CBOX เสรีชน

19 กรกฎาคม, 2552

จักรภพ เพ็ญแข:ก้าวที่ถูกและผิดของฝ่ายประชาธิปไตยในฮอนดูรัส


โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ “ผมเป็นข้าราษฎร” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News ปีที่ 1 ฉบับที่ 7
17 กรกฎาคม 2552

เขา รู้ครับว่า การเอาศาลมาตัดสินคดีเพื่อให้ศัตรูทางการเมืองกลายเป็นคนผิด เป็นวิธียึดอำนาจแบบใหม่ที่ใช้แทนรถถังและอาวุธประจำกายของทหารราบ ความหวังว่าสากลโลกเขาจะเออออไปด้วยเหมือนว่าฝ่ายตุลาการมีความศักดิ์สิทธิ์ และแสนจะเที่ยงธรรมนั้น ก็หดหายไปตามระเบียบ ไม่อย่างนั้นผู้นำทั่วโลกเขาไม่ยืนอยู่ข้างเซเลน่าทั้งๆ ที่ศาลฮอนดูรัสตัดสินแล้วว่ามีความผิดหรอกครับ


ผมนั่งดูข่าวการช่วงชิงอำนาจในฮอนดูรัสด้วยความสนใจใกล้ชิด

เมื่อ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันว่าได้เกิดการรัฐประหารเงียบกลางนครหลวงเตกูสิกัลปา ทหารเกือบ ๓๐๐ คนบุกจี้ตัวประธานาธิบดีและบังคับให้บินออกไปจากประเทศทั้งชุดนอน ประเทศทั่วโลกทั้งมหาอำนาจและไม่ใช่มหาอำนาจประสานเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ยอมรับการกระทำครั้งนี้ของฝ่ายทหารฮอนดูรัส และขู่จะต่อต้านต่างๆ นานา

ตัว ประธานาธิบดีมานูเอล เซเลน่าก็ไม่อยู่เฉย เดินสายขอความสนับสนุนไปทั่วโลก ขณะที่เขียนอยู่นี้ก็ได้ข่าวว่าอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกันและได้รับความสนับ สนุนเต็มที่จากประเทศนั้น

คำถามที่น่าสนใจมีอย่างน้อย ๒ ข้อคือ ๑) เราศึกษาอะไรได้บ้างจากกรณีฮอนดูรัส ๒) จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ถามเพื่อเอาคำตอบมาประยุกต์ใช้ในเมืองไทยนั่นล่ะครับ

ฝ่าย ประชาธิปไตยไทยได้รับประโยชน์ใหญ่อย่างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เมื่อทั่วโลกวิเคราะห์ถึงวิธีที่เขารวมหัวโค่นฝ่ายประชาธิปไตยในฮอนดูรัส เราก็เกิดสว่างวาบทางปัญญาขึ้นด้วย

ก่อนการรัฐประหาร มานูเอล เซเลน่าคือประธานาธิบดีที่กำลังใช้ขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่เรียกว่า “การหารือสาธารณะโดยไม่มีข้อผูกพัน” หรือ “the non-binding public consultation” กำหนดให้เป็นวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒

เรื่อง นี้แปลไทยเป็นไทยได้ว่า ประธานาธิบดีขอถามประชาชนฮอนดูรัสว่าเราสมควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ ประธานาธิบดีลงสมัครรับเลือกตั้งซ้ำสองหรือไม่ ถ้าประชาชนตอบว่าสนใจ ก็ยังไม่เด็ดขาด ต้องจัดการลงประชามติขึ้นในทันที หรือจะรอถามเมื่อวาระตำแหน่งของประธานาธิบดีใกล้จะสิ้นสุดลงในปลายปี ๒๕๕๒ ก็ได้

แต่เซเลน่ากำลังเป็นที่หวาดระแวง หวาดกลัว ไปจนถึงเกลียดชังของ “ฝ่ายอำมาตย์” ในฮอนดูรัสเป็นอย่างยิ่ง

เพราะนโยบายที่ค่อนมาทางสังคมนิยมขึ้นเรื่อยๆ ของเขา แถมประชาชนผู้มีรายได้ขนาดกลางและระดับรากหญ้าพอใจขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ ว่าข้าราชการระดับสูง ทหารใหญ่ ข้าราชการตุลาการ (โดยเฉพาะผู้พิพากษา) จนถึงนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม จ้องจะโค่นเขาลงทั้งนั้น เมื่อประชาชนทำท่าว่าจะต่ออายุอำนาจต่อให้เขาอีก โบราณวัตถุเหล่านี้ก็แผลงฤทธิ์ในทันที

