CBOX เสรีชน
13 เมษายน, 2552
บันทึกสลายการชุมนุมรอบแรก –สามเหลี่ยมดินแดง อรุณรุ่งสงกรานต์เลือด
ความวุ่นวายในช่วงเช้ามืดที่เกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเกิดขึ้นราวตีสามกว่า ซึ่ง ไม่มีนักข่าวอยู่ในพื้นที่มากนัก เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นจุดหนึ่งในบรรดาหลายจุดที่มีการตั้งด่านสกัดเจ้า หน้าที่เพื่อไม่ให้เข้ามาสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงซึ่งจุดใหญ่ที่สุด คือหน้าทำเนียบฯ รัฐบาล
ใน ช่วงตีสี่กว่า บริเวณทำเนียบ ผู้คนเริ่มตื่นตัว ทั้งเพราะฝนที่ตกลงมาและทั้งเพราะการประกาศจากแกนนำบนเวทีว่ามีการปราบที่ สามเหลี่ยมดินแดง บรรดาการ์ดที่อยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งถนนราชดำเนินนอก สนามม้านางเลิ้ง เริ่มรวมตัวกันมากขึ้น และมีการ์ดที่มาจากดินแดงมาสมทบ ซึ่งเต็มไปด้วยข่าวคราวการปะทะ และการเสียชีวิตบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
การ์ด เสื้อแดงสองสามคนให้สัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดียืนยันว่า เขาเห็นกับตาว่ามีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนในบริเวณปะทะ และคนเสื้อแดงพยายามเข้าไปชิงร่างดังกล่าว แต่ทหารได้ล้อมไว้และยิงปืนขู่ ทำให้ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ และทหารเป็นผู้ลากร่างนั้นขึ้นรถทหารไป ขณะที่ พ.อสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพ ยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต แม้ทหารใช้กระสุนจริงในการปราบปราม แต่ก็เป็นเพียงการยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า
ที่ รามาธิบดีเป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในหลายๆ แห่งที่มีการส่งผู้ได้รับบาดเจ็บลำเลียงเข้ามา หกโมงกว่า หมอเหวง โตจิราการ อยู่ที่นั่น เพื่อสำรวจคนเจ็บและระบุว่ามีเกือบ 20 คน จากนั้นหมอเหวงและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้าไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บหนักยัง อีกตึกหนึ่งของโรงพยาบาล และทางโรงพยาบาลอนุญาตให้นักข่าวอยู่ด้านหน้าเท่านั้น สักครู่หนึ่งหมอเหวงกลับออกมาและยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บเกือบทั้งหมดนั้นโดนกระสุนตามร่างกาย และผู้ที่บาดเจ็บหนักมี 2 ราย รายหนึ่งที่เขาเข้าไปเยี่ยมนั้น กระสุนเอ็ม 16 เจาะลำคอ สะโพก และเฉี่ยวศีรษะด้วย แต่ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว จากนั้นหมอเหวงจึงเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถี
ครู่ ใหญ่ๆ ต่อมา ทางโรงพยาบาลรามาฯ จึงพิมพ์เอกสาร ระบุรายละเอียดผู้บาดเจ็บ ซึ่งขอปิดบังชื่อ เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากเกรงเหตุความไม่ปลอดของผู้บาดเจ็บ โรงพยาบาลระบุว่า
“แถลงการณ์ วันที่ 13 เมษายน จากการสลายการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 13 เมษายน 2552 ปรากฏว่าได้มีผู้บาดเจ็บเข้มารับการรักษาตัวที่รพ.รามาธิบดี ตั้งแต่เวลา 05.00-6.10 น. จำนวน 24 ราย เป็นชาย 22 รายและหญืง 2 ราย โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องรับไว้ใน รพ. 2 รย จากบาดแผลที่ข้อเข่า 1 ราย และบาดแผลที่คอแขนและขาจากสะเก็ดระเบิด 1 ราย ที่เหลืออีก 22 ราย เป็นแผลเล็กน้อย ตามแขนขา 8 ราย และระคายเคืองตาและผิวหนังจากแก๊สน้ำตา 14 ราย จึงเรียนมาเพื่อทราบ .. รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รอง ผอ. รพ.รามาธิบดี”
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามกับหมอเหวงอีกครั้งกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า “ผมยืนยัน ก็ผมไปเยี่ยมด้วยตัวเองเลย นิติเวชของโรงพยาบาลก็เก็บกระสุนได้อยู่หลายนัด”
