14 กย. 2552 15:50 น.
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เพื่อพิจารณาคำร้องของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ที่ขอให้ตรวจสอบการประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อป้องกันการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า หลังจากฟังคำชี้แจงจากนายจิตติชัย แสงทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพบก ได้ข้อสรุปว่า การประกาศใช้ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นและต้องมีปรากฏการณ์ที่ชัดว่าจะกระทบ ต่อความมั่นคง ตามมาตรา 15 ของพ.ร.บ. ความมั่นคง ซึ่งครั้งนี้ตัวแทนของรัฐบาลยังไม่สามารถให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อกรรมการ สิทธิฯได้
น.พ. นิรันดร์ กล่าวต่อว่า การประกาศใช้จึงไม่เหมาะสม เพราะสังคมไทยยังมีมาตรการปกติเข้ามาดูแลผู้ชุมนุม ที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 โดยมีขั้นตอนปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจนถึงมาตรการขั้นเด็ดขาด หากผู้ชุมนุมใช้สิทธิเกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด และพ.ร.บ.ได้กำหนดไว้ว่านายกฯ และรองนายกฯ อีก 1 คนสามารถประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ภายใน 1 ชั่วโมงหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ตามที่คณะกฤษฎีกาได้ดีความให้อำนาจ รัฐบาลจึงควรให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนดในการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะการประกาศใช้ก่อนเหมือนจะกระทบสิทธิ์ของประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ใช้สิทธิ์ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ด้วย เหมือนที่ผ่านมาเช่น แรงงานไทรอัมพ์ ดังนั้นทางที่ดีรัฐบาลควรจะประกาศเพียงว่าหากมีสถานการณ์ที่จำเป็นก็จะ ประกาศใช้ เพราะการประกาศใช้ล่วงหน้าเป็นสิ่งไม่จำเป็น การที่ประกาศว่าจะใช้แต่ไม่ใช้ไม่ถือว่าเป็นความผิด
น.พ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า การใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง แม้ว่านายกฯจะเป็นผอ.รมน.โดยตำแหน่ง แต่รอง ผอ. คือ ผบ.ทบ. รวมถึงเสนาธิการทหารบกเป็นการใช้กำลังทหารเข้ามาปฏิบัติงาน ซึ่งจะทำให้ถูกมองว่าใช้อำนาจทางทหารควรจะเข้ามาเมื่อกระทบกับความมั่นคง ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นการใช้คำไม่ถูกกับงาน หากจะควบคุมการชุมนุมตำรวจก็สามารถทำได้ การจะสลายหรือจับกุมก็อยู่ในอำนาจตำรวจ
"หากสถานการณ์เกินเลย เราเป็นห่วงว่าหากประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ รัฐบาลจะถูกดิสเครดิตว่าไม่มีส่วนร่วมในการสร้างประชาธิปไตยและส่งเสริมการ ชุมนุม ดังนั้น ทางกรรมการสิทธิฯจะทำหนังสือถึงนายกฯ ว่าการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรองรับการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ที่จะถึง จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องทางการเมืองเท่า นั้นไม่ใช่การยกทัพจับศึก