เริ่มต้นจากฝ่ายถือปืน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฮอนดูรัสแสดงท่าทีปฏิเสธที่จะจัดกำลังพลและอุปกรณ์ ต่างๆ มาช่วยประธานาธิบดีจัดการหารือสาธารณะฯ ทั้งที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่แตกต่างนักจากผู้บัญชาการทหารบกที่ปฏิเสธคำสั่งนายกรัฐมนตรีในการควบคุม ฝูงชนที่ใช้ความรุนแรง ตลอดจนการคุ้มครองทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศ แต่ประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งในฮอนดูรัสเขาไม่ต้องเกรงใจหรือเห็นแก่หน้า ใคร ไม่ต้องก่ายหน้าผากวิเคราะห์ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงถูกปลดแบบสายฟ้าแลบเป็นรายแรก

แต่ไม่ทันลงมือในรายที่สอง ศาลฮอนดูรัสกระโดดร่วมวงศ์ไพบูลย์ ออก โรงวินิจฉัยทันทีว่าคำสั่งปลดของประธานาธิบดีไม่ถูกต้องและขัดต่อรัฐธรรมนูญ สั่งให้ประธานาธิบดีแต่งตั้งนายทหารผู้นี้กลับคืนสู่ตำแหน่งและอำนาจดังเดิม

จากนั้นตุลาการภิวัตน์แกก็เดินหน้าต่อ วินิจฉัยอีกว่าหากประธานาธิบดียังยืนกรานจัดการหารือสาธารณะฯ ต่อไป ให้ถือว่าประธานาธิบดีกระทำการอันขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกเหมือนกัน แต่เซเลน่าไม่ใส่ใจใดๆ ประกาศเดินหน้าถามประชาชนต่อไปเหมือนเดิม

ในที่สุดก็เกิดรัฐประหารอย่างเงียบๆ ขึ้นในช่วงย่ำรุ่งของวันหารือสาธารณะฯ นั่นเอง

คน ที่ฝ่ายอำมาตย์ฮอนดูรัสเลือกขึ้นมานั่งแป้นรักษาการแทนคือ โรเบอร์โต มิเชลเล็ตติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นลำดับสองในการสืบทอดตำแหน่งอยู่แล้วโดยรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเกมนี้ถือเป็นไม้สอง ก็แสดงความสามารถดึงเสียงสมาชิกจำนวนมากมาสนับสนุนการแต่งตั้งตนเอง ส.ส. กลุ่มนี้ได้รับเลือกตั้งโดยตรงและไม่ใช่ฐานเสียงของประธานาธิบดี เรื่องนี้ไม่แปลก เพราะตัวประธานาธิบดีก็ไม่ได้อยู่หรือไปด้วยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ตามระบอบนี้อยู่ดี

ตัวอย่างนี้บอกเราว่า กลไกของฝ่ายอำมาตย์ที่ไหนก็ตามมักมีองค์ประกอบที่คล้ายกันเสมอ นั่นคือ

๑) กองทัพ
๒) ศาลและผู้พิพากษา
๓) นักการเมืองฝ่ายอำมาตย์




องค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำ หน้าที่เชียร์แขกอยู่แทบเท้าก็ไม่แตกต่างจากรัฐเผด็จการทั่วไปนัก ได้แก่นักวิชาการอนุรักษ์นิยมหรือไม่ก็ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม สื่อมวลชนผู้หลงใหลระบบอุปถัมภ์และการเล่นพวก องค์กรพัฒนาเอกชนที่ แสดงความสำคัญของตนด้วยกิจกรรมเชิงลบและยังชีพตลอดมาด้วยพฤติกรรมเช่นนั้น ส่วนสุดท้ายและเป็นปัจจัยตัดสิน คือมวลชนที่ตกเป็นเหยื่อของการครอบงำทางสื่อและการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่าย อำนาจเดิมจนสับสน

เพราะประชาชนมีอำนาจต่อรองน้อยที่สุด เขาก็เล่มเกมปั่นหัวหนักที่สุด

อด อยากยากจนแทบจะไส้ขาด เขาก็ชวนตั้งชื่อลูกหมีแพนด้าบ้าง ลูกช้างบ้าง อยู่เฉยๆ เขาก็ทำให้เกิดกลัวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จนสังคมแทบเป็นบ้า ทั้งๆ ที่คนไทยตายด้วยไข้หวัดสายพันธุ์เก่าและอุบัติเหตุทางรถยนต์ปีละไม่รู้เท่า ไหร่ นี่ยังไม่รวมประเด็นไร้สาระต่างๆ ที่เข้ามาครองพื้นที่ข่าวอยู่ทุกวัน จนเห็นชัดว่ารัฐบาลของฝ่ายอำมาตย์จะขึ้นครองอำนาจพร้อมข่าวที่ไร้สาระจนไม่ น่าจะเป็นข่าวเสมอ

ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพื่อให้มวลชนลืมปัญหาอันแท้จริงของชาติ นั่นคือเศรษฐกิจที่ไร้อนาคตและความคิดที่จะปิดประเทศไทยของผู้มีอำนาจที่แท้ จริง เพราะความเปลี่ยนแปลงใหญ่ใกล้เข้ามาเต็มที จะยืดเวลาครองอำนาจให้นานที่สุดอย่างไร คิดมาคิดไป รูปแบบเมียนมาร์ก็ปรากฏขึ้น

แต่นั่นก็ยังไม่เด็ดที่สุด

นอก จากวิกฤติฮอนดูรัสเผยว่าใครคือผู้แสดงประจำของฝ่ายอำมาตย์บ้างแล้ว ประโยชน์สำคัญอีกหนึ่งคือทำให้เรารู้ว่าประชาคมระหว่างประเทศเขาก็รู้เท่า ทันวิธีสร้างอำนาจของอำมาตย์เหมือนกัน

เขารู้ครับว่า การเอาศาลมาตัดสินคดีเพื่อให้ศัตรูทางการเมืองกลายเป็นคนผิด เป็นวิธียึดอำนาจแบบใหม่ที่ใช้แทนรถถังและอาวุธประจำกายของทหารราบ ความหวังว่าสากลโลกเขาจะเออออไปด้วยเหมือนว่าฝ่ายตุลาการมีความศักดิ์สิทธิ์ และแสนจะเที่ยงธรรมนั้น ก็หดหายไปตามระเบียบ ไม่อย่างนั้นผู้นำทั่วโลกเขาไม่ยืนอยู่ข้างเซเลน่าทั้งๆ ที่ศาลฮอนดูรัสตัดสินแล้วว่ามีความผิดหรอกครับ

แล้วอะไรบ้างที่ถือว่าผิดพลาดในทางยุทธวิธีของฝ่ายประชาธิปไตย?

ประธานาธิบดี มานูเอล เซเลน่า อาจจะมุ่งมั่นชิงอำนาจคืนจนลืมอะไรบางอย่าง เดิมเกมการเมืองระหว่างประเทศอย่างชาญฉลาดจนเอาสหรัฐอเมริกามารับรองได้ใน วันที่ ๒๙ มิ.ย. หรือรุ่งขึ้นของการรัฐประหาร ทำให้องค์การรัฐอเมริกา หรือ OAS ลงมติเป็นเอกฉันท์ประณามการยึดอำนาจได้ในวันที่ ๔ ก.ค. ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับองค์กรนี้ คอสตาริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ OAS มอบหมายเป็นประเทศตัวกลางในการเจรจาหย่าศึกระหว่างประธานาธิบดีเซเลน่าที่ ประชาชนเลือกตั้ง และมิเชลเล็ตติที่อำมาตย์รวมหัวกันตั้ง ก็เพิ่งจบรอบแรกไปที่กรุงซานโฮเซ่ โดยฝีมือกรรมการกลางระดับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คือประธานาธิบดีออสการ์ อาริอัส ซานเชซ

ถึงยังไม่ได้ความอะไรแต่ก็ยืนยันว่าเซเลน่ายังมีความชอบธรรมทางการเมืองอย่างครบถ้วนอยู่

ทั้ง ที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่แล้ว แต่เจ้าตัวเกิดใจร้อน บินกลับมายังฮอนดูรัสในวันที่ ๕ ก.ค. ๕๒ นัยว่าจะไปเดินขบวนร่วมกับมวลชนในการต่อสู้กับรัฐบาลฝ่ายอำมาตย์ ขนาดปราศรัยสดๆ ลงจากเครื่องบินมาที่สถานีโทรทัศน์ฝ่ายซ้ายคือเทเลซอร์ ปลุกใจเต็มที่ ขนาดใช้สำนวนว่า “เลือดของพระเจ้ากำลังหลั่งไหลเต็มตัวข้าพเจ้า และบัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะแบกไม้กางเขนเดินร่วมไปกับประชาชน

ฮอนดูรัส เป็นสาธารณรัฐแคธอลิคที่ออกจะเคร่งครัด อ้างอย่างนี้ก็พอเข้าใจได้ คนข้างล่างก็ฮือฮากันอย่างหนัก เหวี่ยงปะทะเข้ากับทหารและตำรวจที่มาสกัดกั้นไม่ให้เครื่องบินของเซเลน่าลง จนเกิดล้มตายและบาดเจ็บกันมาก ในที่สุดเซเลน่าก็ไม่ได้ลง ต้องบินต่อไปเอลซัลวาดอร์ เขาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าความจริงเขาพร้อมสู้ตายแล้ว แต่นักบินปฏิเสธไม่ยอมลง เนื่องจากกลัวอุบัติเหตุจากเครื่องกีดขวางต่างๆ ที่วางอยู่