ถัดมาจากนั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งชื่อ “จิรัช” เดินกระเผกลงมาเพื่อจะขึ้นตุ๊กๆ ไปยังทำเนียบฯ ต่อ ทั้งที่สภาพของเขานั้น กางเกงเต็มไปด้วยเลือด และยังมีเลือดหยดย้อยลงมายังชายกางเกง เขาตอบนิ่งๆ ว่ายังไหว และยืนยันว่าหมอผ่ากระสุนออกให้แล้ว และเลือดที่ไหลจากบริเวณใกล้ๆ เป้านั้นแป็นเลือดค้างเก่า เขาออกไปจากโรงพยาบาล จนอีกพักใหญ่เขาถูกนำตัวกลับมาอีกครั้งโดยรถพยาบาลของหน่วยกู้ภัย
ที่โรงพยาบาลราชวิถี “วีระชัย บทมาตย์” เป็นหนึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารในเช้ามืดนั้น เขาถูกยิงเข้าที่เท้าขวา และนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เขาเล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า ประมาณ ตีสามกว่า ที่เจ้าหน้าที่ทหารประมาณหนึ่งกองร้อยเข้ามาในพื้นที่ และโดยไม่ได้มีการประกาศเตือน แจ้ง แถลงไขอะไรแต่อย่างใด เหล่าทหารยิงแก๊สน้ำตาหลายนัดมายังกลุ่มผู้ชุมนุม พวกเขาชายฉกรรจ์ราว 10 กว่าคน ซึ่งเป็นด่านหน้าพยายามขว้างปาอิฐ หรืออะไรที่หาได้เพื่อตอบโต้ในระยะที่ประจันหน้ากันอยู่ห่างราว 50 เมตร จนกระทั่งมีการยิงปืนขึ้นฟ้า เขาว่าเห็นลูกไฟหลายลูกลอยขึ้นฟ้า จากนั้นไม่นาน เริ่มมีการปะทะครั้งที่สอง ครั้งนี้เขาสังเกตเห็นว่า ทหารมีจำนวนมากขึ้นมาก ได้ยินเสียงทหารนายหนึ่งตะโกนว่า ลุยเลย พวกนี้ไม่จงรักภักดี จากนั้นทหารจึงเคาะเกราะกันอย่างฮึกเหิม และเริ่มวิ่งเข้ามายังกลุ่มผู้ชุมนุม ปลายปืนไม่ได้เล็งขึ้นฟ้าแล้วแต่เล็งมายังคน ผู้ชุมนุมแตกกระเจิง มีเสียงปืนดังขึ้นโดยตลอด เขาถูกกระสุนเข้าที่เท้า ขณะที่มีคนโดนที่เข่าและลำตัวด้วย ระหว่างนั้น คนขับรถข่าวช่อง 3 ช่วยพยุงเขามายังเพื่อนเพื่อส่งโรงพยาบาล
“ตอนนนั้นผมเห็นฝั่งตรงข้าม มีทหารกำลังรุมกระทืบคนแก่ที่วิ่งไม่ทันด้วย” วีระชัยกล่าวและว่า เขาไม่เห็นนักข่าวทีวีแม้แต่ที่เดียวในเวลานั้น
“ผม เคยผ่านประสบการณ์บ้านสี่เสาครั้งแรก วันที่ 22 ก.ค. มันก็มีการปะทะกัน ก็นึกว่าจะไม่รุนแรง มีแต่แก๊สน้ำตากับสเปรย์พริกไทย ไม่นึกว่าเขาจะยิงประชาชน รู้เลยว่าประชิดเขาใกล้เกินไป แล้วก็มีแต่ก้อนอิฐ”
วี ระชัย เป็นคนมุกดาหารโดยกำเนิด แต่มาประกอบอาชีพขายอาหารริมทางอยู่แถวสระบุรี เขาปิดร้านมาชุมนุมตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 เม.ย. และอันที่จริงเขาเริ่มออกมาชุมนุมตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2549 นั่งรถเมล์ขึ้นลงสระบุรี -กรุงเทพฯ เป็นว่าเล่น
“ผมแค่อยากบอกว่า เราต้องการประชาธิปไตย แล้วเราก็จงรักภักดีต่อในหลวงด้วย เพราะเราเป็นคนไทย” วีระชัยกล่าว
กลับมาที่โรงพยาบาลรามาฯ อีกครั้ง “ทองสุข บุญเสริม” กำลังตามหาลูกสาว “นภาพร บุญเสริม” วัย 16 ปี เนื่องจากเข้าไปร่วมชุมนุมอยู่ที่สามแยกดินแดงด้วย ขณะที่ตัวเธอและสามีมาชุมนุมที่ทำเนียบฯ
“เขาอยู่บ้าน แต่ถ้ามีปิดถนนแถวนั้นทีไรก็จะออกมาดูทุกที วัยรุ่นที่นั่นเยอะ จะออกมาดู มาช่วยตลอด”
เธอเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ และพยายามกลั้นการร้องไห้ไว้จนถึงที่สุด “มันมีข่าวว่า คนที่โดนทหารยิงตาย มีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงด้วยคนหนึ่ง ....... ถ้าตายก็ทำใจแล้ว แต่ขอให้ได้เห็นศพ”
“เราคนยากคนจน แต่เรารักประชาธิปไตย ทำไมต้องทำกันรุนแรง ยิงแก๊สน้ำตาก็พอแล้ว เด็กๆ วัยรุ่นทั้งแถวดินแดงที่ออกมา”
ทอง สุข และสามี เป็นพนักงาน กทม. คอยดูแลสวนรถไฟ เขาและเธอมาร่วมชุมนุมโดยตลอด เลิกงานก็มา ตีห้า หกโมงเช้าก็กลับไปทำงาน ไม่เคยได้นอนเต็มตื่นมาหลายคืน
ระหว่าง คุยฆ่าเวลา เพื่อไม่ให้เธอตึงเครียดจนเกินไปนัก เธอก็สามารถติดต่อกับลูกสาวได้ รอยยิ้มปรากฏเต็มใบหน้า เธอเล่าว่า ลูกสาวเธอหลบได้ และมีคนช่วยเหลือ “เขายิงเหมือนหมูเหมือนหมาเลยแม่ หนูไม่กลัวแล้ว” เธอพูดถึงคำบอกเล่าของลูกสาวเธอ
สถานการณ์ จากเช้ามืด สร้างความตึงเครียดให้กับผู้ชุมนุม กระทั่งลากยาวมาจนเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเที่ยงที่เดิม คราวนี้ สื่อมวลชนคอยจับตาดูโดยตลอด ...แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างไร และข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านี้จะถูกคลี่คลายไปหรือไม่ เพียงใด
