CBOX เสรีชน

15 กุมภาพันธ์, 2552

ภาษีทรัพย์สิน: ภาษีเพื่อประโยชน์ของทุกคน

เสรีชน บ้านผมเองก๊าบ

ภาษีทรัพย์สิน: ภาษีเพื่อประโยชน์ของทุกคน

ดร.โสภณ พรโชคชัย*

นับแต่ทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีดำริเรื่องเกี่ยวกับภาษี ทรัพย์สินและภาษีมรดก ประชาชนบางส่วนอาจตื่นตระหนก แต่ผมใคร่ขอเรียนว่า การมีภาษีทรัพย์สินนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับใคร แม้แต่กับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ก็ตาม

ทำไมระบอบประชาธิปไตยไทยจึงล้มลุกคลุกคลานแม้จะมีอายุถึง 76 ปีแล้ว คำตอบง่าย ๆ ก็คือ การขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน เรามักเข้าใจว่าการมีส่วนร่วมหมายถึงแค่การไปออกเสียงเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงหมายถึงการมีส่วนให้หรือส่วนเกื้อหนุนในฐานะสมาชิกของ สังคมหรือของประเทศ ซึ่งในทางปฏิบัติที่ชัดเจนได้แก่การเสียภาษี

คงไม่มีประเทศใดจะอยู่รอดได้หากประชาชนของประเทศไม่ได้เสียภาษี และภาษีที่ผมหมายถึงก็คือภาษีทรัพย์สิน การที่ประชาชนได้เสียภาษีโดยตรงจะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ จะร่วมกันดูแลภาษีของตน และปิดโอกาสที่จะให้นักการเมืองหรือข้าราชการประจำรายใด มาแสวงหาผลประโยชน์

ภาษีทรัพย์สินเป็นอย่างไร
ภาษีทรัพย์สินนี้หมายถึงภาษีที่ประชาชนผู้ครอบครองทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์ (รถ เรือ ฯลฯ) และโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียให้กับท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองโดยตรง ระบบภาษีทรัพย์สินจะทำให้ผู้เสียภาษีเล็งเห็นถึงประโยชน์ของภาษีที่ตนเองจะ ได้รับ และตระหนักถึงหน้าที่ของตนในการเสียภาษี

ในเมืองเกือบทุกแห่งของประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา ประชาชนต้องเสียภาษีทรัพย์สินเป็นเงินประมาณ 1-2% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ตนเองเป็นเจ้าของ เช่น หากเรามีบ้านราคา 1 ล้านบาทในเขตเทศบาลเมืองคูคต ปทุมธานี เราต้องเสียภาษีทรัพย์สินประมาณ 15,000 บาท หรือ 1.5% โดยภาษีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อการจัดการศึกษา จัดสร้างสาธารณูปโภค และการพัฒนาอื่น ๆ ในเขตเทศบาลดังกล่าว ภาษีเพียงเท่านี้ก็พอ ๆ กับค่าเก็บขยะ ค่าดูแลทรัพย์สินส่วนกลางเท่านั้น ไม่ได้มากกว่ากันเลย การใช้ภาษีทรัพย์สินยังจะทำให้รัฐบาลยกเลิกภาษีที่ซ้ำซ้อนอื่น คือ ภาษีบำรุงท้องที่

อย่างไรก็ตามในกรณีของประเทศไทย ทางรัฐบาลยังจะลดหย่อนให้มากกว่าในต่างประเทศ เช่น จะจัดเก็บ ณ อัตราเพียง 0.5% สำหรับกรณีเกษตรกรรมยังอาจเป็นเพียง 0.05% ของมูลค่าทรัพย์สิน นอกจากนั้นยังจะจัดเก็บสำหรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าตั้งแต่กี่ล้านขึ้นไป (ยังไม่ระบุในขณะนี้) รวมทั้งคาดว่าจะใช้จริงในราวปี 2554 ไม่ใช่ในปัจจุบัน เพราะยังต้องเตรียมการให้เรียบร้อยก่อนนั่นเอง