ข้อคิดก็คือ ผู้นำประชาธิปไตยที่โลกเขามายืนอยู่ข้างตัวจนสามารถสร้างแรงกดดันได้แล้ว อย่าบุ่มบ่ามผลีผลามและเสี่ยงต่อ การทำให้ตัวเองบาดเจ็บล้มตายไปอย่างโง่เขลา ต้องมีศรัทธาต่อมวลชนและปล่อยให้พลังของระบอบประชาธิปไตยโลกได้ทำงาน ตัวเองค่อยเสริมเข้าไปอย่างนิ่มนวลในภายหลังเมื่อถึงจังหวะ เซเลน่าถูกต่อว่าจากผู้นำต่างๆ พอดูในประเด็นนี้

การเมืองไทยจะได้ รับประโยชน์ขนาดไหนจากกรณีฮอนดูรัส ขึ้นอยู่กับความเด็ดเดี่ยวทางความคิด ผู้นำประชาธิปไตยต้องมั่นคงว่าระบอบประชาชนเหนือกว่าอะไรทั้งหมด ความชัดเจนในแง่นี้ต้องมีมากและไม่แปรผัน ต้องท่องไว้เสมอว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น คืบก็ประชาชน ศอกก็ประชาชน

ใครถือตัวว่าไม่ใช่ประชาชน คนนั้นคือส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตย.


พลังประชาธิปไตยชนะ TRUEยุติบล๊อกไทยอีนิวส์แล้ว หลังเจอรุมสวดพร้อมขู่เลิกใช้บริการนับล้าน


พลังของผู้บริโภค-หลัง จากที่ท่านผู้อ่านของเรารวมพลังร้องเรียนไปยังเน็ตTrueให้ยกเลิกการบล๊อกเวบ ไทยอีนิวส์และอีก33เวบฝ่ายประชาธิปไตย ช่วงสายวันนี้ท่านผู้อ่านของเรารายงานมาว่าเริ่มเข้าไทยอีนิวส์ได้ตามปกติ แล้ว หลังจากส่วนใหญ่ได้ร้องเรียนTrueไปทำนองว่าหากไม่ยกเลิกการบล๊อก ก็จะใช้วิธีแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จคือยกเลิกบริการของTrueไปใช้บริการของผู้ให้ บริการรายอื่น

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
17 กรกฎาคม 2552


ท่าน ผู้อ่านไทยอีนิวส์จำนวนมากได้กรุณาแจ้งเข้ามาว่า ในช่วงเช้าวันนี้ได้ร้องเรียนไปยังผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตTrueเพื่อขอให้ ยกเลิกการบล๊อกปิดกั้นเวบไทยอีนิวส์ และอีก33เวบไซต์ฝ่ายประชาธิปไตย โดยเตือนว่าหากไม่ยกเลิกการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายนี้ก็จะยกเลิกการให้บริการ ส่งผลให้ช่วงสายวันนี้สามารถเข้าไทยอีนิวส์ได้ตามปกติแล้ว อย่างไรก็ตามยังวางใจไม่ได้ทีเดียว เรายังขอวิงวอนให้ท่านผู้อ่านของเราร่วมพลังร้องเรียนต่อไปเพื่อให้Trueยก เลิกการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และละเมิดสิทธิผู้บริโภค มีพฤติการณ์ปิดกั้นความเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาดต่อไป


ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งของการรายงานผลการร้องเรียนของท่านผู้อ่านเข้ามายังไทยอีนิวส์

วันนี้ แหละจะด่าให้หนำใจ ทั้งโทรสาร และโทรสด ด่ากันมาหลายยกแล้วเรื่องตอนกลางคืนปล่อยอ่อน สปีดไม่ถึงที่กำหนด โทรไปถามมันบอกให้แบ่งๆ กันใช้ในพื้นที่นั้น ๆ .. ห่วยแตกจริง/เสื้อแดง


ผมได้ร้องเรียนทรู โดยแนบข่าวไทยอีนิวส์โดนบล๊อกไป และแจ้งร้องเรียนทางอีเมล์ไปดังนี้

บริษัท ของข้าพเจ้าเป็นองค์กรธุรกิจขนาดกลาง ใช้บริการทรูลีดไลน์มานานหลายปี แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้รับความสะดวกในการบริการ เนื่องจากเข้าเวบไทยอีนิวส์ และเวบประชาธิปไตยอื่นๆไม่ได้เลย มาทราบภายหลังว่าทรูได้ปิดกั้นเวบเหล่านี้โดยพลการ ทำให้กระทบต่อธุรกิจของข้าพเจ้าที่ใช้ข้อมูลข่าวสารจากไทยอีนิวส์และเวบ อื่นๆไปประเมินความเสี่ยงและเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจดำเนินธุรกิจที่ สำคัญ การที่ท่านปิดกั้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีคำสั่งศาล ไม่มีคำสั่งจากรัฐบาล แต่ทำไปเองถือเป็นการกระทำที่แย่มาก