ใน ช่วงตีสี่กว่า บริเวณทำเนียบ ผู้คนเริ่มตื่นตัว ทั้งเพราะฝนที่ตกลงมาและทั้งเพราะการประกาศจากแกนนำบนเวทีว่ามีการปราบที่ สามเหลี่ยมดินแดง บรรดาการ์ดที่อยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งถนนราชดำเนินนอก สนามม้านางเลิ้ง เริ่มรวมตัวกันมากขึ้น และมีการ์ดที่มาจากดินแดงมาสมทบ ซึ่งเต็มไปด้วยข่าวคราวการปะทะ และการเสียชีวิตบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
การ์ด เสื้อแดงสองสามคนให้สัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดียืนยันว่า เขาเห็นกับตาว่ามีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนในบริเวณปะทะ และคนเสื้อแดงพยายามเข้าไปชิงร่างดังกล่าว แต่ทหารได้ล้อมไว้และยิงปืนขู่ ทำให้ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ และทหารเป็นผู้ลากร่างนั้นขึ้นรถทหารไป ขณะที่ พ.อสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพ ยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต แม้ทหารใช้กระสุนจริงในการปราบปราม แต่ก็เป็นเพียงการยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า
ที่ รามาธิบดีเป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในหลายๆ แห่งที่มีการส่งผู้ได้รับบาดเจ็บลำเลียงเข้ามา หกโมงกว่า หมอเหวง โตจิราการ อยู่ที่นั่น เพื่อสำรวจคนเจ็บและระบุว่ามีเกือบ 20 คน จากนั้นหมอเหวงและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้าไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บหนักยัง อีกตึกหนึ่งของโรงพยาบาล และทางโรงพยาบาลอนุญาตให้นักข่าวอยู่ด้านหน้าเท่านั้น สักครู่หนึ่งหมอเหวงกลับออกมาและยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บเกือบทั้งหมดนั้นโดนกระสุนตามร่างกาย และผู้ที่บาดเจ็บหนักมี 2 ราย รายหนึ่งที่เขาเข้าไปเยี่ยมนั้น กระสุนเอ็ม 16 เจาะลำคอ สะโพก และเฉี่ยวศีรษะด้วย แต่ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว จากนั้นหมอเหวงจึงเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถี
ครู่ ใหญ่ๆ ต่อมา ทางโรงพยาบาลรามาฯ จึงพิมพ์เอกสาร ระบุรายละเอียดผู้บาดเจ็บ ซึ่งขอปิดบังชื่อ เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากเกรงเหตุความไม่ปลอดของผู้บาดเจ็บ โรงพยาบาลระบุว่า
“แถลงการณ์ วันที่ 13 เมษายน จากการสลายการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 13 เมษายน 2552 ปรากฏว่าได้มีผู้บาดเจ็บเข้มารับการรักษาตัวที่รพ.รามาธิบดี ตั้งแต่เวลา 05.00-6.10 น. จำนวน 24 ราย เป็นชาย 22 รายและหญืง 2 ราย โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องรับไว้ใน รพ. 2 รย จากบาดแผลที่ข้อเข่า 1 ราย และบาดแผลที่คอแขนและขาจากสะเก็ดระเบิด 1 ราย ที่เหลืออีก 22 ราย เป็นแผลเล็กน้อย ตามแขนขา 8 ราย และระคายเคืองตาและผิวหนังจากแก๊สน้ำตา 14 ราย จึงเรียนมาเพื่อทราบ .. รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รอง ผอ. รพ.รามาธิบดี”
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามกับหมอเหวงอีกครั้งกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า “ผมยืนยัน ก็ผมไปเยี่ยมด้วยตัวเองเลย นิติเวชของโรงพยาบาลก็เก็บกระสุนได้อยู่หลายนัด”
ถัดมาจากนั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งชื่อ “จิรัช” เดินกระเผกลงมาเพื่อจะขึ้นตุ๊กๆ ไปยังทำเนียบฯ ต่อ ทั้งที่สภาพของเขานั้น กางเกงเต็มไปด้วยเลือด และยังมีเลือดหยดย้อยลงมายังชายกางเกง เขาตอบนิ่งๆ ว่ายังไหว และยืนยันว่าหมอผ่ากระสุนออกให้แล้ว และเลือดที่ไหลจากบริเวณใกล้ๆ เป้านั้นแป็นเลือดค้างเก่า เขาออกไปจากโรงพยาบาล จนอีกพักใหญ่เขาถูกนำตัวกลับมาอีกครั้งโดยรถพยาบาลของหน่วยกู้ภัย