ประโยชน์ของภาษีทรัพย์สิน
จะเห็นได้ว่า ยิ่งเก็บภาษีได้มากเท่าไหร่ เทศบาลนั้น ๆ ยิ่งเจริญ ท้องถิ่นนำไปปรับปรุงถนน ทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น พอท้องถิ่นนั้นเจริญ มูลค่าทรัพย์สินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เจ้าของที่ดินก็ได้ประโยชน์ เข้าทำนอง “ยิ่งให้ ยิ่งได้” เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บได้ก็เพื่อการพัฒนาในพื้นที่เท่านั้น ประชาชนจึงรู้สึกมีความเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตามอาจมีชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนไม่อยากเสียภาษีนี้บ้าง เช่น คนโสด เพราะตนเองอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการจัดการศึกษาแก่เด็ก เป็นต้น แต่การมีโรงเรียนคุณภาพในท้องถิ่นจะทำให้มีคนสนใจย้ายเข้าท้องถิ่นของตนเอง มากขึ้น ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของตนเองเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

โดยที่ภาษีทรัพย์สินเป็นภาษีสำหรับท้องถิ่นซึ่งมีขนาดเล็กและเป็นภาษีทางตรง จึงทำให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถช่วยดูแล ควบคุมเป็นอย่างดี ต่างจากในสถานการณ์ปัจจุบันของไทย ที่รัฐบาลกลางส่งเงินมาให้ส่วนท้องถิ่นใช้ คนในท้องถิ่นจึงไม่รู้สึกเป็นเจ้าของเงินดังกล่าว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง” กลายเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบไป

ภาคปฏิบัติของภาษีทรัพย์สิน
ในแต่ละปี เทศบาลหรือ อบต. จะเป็นผู้ประเมินว่าเรามีทรัพย์สินราคาเท่าไหร่ โดยในบางกรณีเจ้าของบ้านอาจให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเพื่อประเมินได้ ถูกต้อง จะได้ไม่เสียภาษีมากหรือน้อยเกินไป หลังจากนั้น เทศบาลก็จะแจ้งราคาทรัพย์สินของเราและอัตราภาษีที่เราต้องเสีย ประเด็นสำคัญอยู่ที่แต่ละเทศบาลต้องทำทะเบียนทรัพย์สินที่จะประเมินและ สามารถประเมินให้ทันสมัย ถูกต้องเป็นรายปี เพื่อความเป็นธรรมของผู้เสียภาษี ผู้ที่ไม่ยอมเสียภาษีอาจถูกยึดบ้านมาขายทอดตลาดเพื่อเสียภาษีได้

ภาษีทรัพย์สินนี้อาจยกเว้นหรือเสียแต่น้อยในกรณีที่ดินที่ทำการเกษตร (รายย่อย) ในพื้นที่เกษตรกรรมของผังเมือง (หรือผังชนบท) หรืออาจเป็นที่ดินที่ทำการเกษตรนอกพื้นที่เกษตรกรรมแต่ทำการเกษตรจริงเป็น เวลานานเท่าที่กำหนด เช่น ตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันพวกแสร้งทำการเกษตรบนที่ดินเปล่าเพื่อเลี่ยงภาษี การมีข้อยกเว้นสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตรก็เพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรกรไม่ ให้ได้รับความเดือดร้อน แต่สำหรับพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่มักไม่มีข้อยกเว้นการเสียภาษี การคำนวณภาษีของที่ดินเพื่อการเกษตรทุกประเภทมักคำนวณจากประโยชน์ที่ที่ดิน นั้นได้รับจากสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เป็นต้น

กระดูกสันหลังประชาธิปไตย
ในประเทศตะวันตก ไม่เฉพาะนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้บริหารหรือหัวหน้าสำนักการศึกษา การสาธารณูปโภค การประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการเสียภาษี และอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นบุคคลเดียวหรือในรูปคณะกรรมการ ก็จะต้องผ่านการเลือกตั้งเช่นกัน มีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเท่านั้น ที่เป็นข้าราชการประจำของเมืองหรือเทศบาล

