CBOX เสรีชน

15 กันยายน, 2552

กก.สิทธิ์ฯ พึ่งตื่น ค้านรัฐใช้พรบ.มั่นคงคุมเสื้อแดง 19 ก.ย.



14 กย. 2552 15:50 น.

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง เพื่อพิจารณาคำร้องของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ที่ขอให้ตรวจสอบการประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อป้องกันการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า หลังจากฟังคำชี้แจงจากนายจิตติชัย แสงทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพบก ได้ข้อสรุปว่า การประกาศใช้ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นและต้องมีปรากฏการณ์ที่ชัดว่าจะกระทบ ต่อความมั่นคง ตามมาตรา 15 ของพ.ร.บ. ความมั่นคง ซึ่งครั้งนี้ตัวแทนของรัฐบาลยังไม่สามารถให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อกรรมการ สิทธิฯได้

น.พ. นิรันดร์ กล่าวต่อว่า การประกาศใช้จึงไม่เหมาะสม เพราะสังคมไทยยังมีมาตรการปกติเข้ามาดูแลผู้ชุมนุม ที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 โดยมีขั้นตอนปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจนถึงมาตรการขั้นเด็ดขาด หากผู้ชุมนุมใช้สิทธิเกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด และพ.ร.บ.ได้กำหนดไว้ว่านายกฯ และรองนายกฯ อีก 1 คนสามารถประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ภายใน 1 ชั่วโมงหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ตามที่คณะกฤษฎีกาได้ดีความให้อำนาจ รัฐบาลจึงควรให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนดในการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะการประกาศใช้ก่อนเหมือนจะกระทบสิทธิ์ของประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ใช้สิทธิ์ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ด้วย เหมือนที่ผ่านมาเช่น แรงงานไทรอัมพ์ ดังนั้นทางที่ดีรัฐบาลควรจะประกาศเพียงว่าหากมีสถานการณ์ที่จำเป็นก็จะ ประกาศใช้ เพราะการประกาศใช้ล่วงหน้าเป็นสิ่งไม่จำเป็น การที่ประกาศว่าจะใช้แต่ไม่ใช้ไม่ถือว่าเป็นความผิด

น.พ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า การใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง แม้ว่านายกฯจะเป็นผอ.รมน.โดยตำแหน่ง แต่รอง ผอ. คือ ผบ.ทบ. รวมถึงเสนาธิการทหารบกเป็นการใช้กำลังทหารเข้ามาปฏิบัติงาน ซึ่งจะทำให้ถูกมองว่าใช้อำนาจทางทหารควรจะเข้ามาเมื่อกระทบกับความมั่นคง ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นการใช้คำไม่ถูกกับงาน หากจะควบคุมการชุมนุมตำรวจก็สามารถทำได้ การจะสลายหรือจับกุมก็อยู่ในอำนาจตำรวจ

"หากสถานการณ์เกินเลย เราเป็นห่วงว่าหากประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ รัฐบาลจะถูกดิสเครดิตว่าไม่มีส่วนร่วมในการสร้างประชาธิปไตยและส่งเสริมการ ชุมนุม ดังนั้น ทางกรรมการสิทธิฯจะทำหนังสือถึงนายกฯ ว่าการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรองรับการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ที่จะถึง จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องทางการเมืองเท่า นั้นไม่ใช่การยกทัพจับศึก

พลเอกชัยสิทธิ์ชี้เสื้อแดงชุมนุมเพราะต้องการความยุติธรรม

14 กย. 2552 18:47 น.

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. กล่าวถึง การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.ว่า เป็นเรื่องของคนไทยที่ต้องการความยุติธรรมที่จะมาชุมนุม ส่วนกองทัพนั้นจะมายุ่งด้วยก็เพราะรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง อยากถามว่าควรแล้วหรือที่กองทัพจะต้องออกมาทั้ง ๆ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็บอกแล้วว่าจะชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ

ดังนั้นหากกองทัพออกมาแล้วมีอะไรที่เกินเลยก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการ ปฏิวัติได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อ ไม่ชอบ และเป็นคนรักความยุติธรรม แต่มองว่าหากทุกอย่างไม่มีทางเลือก และมีการมองในเรื่องของการสลายอำนาจ ในบางครั้งก็อาจเป็นทางออกที่ต้องทำเพื่อผ่าทางตัน

“ ส่วนตัวเชื่อว่าทหารคงไม่ทำการปฏิวัติ เพราะทหารอยู่ฝ่ายรัฐบาล เป็นคนของรัฐบาล จะทำไปทำไม บอกตรง ๆ เขาใจไม่ถึงหรอก พ.ร.บ.ความมั่นคงเมื่อประกาศใช้ก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีใครยุแหย่ เช่น เหตุการณ์ 14ต.ค. 2516 ก็อาจจะทำให้มีการลุกฮือขึ้นมาได้ ทั้งทหาร ตำรวจ รัฐบาลใช้งานได้ทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าจะใช้แบบไหน ตอนนี้การเมืองกำลังเข้าไปแทรกแซงข้าราชการ พอมีเรื่องเมื่อไหร่นักการเมืองก็รอดทุกที มีแต่ข้าราชการที่ต้องรับโทษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าขณะนี้กองทัพถูกแทรกแซงหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ตนออกมา 4 ปีแล้วคงไปวิจารณ์ไม่ได้ แต่เชื่อว่ากองทัพรู้หน้าที่ของเขาดี