ที่โรงพยาบาลราชวิถี “วีระชัย บทมาตย์” เป็นหนึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารในเช้ามืดนั้น เขาถูกยิงเข้าที่เท้าขวา และนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เขาเล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า ประมาณ ตีสามกว่า ที่เจ้าหน้าที่ทหารประมาณหนึ่งกองร้อยเข้ามาในพื้นที่ และโดยไม่ได้มีการประกาศเตือน แจ้ง แถลงไขอะไรแต่อย่างใด เหล่าทหารยิงแก๊สน้ำตาหลายนัดมายังกลุ่มผู้ชุมนุม พวกเขาชายฉกรรจ์ราว 10 กว่าคน ซึ่งเป็นด่านหน้าพยายามขว้างปาอิฐ หรืออะไรที่หาได้เพื่อตอบโต้ในระยะที่ประจันหน้ากันอยู่ห่างราว 50 เมตร จนกระทั่งมีการยิงปืนขึ้นฟ้า เขาว่าเห็นลูกไฟหลายลูกลอยขึ้นฟ้า จากนั้นไม่นาน เริ่มมีการปะทะครั้งที่สอง ครั้งนี้เขาสังเกตเห็นว่า ทหารมีจำนวนมากขึ้นมาก ได้ยินเสียงทหารนายหนึ่งตะโกนว่า ลุยเลย พวกนี้ไม่จงรักภักดี จากนั้นทหารจึงเคาะเกราะกันอย่างฮึกเหิม และเริ่มวิ่งเข้ามายังกลุ่มผู้ชุมนุม ปลายปืนไม่ได้เล็งขึ้นฟ้าแล้วแต่เล็งมายังคน ผู้ชุมนุมแตกกระเจิง มีเสียงปืนดังขึ้นโดยตลอด เขาถูกกระสุนเข้าที่เท้า ขณะที่มีคนโดนที่เข่าและลำตัวด้วย ระหว่างนั้น คนขับรถข่าวช่อง 3 ช่วยพยุงเขามายังเพื่อนเพื่อส่งโรงพยาบาล
“ตอนนนั้นผมเห็นฝั่งตรงข้าม มีทหารกำลังรุมกระทืบคนแก่ที่วิ่งไม่ทันด้วย” วีระชัยกล่าวและว่า เขาไม่เห็นนักข่าวทีวีแม้แต่ที่เดียวในเวลานั้น
“ผม เคยผ่านประสบการณ์บ้านสี่เสาครั้งแรก วันที่ 22 ก.ค. มันก็มีการปะทะกัน ก็นึกว่าจะไม่รุนแรง มีแต่แก๊สน้ำตากับสเปรย์พริกไทย ไม่นึกว่าเขาจะยิงประชาชน รู้เลยว่าประชิดเขาใกล้เกินไป แล้วก็มีแต่ก้อนอิฐ”
วี ระชัย เป็นคนมุกดาหารโดยกำเนิด แต่มาประกอบอาชีพขายอาหารริมทางอยู่แถวสระบุรี เขาปิดร้านมาชุมนุมตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 เม.ย. และอันที่จริงเขาเริ่มออกมาชุมนุมตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2549 นั่งรถเมล์ขึ้นลงสระบุรี -กรุงเทพฯ เป็นว่าเล่น
“ผมแค่อยากบอกว่า เราต้องการประชาธิปไตย แล้วเราก็จงรักภักดีต่อในหลวงด้วย เพราะเราเป็นคนไทย” วีระชัยกล่าว
กลับมาที่โรงพยาบาลรามาฯ อีกครั้ง “ทองสุข บุญเสริม” กำลังตามหาลูกสาว “นภาพร บุญเสริม” วัย 16 ปี เนื่องจากเข้าไปร่วมชุมนุมอยู่ที่สามแยกดินแดงด้วย ขณะที่ตัวเธอและสามีมาชุมนุมที่ทำเนียบฯ
“เขาอยู่บ้าน แต่ถ้ามีปิดถนนแถวนั้นทีไรก็จะออกมาดูทุกที วัยรุ่นที่นั่นเยอะ จะออกมาดู มาช่วยตลอด”
เธอเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ และพยายามกลั้นการร้องไห้ไว้จนถึงที่สุด “มันมีข่าวว่า คนที่โดนทหารยิงตาย มีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงด้วยคนหนึ่ง ....... ถ้าตายก็ทำใจแล้ว แต่ขอให้ได้เห็นศพ”
“เราคนยากคนจน แต่เรารักประชาธิปไตย ทำไมต้องทำกันรุนแรง ยิงแก๊สน้ำตาก็พอแล้ว เด็กๆ วัยรุ่นทั้งแถวดินแดงที่ออกมา”
ทอง สุข และสามี เป็นพนักงาน กทม. คอยดูแลสวนรถไฟ เขาและเธอมาร่วมชุมนุมโดยตลอด เลิกงานก็มา ตีห้า หกโมงเช้าก็กลับไปทำงาน ไม่เคยได้นอนเต็มตื่นมาหลายคืน
ระหว่าง คุยฆ่าเวลา เพื่อไม่ให้เธอตึงเครียดจนเกินไปนัก เธอก็สามารถติดต่อกับลูกสาวได้ รอยยิ้มปรากฏเต็มใบหน้า เธอเล่าว่า ลูกสาวเธอหลบได้ และมีคนช่วยเหลือ “เขายิงเหมือนหมูเหมือนหมาเลยแม่ หนูไม่กลัวแล้ว” เธอพูดถึงคำบอกเล่าของลูกสาวเธอ
สถานการณ์ จากเช้ามืด สร้างความตึงเครียดให้กับผู้ชุมนุม กระทั่งลากยาวมาจนเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเที่ยงที่เดิม คราวนี้ สื่อมวลชนคอยจับตาดูโดยตลอด ...แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างไร และข้อเท็จจริงต่างๆ เหล่านี้จะถูกคลี่คลายไปหรือไม่ เพียงใด
ล่าสุด แยกศรีอยุธยาระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมแล้ว ตัดสัญญาณไทยคมแล้ว
ที่ บริเวณ ถ. ศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ได้รับคำสั่งให้ไปสลายการชุมนุมที่ แยก ถ.ศรีอยุธยา แล้วรายละเอียดจะรายงานต่อไป เว็บไซต์ต่างๆ ที่รายงานสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบโดยการลิงก์กับดี สเตชั่นซึ่งส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไทยคมระบุว่า สัญญาณไทยคมถูกตัดแล้ว ขณะที่บางเว็บไซต์ถูกสีดำคาดทับ