การเลือกตั้งผู้บริหารหรือหัวหน้าสำนักต่าง ๆ ข้างต้น ทำให้การบริหารเทศบาลเป็นไปตามความต้องการของคนในท้องถิ่น โดยมีประชาชนในท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง ผู้ที่อาสามาทำงานเพื่อส่วนรวม จึงอาจเป็นระดับชาวบ้านธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองมืออาชีพเขี้ยวโง้ง หรือไม่ นี่จึงเป็นผลดีของภาษีทรัพย์สินที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในท้องถิ่น จนทำให้คนดี ๆ ในท้องถิ่นอาสามาทำงานเพื่อส่วนรวมจริง ๆ มากขึ้น เป็นการปิดโอกาสที่นักการเมืองและข้าราชการประจำจะกระทำทุจริตและประพฤติมิ ชอบ

ผลร้ายของการไม่มีภาษีทรัพย์สิน
ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่สามารถมีระบบภาษีทรัพย์สินได้มาช้านานแล้ว ระบบภาษีบำรุงท้องที่ก็ยังใช้ราคาประเมินของทางราชการที่เก่ามากแล้ว ไม่สะท้อนมูลค่าปัจจุบัน เก็บภาษีก็ได้เพียงน้อยนิด เทศบาลส่วนมากก็ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ให้พอเพียงกับค่าใช้จ่าย รัฐบาลส่วนกลางก็ต้องส่งงบประมาณมาให้ใช้สอย จนทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ข้างต้นนี้เป็นภาพที่เห็นอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

ที่ดินเปล่าใจกลางกรุงมากมายปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เพราะไม่ต้อง เสียภาษี ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ อุปทานที่ดินก็จำกัด เมืองก็ต้องขยายออกไปในแนวราบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต้นทุนการขยายสาธารณูปโภคออกสู่ชานเมืองก็สูงขึ้น เป็นการสร้างปัญหา สร้างภาระแก่ส่วนรวม

เราควรคิดใหม่ว่าการที่รัฐจัดหาระบบไฟฟ้า ประปา ระบายน้ำ ฯลฯ ผ่านหน้าที่ดินของเราโดยเราไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรนั้น เราก็ต้องเสียภาษี เช่นเดียวกับที่ปัจจุบัน ใครมีห้องชุดอยู่ในอาคารชุด มีบ้านอยู่ในโครงการจัดสรร ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลาง แม้ตนจะอยู่หรือไม่ก็ตาม เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการถือครองทรัพย์สิน ถ้าท้องถิ่นของไทยมีภาษีไม่พอ เราก็ต้องขึ้นภาษีทางอ้อม กลายเป็นความบิดเบี้ยวไปอีกต่างหาก

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ประชาชนก็จะถูกบิดเบือนให้แปลกแยกกับระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องมีส่วน ร่วม มีส่วนได้ มีส่วนเสียเพื่อรดน้ำพรวนดินระบอบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้ประชาชนไม่ได้เสียภาษี เพียงแต่ไม่ได้เสียภาษีทางตรงจากทรัพย์สินที่ครอบครอง จึงทำให้ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของเท่าที่ควร และกลายเป็นว่าท้องถิ่นเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาลส่วนกลางอีกต่างหาก (แต่บางที่ ๆ กันดาร ไม่ควรไปตั้งถิ่นฐานตั้งแต่แรก ก็อาจไม่สามารถจัดเก็บภาษีทรัพย์สินได้อย่างเพียงพอ)

การเตรียมการระบบข้อมูล
โดยพื้นฐานแล้ว ภาษีทรัพย์สินจะสร้างประโยชน์และความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เป็นภาระกับใครแต่ช่วยเพิ่มมูลค่า แต่ภาษีทรัพย์สินจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อมีระบบข้อมูลการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ดี ในปัจจุบัน ข้อมูลการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เป็นที่เปิดเผย โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล แต่เพื่อความโปร่งใส ป้องกันอาชญากรมาฟอกเงิน และเป็นการให้สังคมได้ตรวจสอบการเสียภาษีที่ถูกต้อง ข้อมูลเหล่านี้ควรเปิดเผยให้รู้กันให้แน่ชัดว่ามีการซื้อขายทรัพย์สิน ณ ราคาเท่าไหร่บ้าง