จึงขอให้ ท่านยกเลิกการปิดกั้นหรือบล๊อกเวบดังกล่าวเสีย ก่อนที่ข้าพเจ้าและบริษัทของข้าพเจ้าจะยกเลิกการใช้บริการอินเตอร์เน็ตของ ท่านและอาจจำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีฐานละเมิดต่อท่านด้วย

หาก ผลพิจารณาเป็นประการใดโปรดแจ้งกล้บมาเป็นการด่วน ด้วยความผิดหวังในบริการของท่านเป็นอย่างยิ่ง/สมชาย กรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งที่เป็นลูกค้าทรูลีดไลน์มานาน แต่เหลืออดเต็มทนในการนี้


ไทยอีนิวส์กราบขอบพระคุณท่าน ผู้อ่านของเราที่กรุณาเสียสละเวลาของท่านแสดงพลังในการนี้ อย่างไรก็ตามยังวางใจไม่ได้นัก จึงขอเรียนเชิญร่วมพลังร้องเรียนต่อไป เพื่อให้Trueยกเลิกการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และละเมิดสิทธิผู้บริโภค มีพฤติการณ์ปิดกั้นความเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาดต่อไป

เมื่อ เช้าวันนี้ไทยอีนิวส์นำเสนอข่าวว่า เป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์มาแล้วที่มีผู้อ่านของเราได้ร้องเรียนเข้ามา และมีการแจ้งข่าวร้องทุกข์ตามเวบบอร์ดต่างๆเช่น ประชาไท พันทิป ฟ้าเดียวกัน เป็นต้นว่า เมื่อคลิ้กเข้าชมเวบบล็อกของไทยอีนิวส์ ตามลิ้งค์www.thaienews.blogspot.com หรือhttp://thaienews.blogspot.comแล้วไม่สามารถเข้าได้ เพราะจะลิ้งค์ไปที่เวบไซต์ของictโดยอัตโนมัติที่ http://58.97.5.29/ict.html

เหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นกับกรณีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตของTRUE เป็นหลัก ถือว่าเป็นวิธีบล๊อคเวบแบบใหม่ของคนที่ใช้ Internet ของ True คือการ redirect หน้า webpage ไปยังอีกหน้านึง ก็คือหน้าของictที่ขึ้นรูปใบไม้เขียว

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะกับไทยอีนิวส์ แต่รวมถึงอีก33เวบของฝ่ายประชาธิปไตย(ดูรายชื่อท้ายข่าวนี้)

อย่างไรก็ตามสำหรับวิธีแก้ไขในระยะนี้ เราแนะนำท่านผู้อ่านของเราที่ประสบปัญหาดังนี้

1.ท่านควรใช้สิทธิร้องเรียนตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง “กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาเรื่อง ร้องเรียนของผู้ใช้บริการ” ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2549 โดยท่านสามารถร้องเรียนได้ดังนี้

- ทางโทรศัพท์ (Call Center) (ไม่คิดค่าบริการ)
ผ่านเลขหมาย 0-2900-8088
เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 08.00น.-20.00น. ไม่มีเวลาพัก
- ทางโทรสาร (Fax) (คิดอัตราค่าใช้จ่ายตามอัตราปกติ)
ผ่านเลขหมาย 0-2699-4338
- ทางจดหมายอิเลคทรอนิคส์ (Email) Email Address: voc@truecorp.co.th
- ทางเว็บไซต์ (Website) www.truecorp.co.th
- ทางจดหมาย (Mail) ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเลขที่ 1252 ชั้น10 อาคารธญาณ ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวงเขตสวนหลวงกทม.10250


หากการร้องเรียนเป็นผล คือTrueยกเลิกการบล๊อก ท่านควรให้โอกาสเขาได้แก้ไข แต่หากท่านร้องเรียนแล้วไม่เกิดผล เราแนะนำให้ใช้วิธีการแก้ไขเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคือยกเลิก และเปลี่ยนไปใช้บริการของผู้ให้บริการรายอื่นที่ไม่บล๊อกไทยอีนิวส์ หรือเวบของฝ่ายประชาธิปไตย

2. หากท่านไม่ได้ดำเนินการตามข้อ1 คือไม่ขอร้องเรียน และหรือไม่ยกเลิกอินเตอร์เน็ตTRUEไปใช้บริการอื่น ก็ยอมทนรำคาญเสียเวลาอีกหน่อย ด้วยการเปิดหน้าwww.google.co.thก่อน จากนั้นคีย์คำว่าthaienewsลงไปในช่องค้นหาและคลิ้ก ก็จะเข้ามาหน้าไทยอีนิวส์ได้ตามปกติ

