยากลำบากกว่าจังหวัดอื่นๆ จริงๆ นอกจากต้องมีใจรักประชาธิปไตยแล้ว ยังจะต้องต่อสู้กับพวกนักเลงอันธพาลในจังหวัด

วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจน ได้จากการกระทำ ถ่อย เถื่อน ของพวกเสื้อน้ำเงิน ผมขอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทราบกันอีกครั้ง

คน เสื้อแดงบุรีรัมย์ จัดเวทีสาธารณะในวันที่ 10 มีการอภิปรายตั้งแต่เย็นจนเช้าวันรุ่งขึ้น ที่บริเวณสระริมน้ำทางแยกเข้าเมื่องบุรีรัมย์ เหตุการก็ปกติ ไม่มีอะไรรุนแรง มีวัยรุ่นมาก่อกวนบ้างเป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่มีเหตุร้าย

ได้ มีการประชุมแกนนำคนเสื้อแดงในคืนนั้น และสรุปว่า คนเสื้อแดงบุรีรัมย์ ต้องการแสดงให้สังคมภายนอก และ นายอภิสิทธิ์รับรู้ว่า บุรีรัมย์ ก็มีกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ไม่เหมือนกลุ่มเนวิน ที่ทรยศต่อประชาชน

จึง วางแผนที่จะเคลื่อนขบวนในตอนเช้าไปที่ อ. ลำปลายมาศ เพื่อแสดงตนให้อภิสิทธิ์เห็นว่า จริงแล้ว เนวิน คุมคนบุรีรัมย์ไม่ได้ทั้งหมดตามที่คุยไว้

จึงเคลื่อนขบวนประชาชนโดยรถยนต์ ส่วนมากจะเป็นรถส่วนตัว เดินทางไปกันประมาณ 30 คัน

เมื่อ เดินทางผ่านอำเภอ ชำนิ เข้าเขต อ. ลำปลายมาศ จึงพบว่า มีกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินประมาณ 200 คน ปิดถนนอยู่ ขบวนจึงหยุดและเข้าเจรจาขอผ่านทาง จึงผ่านทางมาได้

เมื่อเดินทางต่อ มาอีก 2 กิโลเมตร ก็พบกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินจำนวนมากประมาณ 500 คน พร้อมอาวุธในเมือปิดถนนอยู่ และกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินเหล่านี้ ก็ไม่ยอมให้ผ่าน จึงมีการตั้งตัวแทนเข้าเจรจากัน โดยเสื้อแดงส่งประธานกลุ่มเสื้อแดงบุรีรัมย์ คุณทองพูน เมืองสุข และคุณเขื่อนเพชร โพนรัมย์ เป็นตัวแทน และเสื้อน้ำเงินก็ส่ง คุณคำตา แทนบุญจัน และ สจ.ลำปลายมาศ มาเป็นตัวแทน

การเจราจาเป็นไปด้วยดี มีการทำข้อตกลงเป็นหนังสือว่า คนเสื้อแดงจะไม่เดินทางต่อไป ที่ลำปลายมาศ และให้เดินทางกลับที่ตั้ง ที่ อ. นางรอง และเสื้อน้ำเงินต้องถอนกลุ่มคนออกไป อย่าให้เข้ามาช่วงเสื้อแดงถอนตัว

ปัญหาเกิดขึ้น เพราะ คุณคำตา แทนบุญจัน และ สจ. ท่านนั้น ไม่สามารถสั่งการคนเสื้อน้ำเงินได้

ผล การเจรจาจึงไม่มีประโยชน์ ทำให้ทั้งสองฝ่าย ต้องเผชิญหน้ากันมากขึ้น และในเวลานั้น คนเสื้อน้ำเงินที่เราผ่านด่านแรกมา ก็รวมตัวกันปิดถนน และบีบวงล้อมเข้ามา ทำให้เกิดอาการตึงเครียดขึ้นมาทันที

ขณะที่คน เสื้อน้ำเงิน ก็พูดจายั่วยุผ่านเครื่องขยายเสียงตลอด มีการยื่นข้อเสนอให้ตัวแทนเสื้อแดง ต้องขึ้นประกาศขอโทษนายของเขา แต่ได้รับการปฏิเสธจากเสื้อแดง ทำให้เวลาต้องยืดเยื้อยาวนาน

ช่วง หลังก็มีเด็กวัยรุ่นใส่เสื้อขาวจำนวนหนึ่ง ส่วนมากอยู่ในอาการมึนเมา ปรากฏตัวที่แนวตั้งของเสื้อน้ำเงิน คนกลุ่มนี้ มีแป๊บน้ำและไม้กระบองเป็นอาวุธ เริ่มออกมายั่วยุ และเดินเข้ามาประชิดเสื้อแดง ทำให้เกิดการตึงเครียดมากขึ้น และมีการใช้หนังสติ๊ก และขว้างปาสิ่งของเข้าใส่คนเสื้อแดง และมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากเสื้อน้ำเงิน

ช่วงเที่ยงวัน ทำให้คนเสื้อแดงไม่มีข้าวที่จะรับประทาน มีแต่น้ำ โชคดี มีรถกาแฟโบราณของคนเสื้อแดงร่วมขบวนอยู่ด้วย จึงพอที่จะซื้อหามาทดแทนกันได้ระดับหนึ่ง

เวลายิ่งผ่านไป ยิ่งมีความตึงเครียดมากขึ้น เมื่อหัวหน้าเสื้อน้ำเงินบางส่วนมาบอกว่า พวกเขาไม่สามารถสั่งการคนเสื้อขาวได้ พวกนี้รับคำสั่งจากเนวินเท่านั้น

จาก เหตุนี้ ทำให้หัวหน้าคนเสื้อน้ำเงินเริ่มมองปํญหาที่จะเกิดขึ้นมาแน่นอน ถ้าไม่มีทางออก และตนเองจะต้องได้รับผิดชอบ เพราะส่วนมากเป็น สจ. สท. และ อบต. และข้าราชการที่รับคำสั่งจาก เนวิน

จึงมีการนำเสนอให้แกนนำทั้งสองฝ่าย ยอมรับการขอโทษซึ่งกันและกัน โดยประกาศที่รถเครื่องเสียง

แกน นำคนเสื้อแดง ประกาศก่อนว่า ถ้าการกระทำของคนเสื้อแดง ทางเสื้อน้ำเงินเห็นว่าไม่ถุกต้องตรงไหน ก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ ส่วนแกนนำคนเสื้อน้ำเงิน ก็กล่าวขอโทษที่ปิดกั้นการเดินทางของคนเสื้อแดง ในการที่จะใช้สิทธิ์ในการแสดงออก

กล่าวจบ การปิดกั้นถนนของคนเสื้อน้ำเงินก็ยอมเปิดถนน ให้เสื้อแดงเดินทางได้

เหตุการณ์ก็จบลง..

เพิ่มเติม ... คุณ cheeky จากเวบ konthaiuk
คลิป 1 สัมภาษณ์ คุณทองพูน สุขเนื่อง แกนนำคนเสื้อแดงบุรีรัมย์ และ
คลิป 2 สัมภาษณ์ ดร.สากล ศรีวันทา พรรคเพื่อไทย
ในห้วข้อ: เหตุการณ์ความตึงเครียดที่ นางรอง-ชำนิ-ลำปลายมาศ บุรีรัมย์