ในความเข้าใจผิดของบุคคลทั่วไป มักเชื่อว่า ราคาซื้อขายที่แจ้ง ณ สำนักงานที่ดินส่วนใหญ่ แจ้งผิดจากความเป็นจริง แต่จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า มีข้อมูลถึงสองในสามแจ้งตามจริง หากข้อมูลมีการเปิดเผย ก็จะผลักดันให้เกิดการแจ้งจริงมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการตั้งราคาซื้อ-ขายทรัพย์สินอย่างเป็นธรรมและ อย่างรอบรู้ในหมู่ประชาชน

การที่จะให้ทางราชการประเมินค่าทรัพย์สินทั่วประเทศ คงเป็นได้ยาก และไม่อาจปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ การมีระบบการเปิดเผยข้อมูลซื้อขายทรัพย์สิน จะช่วยให้เกิดการสร้างฐานข้อมูลเพื่อการประเมินค่าทรัพย์สินที่เป็นธรรมต่อ ทุกฝ่ายโดยเฉพาะเพื่อการเสียภาษีทรัพย์สิน

นอกจากนี้รัฐบาลควรมีการตรวจสอบการแจ้งาราคาเท็จ โดยเริ่มต้นที่ทรัพย์สินที่มีราคา เช่น เกินกว่า 5 ล้านบาทก่อน ควรมีมาตรการลงโทษปรับผู้ที่แจ้งราคาที่เป็นเท็จ และควรมีการลดภาษีและค่าธรรมเนียมโอนให้ต่ำเพื่อให้ผู้ที่คิดหลบเลี่ยงภาษี หมดแรงจูงใจที่จะดำเนินการดังกล่าว เพราะรัฐบาลจะได้รับภาษีทรัพย์สินรายปีแทน เป็นต้น

ติดขัดอยู่ที่ใคร
ผมเชื่อว่า ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ อันได้แก่ นักการเมือง ข้าราชการใหญ่ ตระกูลพ่อค้า หรือตระกูลขุนนางใหญ่ ผู้ทรงอิทธิพล ผู้มีบารมี คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่มีสถานะที่ได้เปรียบในสังคม และอื่นๆ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการขัดขวางระบบภาษีทรัพย์สินนั่นเอง ท่านเหล่านี้อาจมีความปริวิตกในระยะเฉพาะหน้า ลำพังชาวบ้านทั่วไปที่ต้องถูกกะเกณฑ์ให้เสียภาษีปีละ 1-2% นั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมาก แต่ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ คงไม่คิดเช่นนั้น การมีที่ดินมาก ต้องเสียภาษีมาก ย่อมทำให้ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ เสียประโยชน์เป็นอย่างมาก

ถ้ามีระบบภาษีทรัพย์สิน ในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีการสำรวจว่าใครคือ ‘เจ้าของที่ดินรายใหญ่’ บ้าง ซึ่งพวกนี้อาจไม่ต้องการเปิดเผยตัว จึงพยายามทำให้ข้อมูลการเป็นเจ้าของที่ดินเป็นความลับ เป็นข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่นำพาว่าการปกปิดข้อมูลการซื้อขาย ครอบครองทรัพย์สินเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการฟอกเงินของอาชญากร (เศรษฐกิจ)

ผมเชื่อว่ารัฐบาลหากเอาจริง จะสามารถทำการนี้ได้สำเร็จ แม้แต่กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งกระทบประชาชนทั่วประเทศ รัฐาลก็ยังทำได้สำเร็จ อยู่ที่รัฐบาลต้องให้ความรู้แก่ประชาชนว่า ภาษีนี้เป็นผลดีต่อประชาชนโดยรวม ไม่ใช่ผลเสีย และรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของประชาชนส่วนใหญ่ ยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย (รัฐบาลไหนก็ได้) ที่หวังจะสถาปนาระบอบนี้ให้คงทนและเพื่ออนาคตของรัฐบาลเอง ต้องทำให้กฎหมายภาษีทรัพย์สินออกมาใช้ให้ได้ในประเทศไทย


* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและ ภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้เป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) และยังเป็นกรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่ง ตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@thaiappraisal.org