3.หากท่านไม่ร้องเรียน และหรือไม่ยกเลิกอินเตอร์เน็ตTRUEไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตอื่น และไม่อยากรำคาญทำตามข้อ2 ก็ขอรบกวนให้ท่านเข้าเยี่ยมชมผ่านทางเวบพร็อกซี่ต่างๆ โดยเข้าไปที่www.proxy.org จากนั้นเลือกเวบพร็อกซี่ที่ท่านต้องการ เช่น www.hidemyass.com เป็นต้น เมื่อเข้าไปในเวบพร็อกซี่เหล่านี้ได้แล้ว ก็นำชื่อurlของไทยอีนิวส์ คือwww.thaienews.blogspot.comหรือhttp://thaienews.blogspot.comไปวางใน ช่องค้นหา แล้วกดenter เพียงแค่นี้ท่านก็สามารถเข้าเยี่ยมชมไทยอีนิวส์ได้ แต่อาจไม่ได้รับความสะดวกนัก

ในการนี้เราใคร่ขอวิงวอนให้ ท่านผู้อ่านของเรากรุณาสละเวลาเพียงเล็กน้อยด้วยการ โทรศัพท์ หรืออีเมล์ไปร้องเรียนกับTrueเพื่อให้พวกเขาทราบถึงปัญหาของท่านผู้อ่าน และกรุณาเตือนเขาว่าหากยังไม่ยกเลิกการบล๊อกไทยอีนิวส์ และเวบฝ่ายประชาธิปไตยอีก33เวบ ก็อาจทำให้Trueต้องสูญเสียลูกค้าที่ทรงคุณค่าอย่างท่าน และท่านอื่นๆที่เป็นผู้อ่านไทยอีนิวส์อีกนับล้านคนได้ เมื่อร้องเรียนไปแล้วผลเป็นประการใดกรุณาแจ้งมาให้เราทราบทางอีเมล์
thaienews@googlegroups.com จะเป็นพระคุณอย่างสูง


ไทย อีนิวส์เป็น1ในจำนวน63เวบไซต์ของฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งถูกรัฐบาลบล็อกเวบ นับตั้งแต่เหตุการณ์ลุกฮือขึ้นประท้วงครั้งใหญ่ของขบวนการคนเสื้อแดงในช่วง สงกรานต์เลือดที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอ้างพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อบล็อกหรือปิดกั้นเวบ อย่างไรก็ตามแม้เวลาต่อมารัฐบาลได้ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อสามารถควบคุม สถานการณ์ได้แล้วก็ไม่ยกเลิกการปิดกั้นเวบบล็อกของไทยอีนิวส์แต่อย่างใด และยังได้ปิดกั้นหนักขึ้นในระยะ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยเมื่อผู้อ่านคลิ้กเข้าเยี่ยมชมก็จะลิ้งค์ไปยังเวบไซต์ของictขึ้นรูปใบไม้ เขียว โดยไม่ต้องมีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นแบบที่เคยทำตั้งแต่หลังสงกานต์เลือดอีก แล้ว แต่ictก็ไม่ได้ระบุสาเหตุว่า ทำไมต้องปิดกั้นเวบบล็อกนี้

แต่ ผู้อ่านของเราได้ตั้งข้อสังเกตว่าบางครั้ง บางวัน บางช่วงเวลาก็เข้าไทยอีนิวส์ได้ตามปกติ ไม่ต้องผ่านพร็อกซี่ ขึ้นกับว่า รัฐบาลหรือict และหรือTRUEกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนเป็นหลัก

ไทยอีนิวส์ เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร19กันยายน2549เพื่อรายงานข่าว และบทความ ตลอดถึงความเคลื่อนไหวของฝ่ายเรียกร้องต้องการประชาธิปไตย เปิดโปงความชั่วช้าของเผด็จการทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนกระแสหลักไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรต้องทำ

ไทยอีนิวส์มียอดผู้เข้าอ่านถึงขณะนี้ 10,850,397 คลิ้ก โดยเริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา
(อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง:ฝ่าวงล้อมสื่อกระแสหลัก ยอดผู้อ่านไทยอีนิวส์ทะลุ10ล้านคลิ้ก )

รายชื่อเว็บไซต์ทั้ง 33 แห่งที่ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตของTrueเจอปัญหา เมื่อคลิ้กเข้ามาแล้วจะredirectไปที่ictใบไม้เขียว