ขออภัยการรายงานข่าวผิดพลาด แก้ไขเมื่อเวลา 14.17 น.
ขออภัยการรายงานข่าวผิดพลาด แก้ไขเมื่อเวลา 14.17 น.
แถลงการณ์นักสิทธิประณามการปราบปรามประชาชน
แถลงการณ์
ขอประณามการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงและให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง
ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และในเช้าตรู่วันนี้ (13 เมษายน) มีการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนกคนเสื้อแดง ที่บริเวณดินแดงและถนนศรีอยุธยา และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากฝ่ายประชาชนคนเสื้อแดงอีกนั้น
ใน ฐานะนักสิทธิมนุษยชนขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขอประณามการ ใช้ความรุนแรงของรัฐบาลต่อประชาชนในครั้งนี้ และขอเรียกร้องต่อทุกฝ่ายดังนี้
1. ขอ ให้รัฐบาลประกาศถอนกำลังกลับที่ตั้งและยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินทันที โดยประกาศให้นัดหมายประชุมร่วมกับรัฐสภาเป็นการเร่งด่วนเพื่อเปิดประชุมฉุก เฉินในรัฐสภา อันจะเป็นทางแก้ไขความขัดแย้งตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุข
2. ขอ ให้ประชาชนคนเสื้อแดงยุติการชุมนุมและใช้ความรุนแรงในการปิดถนนหรือสร้าง ความเดือดร้อนในบ้านเมือง และหันหน้าเข้ามารับฟังการประชุมของรัฐสภา ในการคลี่คลายวิกฤตของบ้านเมืองร่วมกัน
3. ขอให้นักวิชาการ นักกฎหมาย องค์กรพัฒนาเอกชน นักสิทธิมนุษยชน นายแพทย์ นาย ทหาร นายตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง ยุติการยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง และประณามทุกฝ่ายที่ส่งเสริมให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขความขัดแย้งทาง การเมืองในครั้งนี้
4. หากการประชุมรัฐสภามิอาจบรรลุข้อตกลงอย่างสมานฉันท์ ขอเรียกร้องให้มีการยุบสภาและคืนอำนาจให้กับประชาชน
ทั้งนี้ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และสามารถนำความสงบสุขมาสู่สังคมโดยรวม
แถลง ณ 13 เมษายน 2552 เวลา 10.05 น.
ลงชื่อ
นายศราวุฒิ ประทุมราช
นายพิทักษ์ กิดหอม
นายอนุชา วินทะไชย
ขอประณามการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงและให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง
ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และในเช้าตรู่วันนี้ (13 เมษายน) มีการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนกคนเสื้อแดง ที่บริเวณดินแดงและถนนศรีอยุธยา และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากฝ่ายประชาชนคนเสื้อแดงอีกนั้น
ใน ฐานะนักสิทธิมนุษยชนขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขอประณามการ ใช้ความรุนแรงของรัฐบาลต่อประชาชนในครั้งนี้ และขอเรียกร้องต่อทุกฝ่ายดังนี้
1. ขอ ให้รัฐบาลประกาศถอนกำลังกลับที่ตั้งและยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินทันที โดยประกาศให้นัดหมายประชุมร่วมกับรัฐสภาเป็นการเร่งด่วนเพื่อเปิดประชุมฉุก เฉินในรัฐสภา อันจะเป็นทางแก้ไขความขัดแย้งตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุข
2. ขอ ให้ประชาชนคนเสื้อแดงยุติการชุมนุมและใช้ความรุนแรงในการปิดถนนหรือสร้าง ความเดือดร้อนในบ้านเมือง และหันหน้าเข้ามารับฟังการประชุมของรัฐสภา ในการคลี่คลายวิกฤตของบ้านเมืองร่วมกัน
3. ขอให้นักวิชาการ นักกฎหมาย องค์กรพัฒนาเอกชน นักสิทธิมนุษยชน นายแพทย์ นาย ทหาร นายตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง ยุติการยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง และประณามทุกฝ่ายที่ส่งเสริมให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขความขัดแย้งทาง การเมืองในครั้งนี้
4. หากการประชุมรัฐสภามิอาจบรรลุข้อตกลงอย่างสมานฉันท์ ขอเรียกร้องให้มีการยุบสภาและคืนอำนาจให้กับประชาชน
ทั้งนี้ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และสามารถนำความสงบสุขมาสู่สังคมโดยรวม
แถลง ณ 13 เมษายน 2552 เวลา 10.05 น.