FW: วิธีปิดบัญชีธนาคารอันชาญฉลาดที่ถูกปกปิดมานาน

ที่มาบอกเนี่ยเพราะเป็นวิธีที่ธนาคารปกปิดมาตลอด
เคยมีหนังสือพิมพ์ออกมาขายแต่ธนาคารสั่งเก็บหมด
โปรด..อ่าน..ช้า ช้า.......
..ห้ามเบิกเงินแค่ที่มีในบัญชี ให้ใช้วิธี....ไม่กรอกตัวเลข...แต่..เขียน..ปิดบัญชี
เพียงเท่านี้..ธนาคารต้องจ่ายดอกเบี้ยคุณ 6 เดือน


วิธีนี้..เป็นวิธีที่ธนาคารไม่พยายามบอกคนฝากเงิน เพราะธนาคารมันเสียเปรียบ...

แต่ต้องเป็นกรณีที่เป็นบัญชีออมทรัพย์นะ ถ้าเป็นบัญชี ฝากประจำเราจะไม่ได้ดอก เพราะถือว่าฝากไม่ครบตามกำหนด
แต่ถ้าบัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ หรือที่เรียกว่า savings (สะสมทรัพย์)
ธนาคา ร จะคิดดอกให้ทุวันตามยอดเงินที่มี...เข้าๆออก ครบ6 เดือนทีหนึ่งก็จะมีดอกเข้ามาให้ ดังนั้นถ้าใครปิดบัญชี เขาก็ต้องคิดดอกมาให้ด้วย
ส่วนมากประชาชนจะไม่รู้ ก็จะถอนแค่จำนวนเงินที่มีในบัญชี
แล้วก็ทิ้งสมุดไว้..ตรงนี้แหละที่ธนาคารได้กำไร
เพราะสมุดนั้นพอทิ้งไว้นานเกินก็จะปิดไปเอง
และเดี๋ยวนี้ธนาคารส่วนมากจะกำหนดให้ บัญชีต้องมีเงินเหลือติดอยู่
อย่างน้อยๆ 500 บาท หากขาดการเคลื่อนไหวนานเกิน 3-6 เดือน ก็จะเริ่มหักค่ารักษาบัญชี
รายละประมาณ 50 บาทหรือไงเนี่ยแหละ

ที่บอกนี่เป็นผลประโยชน์ของผู้บริโภคน่ะ
แต่ส่วนมากมักจะไม่ชอบไปธนาคาร ถอนทางเอทีเอ็ม
แล้วก็คิดว่าที่เหลือแค่เศษสตางค์ช่างมัน..
พอเราขาดการติดต่อธนาคาร เขาก็หักค่ารักษาบัญชี
เงินไม่พอเขาก็ปิด บช เองตามกฎ
เมื่อรู้วิธีแล้ว...ช่วยกันเผยแพร่นะ


Fw : ก - ฮ เพื่อนฉัน

ก - เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข - เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค - ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง - ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ - จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ - เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช - ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ - ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ

ด - เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต - ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า

ถ - ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท - ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ - ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น - นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ - บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป - ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ - ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ - ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ - เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ - ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ - ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม - ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย - ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า

ร - รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล - ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า

ว - ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ - ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส - สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า

ห - เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ - อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ - เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า

FW: ต้องอ่านน๊ะอย่าเพิ่งลบ เตือนภัยคนมีรถ‏

อ่านให้จบ เรื่องสำคัญมากๆ

เรื่องที่ 1 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผม เป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก ตามที่จอดรถ เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่) พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน

คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex (สายที่วนๆ คล้ายสปริง) กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า

ก็ เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมาคงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง กดเซ็นทรัลล็อค

ขณะ ที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ

ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
มัน ตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอซักไปซักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......

ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด

เป็นห่วงทุกคนนะครับ


เรื่องที่ 2 อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอ เข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่ พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้ แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติ เมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขา อาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ




เรื่องที่ 3 ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ



เรื่องที่ 4 ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะ ที่ภรรยาผมกำลังเล่นกั บลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย



เรื่องที่ 5 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวก เขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน (นี่มันปล้นกันชัดๆ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด




เรื่องที่ 6 ตอน รถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมอ งเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลย ไป


FW: 10 วิธีฆ่าเมีย

1. มันอยากกินอะไรซื้อให้มันกินจนมันคาเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เดี๋ยวไม่เกิน 50 ปี มันก็ตาย

2. มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มันพอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆ เข้า เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว

3. มันชอบรถก็ซื้อให้มันยิ่งแพงๆ ยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็วๆ ความเสี่ยงสูง

4. มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไปต้องมีซักที่แหละที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้

5. งานบ้านอย่าไปให้มันทำเราต้องแย่งมันทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง

6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอก คนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยวก็ตายแล้ว

7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมดใครๆ ก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้

8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆ ให้มันอยู่กว้างๆ ยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอๆ อาจหอบตายระหว่างทางได้

9. เช้า-เย็นกราบมันทุกวันมันจะได้อายุสั้น

10. รักเมียให้มากๆไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอมันทุกข์มากๆ มันก็ตรอมใจตายเอง

Fw : 2553 จุดจบประเทศไทย

2553 จุดจบประเทศไทย ...... ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน

สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปั­­ญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิ­ญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนให­่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญ­หาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปั­­าไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างให­่อีกเพราะอะไร
เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น
เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ
คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก
พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ
มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน
ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี
ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว

ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน

Fw: วิธีติดตามรถ เมื่อรถหาย Good idea

หากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องจอดรถไว้ ไม่ว่าที่ใดก็ตามย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมได้เสมอ และเมื่อ
มีเหตุเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะติดตามกลับคืนมาได้ อันเนื่องมาจาก กำลังของเจ้าหน้าที่มีน้อยและไม่รู้เส้นทางการหลบหนี
ดังนั้นจึงมีอีกวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล 100 % คือให้ท่านหาโทรศัพท์มือถือราคาถูก ๆ
แต่ใช้งานได้ดี Battery
ดี ซิมการ์ดระบบใดก็ได้ เปิดเครื่องและซ่อนไว้ในรถในจุดที่ลับตาที่สุด ที่คิดว่าคนร้ายจะไม่เห็น เปิดเครื่อง ปิดเสียง ปิดสั่นทิ้งไว้ในรถเมื่อท่านต้องจอดในบริเวณที่มีความเสี่ยง และล็อครถ ของท่านตามปกติกรณีเกิดรถหาย ให้แจ้งที่ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายของหมายเลบโทรศัพท์ที่ท่านซ่อนไว้ในรถเพื่อค้นหาตำแหน่งของรถท่าน เพื่อการติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็วโดย ส่วนใหญ่ รถที่หายจะยังอยู่บนถนน หากที่ใดมีคลื่นโทรศัพท์ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งได้
ทุกวันนี้ซิมการ์ดระบบเติมเงินบางระบบเติมเท่าใดก็ใช้ได้เป็นปี ราคาไม่กี่ร้อย บวกค่าโทรศัพท์ที่ท่านมาซื้อได้ในราคาแค่พันต้นๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ.

อย่าลืมบอกต่อนะครับ
ขอบคุณครับ

FW: ถีบเมียอย่างถูกวิธี....(ขำๆ นะอย่าคิดมาก)

ลองทำดูนะ

1.ดื่มเหล้าให้เมาแล้วกลับดึก ๆ

2.แต่พอกลับมาบ้านต้องพยายามให้ยังพอมีสตินิดนึง

3.แกล้งทำเป็นเข้านอนทั้งชุดนั้นเลยโดยไม่ต้องอาบน้ำ

4.ช่วงนั้นเมียคงจะด่าเราอยู่..เราก็เลยถอดกางเกง

5.แกล้งทำเป็นถอดไม่ได้..เมียเราก็จะมาช่วยถอดเอง

6.และจังหวะที่เมียเข้ามาใกล้นั่นแหละ..บรรจงถีบ เมียให้หงายไปเลย

7.แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อย่ามายุ่งกับกู..กูรักเมียกูคนเดียว" แล้วก็หลับไปเลย

8.เช้ามาแค่นั้นแหละ..เมียก็จะรีบหากับข้าวอร่อยๆมาให้เราทานทันที

ได้ผลอย่างไงมาบอกด้วยนะ .....