01. http://www.justin.tv/nationsiam (Blocked)
02 http://www.konthai.org (Blocked)
03. http://www.thaifreenews.com (Blocked)
04. http://www.thairedshirt-democracy.org/cbox/s1.html (Blocked)
05. [url]http://www.democracytoday.tv [/url](OK)
06. http://www.thaipeoplevoice.org (OK)
07. http://freethais.com/update_13apr09.php (OK)
08. http://www.wered.net (Blocked)
09. http://www.redplus.org (N/A)
10. http://thaienews.blogspot.com (Blocked)
11. http://www.prachachonthai.com (Blocked)
12. http://www.cbnpress.com (OK)
13. http://uddtoday.ning.com (Blocked)
14. http://www.thaireduk.com (N/A)
15. http://www.nocoup.net (OK)
16. http://downmerng.blogspot.com (Blocked)
17. http://www.jakrapob.net (Blocked)
18. http://www.truethaksin.com (Blocked)
19. http://www.chupong.com (Blocked)
20. http://www.rednon.com (Blocked)
21. http://www.chupong.org (Blocked)
22. http://www.serichon.com (Blocked)
23. http://www.nationsiam.com (OK)
24. http://www.gmm2008.com/index.php (OK)
25. http://thaksin.wordpress.com (Blocked)
26. http://thaipresslog.blogspot.com (Blocked)
27. http://thaiopinions.blogspot.com (Blocked)
28. http://www.newskythailand.com (Blocked)
29. http://sites.google.com/site/prachathaiclub/Home (Blocked)
30. http://siamfreedom.blogspot.com (Blocked)
31. http://www.priority-radio.com (Blocked)
32. http://www.cbox.ws (Blocked)
33. http://www.sameskyboard.org


ปลาใหญ่ตายน้ำตื้น อะไรมันจะซวยขนาดนี้ สองวรนุช !!

โดย คุณ อัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
17 กรกฎาคม 2552

ทำไปทำมา ปลาใหญ่กำลังจะตายน้ำตื้น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่นแหละครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน

นักเรียนนอก ออกซ์ฟอร์ด หน้าใส ปัญญาดี ฝีปากเด่น ตกหลุมพราง “เนรวิน” ถิ่นบุรีรัมย์เข้าจังเบอร์ คล้ายต้องมนต์ดำเมืองเขมร

หลง ดีใจได้ปลื้ม ที่เนรวินอุ้มเข้าสะเอว กระเตงไปแถลงพื้นที่อีสานได้ ลบคำสบประมาทของนักการเมืองทั้งปวง แต่แล้วก็พลาด ไปติดบ่วง “ความประจบสอพลอ” ของรัฐมนตรีในรัฐบาลตัวเอง บวกกับความเผลอไผลเคลิบเคลิ้มในบุญบารมี ปลื้มปีติรับเอาของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ไปหลายแสน

งาช้างครับ งาช้างแท้ๆ งาช้างประจำตระกูลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสียด้วย คู่หนึ่งราคาหลายแสนบาท

ผู้ สื่อข่าวไร้สำนัก เขารายงานว่า ในการมอบของกำนัลกันครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีโสภณ ซารัมย์ ได้กล่าวสุนทรพจน์หวานจับใจ (ประมาณว่า รัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ ที่ใช้ลิ้นทูตยกย่องว่าเป็นปูชนียบุคคลของประเทศไทยได้อายไปเลย)

รัฐมนตรี คมนาคมโสภณกล่าวว่า งาช้างนี้เป็นสมบัติประจำตระกูล ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษซึ่งเคยเลี้ยงช้าง เป็นของมีค่าที่หวงแหนหนักหนา แต่การที่นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเสี่ยงภัย (จากคนเสื้อแดง) มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน นับเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลอย่างสูง ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเครื่องตอบแทน จึงขอมอบงาช้างประจำตระกูลคู่นี้ให้

เรื่อง มันจะไพเราะเพราะพริ้งกว่านี้เพียงใด เกินสติปัญญาที่ผู้เขียนจะบรรยายได้ จึงขอสรุปว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็รับเอาของกำนัลนั้นกลับกรุงเทพฯ ด้วยความสุขเปี่ยมล้นหัวใจ

สิทธิการิยะ ท่านว่า คนเราเมื่อถึงกาลแห่งความวิบัติ พุทธิปัญญาก็ดับไปเสีย นายอภิสิทธิ์ลืมไปว่า คนที่มีตำแหน่งทางการเมืองนั้น ประกาศของ ป.ป.ช. เขาห้ามไว้ว่า จะรับของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาทมิได้ ผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดต้องโดนปรับอาบัติขั้นปาราชิก คือหลุดจากตำแหน่งทันที

คราวนี้แหละครับที่ผู้เขียนบอกว่า ปลาใหญ่ตายน้ำตื้น เพราะเหตุว่า คนเสื้อแดงจะกล่าวหาด้วยเรื่องราวใดๆ นายอภิสิทธิ์ก็ทำเป็นเฉยเสีย