ลงชื่อ
นายศราวุฒิ ประทุมราช
นายพิทักษ์ กิดหอม
นายอนุชา วินทะไชย
คำสั่งจัดตั้งกองกำลังอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
7.15 น. 12 เม.ย. 52 ตาม ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นายกฯจึงมีคำสั่งจัดตั้งกองกำลังอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เป็นหน่วยงานพิเศษ มี รมว.เป็นที่ปรึกษา ผบ.สส. เป็นผู้อำนวยการ ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผบ.ตร สำนักข่าวกรอง ปลัดมหาดไทย ปลัดต่างประเทศ ปลัดยุติธรรม ผู้ว่าฯ กทม เสธ.ทหาร เสธ.ทหารบก เสธ.เรือ เสธ.อากาศ ข้าราชการตำรวจ ทหาร และพลเรือนที่ได้รับคำสั่ง
ให้กองอำนวยการมีอำนาจปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก. , จัดโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม, ดำเนินการด้านการข่าวและต่อต้านข่าว, ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวที่ถูกต้อง, จัดกำลังพลเรือนและหทารดูแลบุคคลสำคัญ, และให้เจ้าของสถานที่ดำเนินการป้องกันตนเอง, มอบหมายให้ส่วนราชการสนับสนุนกำลังพล งบประมาณ ยานพาหนะ, เรียกให้ส่วนราชการเข้าร่วมประชุมชี้แจง, แต่งตั้งที่ปรึกษาหรือเจ้าหน้าที่ตามความจำเป็น, ดำนินการอื่นๆ ตามที่นายกฯมอบหมาย และเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองที่ได้รับการคุ้มครองทางอาญา
ให้กองอำนวยการมีอำนาจปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก. , จัดโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสม, ดำเนินการด้านการข่าวและต่อต้านข่าว, ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวที่ถูกต้อง, จัดกำลังพลเรือนและหทารดูแลบุคคลสำคัญ, และให้เจ้าของสถานที่ดำเนินการป้องกันตนเอง, มอบหมายให้ส่วนราชการสนับสนุนกำลังพล งบประมาณ ยานพาหนะ, เรียกให้ส่วนราชการเข้าร่วมประชุมชี้แจง, แต่งตั้งที่ปรึกษาหรือเจ้าหน้าที่ตามความจำเป็น, ดำนินการอื่นๆ ตามที่นายกฯมอบหมาย และเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองที่ได้รับการคุ้มครองทางอาญา
พบเจ็บ รามาฯ 24 ราย สาหัส 2 ถูกยิง และสะเก็ดระเบิด ศูนย์เอราวัณระบุเจ็บทั้งหมด 68
6.45 น ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้แถลงข้อมูลผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวทั้งสิ้น ณ เวลา 6.30 น. ทั้งสิ้น 24 ราย เป็นชาย 22 ราย หญิง 2 ราย โดยมีอาการสาหัสที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องรับเป็นผู้ป่วยใน 2 ราย เกิดจากบาดแผลที่ข้อเข่า 1 ราย โดยยังระชุชัดเจนไม่ได้ว่ามาจากกระสุนปืนหรือไม่ ส่วนอีกหนึ่งราย เป็นบาดแผลที่คอ แขน และขา ซึ่งเกิดจากสะเก็ดระเบิด นอกนั้น 22 ราย เป็นบาดเจ็บที่แขนขา 8 ราย อีก 14 รายบาดเจ็บจากการระคายเคืองตา ซึ่งคาดว่าเกิดจากแก๊สน้ำตา
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ได้รุดไปที่โรงพยาบาลรามาเพื่อตรวจสอบ และได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บรายหนึ่งก่อนจะให้สัมภาษณ์เป็นข้อมูลขัดแย้งกับ ทางโรงพยาบาลว่า ผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายนั้น รายหนึ่ง ถูกกระสุนยิงเจาะลำคอ สะโพก และอีกนัดเฉี่ยวศีรษะ
ด้านกลุ่ม 'ฟาเรด' หน่วยพยาบาลอาสาของกลุ่มคนเสื้อแดง รายงานยอดผู้บาดเจ็บว่า มีจำนวนถึง 70 รายแล้ว กระจายส่งโรงพยาบาลมิชชั่น ราชวิถี รามาฯ เปาโล และพระมงกุฏฯ
ล่าสุด นพ.เพ็ชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กล่าวว่า จำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกันที่แยกดินแดงมีจำนวน 68 ราย โดยเป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 30 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 20 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 11 ราย โรงพยาบาลพระมงกฎเกล้า 3 ราย ทั้งหมดมีจำนวนผู้บาดเจ็บที่ต้องนอนรักษาตัว 10 ราย
รายงานเพิ่มเติมเมื่อเวลา 10.38 น.