ส่วนห่วงทหารหรือไม่หากมีการสลายการชุมนุมเพราะมีการชี้มูลความผิดของป .ป.ช.ต่อรัฐบาลนายสมชาย ว.ศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบรรทัดฐาน พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ปกติแล้วมีความยุติธรรมมากกว่านี้ แต่ป.ป.ช.ชุดนี้มาไม่ถูกต้อง ตั้งมาแต่ละคนก็เป็นศัตรูทุกคน อยากถามว่าป.ป.ช.ชุดนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯมาหรือไม่ถึงได้มาชี้มูลนายสมชาย ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยทำอะไรใคร

http://www.cbnpress.com/index.php/component/content/article/39-2008-12-27-13-26-42/2064-2009-09-14-12-34-24

"ทักษิณ"อ้อนกลางงานเลี้ยงตีกอล์ฟ ให้ยิ้มและอดทนรอ



14 กย. 2552 20:01 น.

เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างงานเลี้ยงภายหลังการแข่งขันกอล์ฟ 111 + 109 + 37 เพื่อไทย ว่า นายสมพงษ์ อมรวิมวัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกล่าวบนเวทีว่า การแข่งขันกอล์ฟครั้งที่ผ่านมาและในครั้งนี้ก็เหมือนกับ เป็นการประชุมส.ส. และอดีตส.ส.ของพรรคไปในตัว ครั้งต่อไปอาจจะในเดือนพฤศจิกายน และอาจจะไปจัดที่ต่างจังหวัด และคาดว่าต่อไปจะมีผู้ใหญ่เข้ามร่วมงานมากขึ้น ซึ่งคราวนี้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีความตั้งใจจะมาร่วมงานด้วย แต่ติดภาระกิจอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในครั้งหน้าพล.อ.ชวลิต รับปากว่าจะมาร่วมงานอย่างแน่นอน ส่วนนายเสนาะ เทียนทอง หัวพรรคประชาราชนั้น เราก็ทราบหกันว่าว่าป่วยอยู่ที่รพ.

เมื่อเวลา 18.50 น. นายสุรชัย เบ้าจรรณยา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้พยายามใช้โทรศัพท์ส่วนตัวเพื่อต่อสายไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้โฟนอินเข้ามายังภายในงานเลี้ยง แต่มีปัญหาทางด้านเทนิคไม่สามารถเปิดสายผ่านลำโพงได้ จึงทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้โทรศัพท์ของตนเองเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินแทน

สำหรับเนื้อหาการโฟนอินในครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า " ดีใจที่ทราบว่าเพื่อนๆ มีกิจกรรมร่วมกัน และได้มาพบปะพูดคุยกัน ซึ่งกิจกรรมอย่างนี้ก็ได้ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สำหรับตนที่อยู่ที่นี่ไม่สามารถจะตีกอล์ฟได้ เพราะอากาศมันร้อน อย่างไรก็ตามการมารวมกันของพวกเราอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เห็นพวกเราทุกคนจะต้องอดทน กล้ายิ้มรับความไม่ยุติธรรม แม้ว่าจะมีคนที่โกหกที่สุดในโลกมาโกหกอย่างไรก็หนีความจริงไม่ได้ พวกเราจะต้องยิ้มรับ และสู้กับวความไม่ยุติธรรมไปอีกระยะ คาดการณ์ได้เลยว่าการต่อสู้จะต้องเอาชนะกันด้วยความจริง ไม่ใช่การเอาชนะคะคาน ซึ่งหากทำได้ในประเทศก็จะสดใสด้วยความจริง วันนี้ทราบว่ามาว่ามีสื่อมมาร่วมงานด้วย ซึ่งก็อยากจะฝากไปยังสื่อว่า สื่อจะต้องมีความเป็นกลาง คนที่ปิดหูปิดตาสื่อก็จะอยู่ได้ไม่นาน และไม่จีรัง หวังว่าสื่อจะยึดเอาความจริงเป็นหลัก เมื่อไม่นานมานี้ทมีคนบอกว่าไม่อยากดูทีวี เพราะไม่เป็นกลาง ซึ่งตนเองนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เพราะไม่ได้ดู

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าสื่อควรจะทำหน้าที่ด้วยอุดมการณ์ และวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเข้าใจว่าสื่อในแต่ละสำนัก อาจจะมีผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ จึงทำให้การเสนอข่างอย่างไม่เป็นกลาง ตนอยากจะให้ทุกคนยึดความจริงเป็นที่ตั้งหากรักษาประเทศไทย ซึ่งหวังว่าความจริงก็จะชนะสักวันหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ชัยชนะของเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง เพื่อไทย หรือ ประชาธิปัตย์ แต่เป็นการชนะด้วยความจริง และถ้าความจริงชนะ ความยุติธรรมก็จะชนะด้วย หากความจริงปรากฎประเทศก็จะเกิดความสันติสุข และควรระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย เพราะอำนาจของประเทศคือเสียงคนส่วนใหญ่ที่มาจากประชาชน

http://www.cbnpress.com/index.php/component/content/article/39-2008-12-27-13-26-42/2065-qq-