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ได้รุดไปที่โรงพยาบาลรามาเพื่อตรวจสอบ และได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บรายหนึ่งก่อนจะให้สัมภาษณ์เป็นข้อมูลขัดแย้งกับ ทางโรงพยาบาลว่า ผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายนั้น รายหนึ่ง ถูกกระสุนยิงเจาะลำคอ สะโพก และอีกนัดเฉี่ยวศีรษะ
ด้านกลุ่ม 'ฟาเรด' หน่วยพยาบาลอาสาของกลุ่มคนเสื้อแดง รายงานยอดผู้บาดเจ็บว่า มีจำนวนถึง 70 รายแล้ว กระจายส่งโรงพยาบาลมิชชั่น ราชวิถี รามาฯ เปาโล และพระมงกุฏฯ
ล่าสุด นพ.เพ็ชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กล่าวว่า จำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกันที่แยกดินแดงมีจำนวน 68 ราย โดยเป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก 30 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 20 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 11 ราย โรงพยาบาลพระมงกฎเกล้า 3 ราย ทั้งหมดมีจำนวนผู้บาดเจ็บที่ต้องนอนรักษาตัว 10 ราย
รายงานเพิ่มเติมเมื่อเวลา 10.38 น.
04.00 น.ปะทะแล้วที่สามเหลี่ยมดินแดงเจ็บ 20 คน
เวลา 04.00 น. บริเวณ แยกสามเหลี่ยมดินแดงเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม เสื้อแดงที่ได้ตั้งด่านแนวป้องกัน โดยเจ้าหน้าที่มีอาวุธปืน และปืนยิงแก๊สน้ำตา ระหว่างการสลายการชุมนุม มีเสียงปืนดังเป็นระยะต่อเนื่อง และมีรายงานผู้บาดเจ็บ โดยทีวีไทยได้เผยแพร่ภาพผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถพยาบาลทหารวิ่งลอดอุโมงค์ดินแดงไปมา 7-8 คัน
ด้าน เวทีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำบนเวทีได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อม และระบุถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงว่า การปะทะที่เกิดขึ้นเป็นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก พล.ร 2.ร อ. และมีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาฯแล้วเกือบ 20 คน
5.30 น. ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกให้สัมภาษณ์ทางทีวีไทย ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ใช้ปืนจริง แต่เป็นการยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการทำการขั้นตอนหลังการเจรจาแล้ว ทั้งนี้อ้างว่า การใช้ปืนดังกล่าว เกิดจากความพยายามของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามใช้รถเมล์พุ่งเข้าชนเจ้า หน้าที่ทหาร
ด้าน นายแพทย์ของศูนย์นเรนทร รายงานยืนยันว่ามีผู้บาดเจ็บแล้วประมาณ 20 คน โดยส่วนใหญ่มาอยู่ที่ ร.พ.รามาฯ โดยศูนย์นเรนทรจะทำหน้าที่ประสานกับ ศูนย์เอราวัญ และมูลนิธิอาสาต่างๆ ในการทำความช่วยเหลือ
มือมืดป่วนยิง M 79 ถล่มศาล รธน. ทหารเจ็บ 1
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 1.30 น.ร.ต.ต.วีรวัฒน์ สว่างรุ่งโรจน์ชัย ร้อยเวรสอบสวน สน.พระราชวัง รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ศาลธรรรมนูญ ถ.จักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมญ์ เขตพระนคร กทม.รุดไปตรวจสอบ โดยมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชาผบช.น.เดินทางมาตรวจสอบด้วย
ตรวจ สอบบริเวณริมรั้วด้านในพบระเบิดเอ็ม 79 ยังไม่ทำงานตกอยู่จำนวน 2 ลูก และที่หน้าต่างชั้น 2 ของศาล ถูกยิงด้วยระเบิดชนิดเดียวกันได้รับความเสียหายเป็นรูกว้างประมาณ 12 นิ้ว มองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีสิบตรีวรรณชัย วรรณวงศ์ศิริ สารวัตรทหาร ดูแลความประจำศาลได้รับบาดเจ็บที่เท้าเนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำยางรถยนต์มาล้อมระเบิดที่ยังไม่ทำงาน 2 ลูกไว้ก่อนจะประสานให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สตพ.เดินทางมาตรวจสอบ
พล. ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จากสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทราบว่า ได้ยินเสียงดังขึ้น 3 นัด โดยนัดแรกถูกหน้าต่างชั้น 2 ได้รับความเสียหาย ส่วนอีก 2 ลูกไม่ทำงาน เบื้องต้นคาดว่าระเบิดที่ยิงใส่ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 เมื่อถามคิดว่าเป็นคนมีสีทำหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แม้คนธรรมดาก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม จะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเพิ่มอีกส่วนจะมากหรือน้อยแค่ไหนนั้นต้อง ขอตรวจสอบให้ละเอียดก่อน
04.56 น. คลิป TPBS ทหารเข้าควบคุมการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง
วลา 4.56 น. วันนี้ (13 เม.ย. 52) สถานีโทรทัศน์ TPBS รายงาน ข่าวด่วนว่ามีการใช้เคลื่อนกำลังของทหารเพื่อควบคุมพื้นที่ของผู้ชุมนุม นปช. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยทหารได้ควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น.
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เวลา 7.30 น. มีการเผายางรถยนต์เพื่อสกัดการเคลื่อนกำลังของทหารที่แยกศรีอยุธยาตัดกับถนนพญาไท
เวลา 04.00 น. บริเวณ แยกสามเหลี่ยมดินแดงเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม เสื้อแดงที่ได้ตั้งด่านแนวป้องกัน โดยเจ้าหน้าที่มีอาวุธปืน และปืนยิงแก๊สน้ำตา ระหว่างการสลายการชุมนุม มีเสียงปืนดังเป็นระยะต่อเนื่อง และมีรายงานผู้บาดเจ็บ โดยทีวีไทยได้เผยแพร่ภาพผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถพยาบาลทหารวิ่งลอดอุโมงค์ดินแดงไปมา 7-8 คัน
ด้าน เวทีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำบนเวทีได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อม และระบุถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงว่า การปะทะที่เกิดขึ้นเป็นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจาก พล.ร 2.ร อ. และมีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาฯแล้วเกือบ 20 คน
5.30 น. ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกให้สัมภาษณ์ทางทีวีไทย ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ใช้ปืนจริง แต่เป็นการยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการทำการขั้นตอนหลังการเจรจาแล้ว ทั้งนี้อ้างว่า การใช้ปืนดังกล่าว เกิดจากความพยายามของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามใช้รถเมล์พุ่งเข้าชนเจ้า หน้าที่ทหาร
ด้าน นายแพทย์ของศูนย์นเรนทร รายงานยืนยันว่ามีผู้บาดเจ็บแล้วประมาณ 20 คน โดยส่วนใหญ่มาอยู่ที่ ร.พ.รามาฯ โดยศูนย์นเรนทรจะทำหน้าที่ประสานกับ ศูนย์เอราวัญ และมูลนิธิอาสาต่างๆ ในการทำความช่วยเหลือ
มือมืดป่วนยิง M 79 ถล่มศาล รธน. ทหารเจ็บ 1
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 1.30 น.ร.ต.ต.วีรวัฒน์ สว่างรุ่งโรจน์ชัย ร้อยเวรสอบสวน สน.พระราชวัง รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่ศาลธรรรมนูญ ถ.จักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมญ์ เขตพระนคร กทม.รุดไปตรวจสอบ โดยมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชาผบช.น.เดินทางมาตรวจสอบด้วย
ตรวจ สอบบริเวณริมรั้วด้านในพบระเบิดเอ็ม 79 ยังไม่ทำงานตกอยู่จำนวน 2 ลูก และที่หน้าต่างชั้น 2 ของศาล ถูกยิงด้วยระเบิดชนิดเดียวกันได้รับความเสียหายเป็นรูกว้างประมาณ 12 นิ้ว มองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีสิบตรีวรรณชัย วรรณวงศ์ศิริ สารวัตรทหาร ดูแลความประจำศาลได้รับบาดเจ็บที่เท้าเนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำยางรถยนต์มาล้อมระเบิดที่ยังไม่ทำงาน 2 ลูกไว้ก่อนจะประสานให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สตพ.เดินทางมาตรวจสอบ
พล. ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จากสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทราบว่า ได้ยินเสียงดังขึ้น 3 นัด โดยนัดแรกถูกหน้าต่างชั้น 2 ได้รับความเสียหาย ส่วนอีก 2 ลูกไม่ทำงาน เบื้องต้นคาดว่าระเบิดที่ยิงใส่ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 เมื่อถามคิดว่าเป็นคนมีสีทำหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แม้คนธรรมดาก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม จะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเพิ่มอีกส่วนจะมากหรือน้อยแค่ไหนนั้นต้อง ขอตรวจสอบให้ละเอียดก่อน
04.56 น. คลิป TPBS ทหารเข้าควบคุมการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง
วลา 4.56 น. วันนี้ (13 เม.ย. 52) สถานีโทรทัศน์ TPBS รายงาน ข่าวด่วนว่ามีการใช้เคลื่อนกำลังของทหารเพื่อควบคุมพื้นที่ของผู้ชุมนุม นปช. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยทหารได้ควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น.
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เวลา 7.30 น. มีการเผายางรถยนต์เพื่อสกัดการเคลื่อนกำลังของทหารที่แยกศรีอยุธยาตัดกับถนนพญาไท
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)