เป็นต้นว่า กล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลนอกครรลองประชาธิปไตย ก็เฉยเสีย
กล่าวหาว่า ตั้งรัฐบาลแล้วไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ก็เฉยเสีย
กล่าวหาว่า หนีการเกณฑ์ทหารและใช้เอกสารราชการปลอม ก็เฉยเสีย

ทำท่าเหมือนกับว่า จะอยู่ในตำแหน่งไปได้โดยไม่มีใครสามารถทำอะไรให้ระคายผิว

แต่แล้ววันดีคืนดี ก็รับของกำนัลกันง่ายๆ กลางหมู่คนที่อ้างว่ามีเกียรติสูง มีความน่าเชื่อถือทางศีลธรรมและจริยธรรม

นั่นเท่ากับเป็นการทำผิดต่อหน้าพยานบุคคลผู้มีเกียรติจำนวนมาก และความผิดก็สำเร็จแล้ว

เรื่องมันง่ายๆ อย่างนี้แหละครับท่านผู้อ่าน

ปัญหา มันอยู่ที่ว่า ป.ป.ช. ผู้มีหน้าที่ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะว่าอย่างไร จะปกป้องกันต่อไปตามระบอบ 2 มาตรฐาน หรือว่า จะตรงไปตรงมาสักครั้งหนึ่ง พอให้คนเห็นว่า ป.ป.ช. ยังมีความใฝ่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน อันนี้สุดแท้แต่จะเลือกเดิน

ป.ล. สำหรับ นายโสภณ ซารัมย์ นั้น มีปัญหาว่า งาช้างอันเป็นทรัพย์สินมีค่านั้น มิได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด จึงมีความผิดฐานซุกทรัพย์สินอันมีค่า ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน

อะไรมันจะซวยขนาดนี้ละวุ้ย

Thai E-News

'สื่อ' : เครือข่ายโล่มนุษย์ เกราะกำบัง 'ผู้มีอำนาจ'


ที่มา เวบไซต์ บางกอกทูเดย์
17 กรกฎาคม 2552


กรณี เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ชี้ให้เห็นว่า ...ผู้มีอำนาจต้องการ “ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร” ไม่ให้ประชาชนรับรู้ในสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์ ไทยอีนิวส์เป็นเว็บไซต์การเมืองอันดับต้นๆ ของไทย ที่ “ถูกบล็อก” ไม่ให้เยี่ยมชม ซึ่งเรื่องนี้ เป็นผลลัพธ์ที่ไปกระทบผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเจ้าหนึ่งโดยตรง เรื่องนี้เกิดความวุ่นวาย ...ถึงขั้นผู้ใช้บริการ ที่เข้ามาดูข่าวการเมืองในเว็บไซต์การเมืองแห่งนี้เป็นประจำ ร้องเรียนขอ “ยกเลิกบริการ” หากไม่ยกเลิกการบล็อกเว็บไซต์ไทยอีนิวส์

ซึ่งผลสุด ท้าย ...ทางบริษัทจึงต้องยกเลิกการบล็อกเว็บไซต์ไทยอีนิวส์ เพราะหากยังกระทำตามคำสั่งของ “ผู้มีอำนาจ” ทางบริษัทอาจ “สูญเสียรายได้” จำนวนมหาศาล...


เร่งปฏิกิริยาให้รุนแรงเร็วขึ้น?

ยุทธวิธี รูปแบบปฏิบัติการของชนชั้นปกครอง ที่เรียกว่า เหล่าเสนาธิการ “อมาตย์” ที่ต้องการพยายาม “ควบคุมอำนาจ” ไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทุก ช่องทางการสื่อสารถูก “แทรกแซง” โดยกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่ต้องการหวังผลประโยชน์ทางการเมือง อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “ประเทศไทย” ไม่เจริญ... เพราะมีการกดดันความเจริญให้มันย่ำอยู่กับที่

โดย เฉพาะด้าน “เทคโนโลยี” การสื่อสาร ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ ซึ่งประชาชนไม่มีสิทธิและเสรีภาพในการใช้ ด้วยความเท่าเทียมและเสมอภาค

วิธีคิด ...การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทุกสิ่งทุกอย่าง กลายเป็น “สงครามสื่อ” เพื่อการแย่งชิงมวลชน
ประชาชน “ถูกกดดัน” ไม่ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน

เหรียญ มี 2 ด้าน แต่ผู้มีอำนาจ กลับกรอกหูให้ประชาชนซึมซับข้อมูลข่าวสารเพียงด้านเดียว ซ้ำร้ายบางเรื่องราวยังมีการ “ปรุงแต่ง” เติมสี เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความขัดแย้งมากขึ้น...

คนเสพ ก็เสพด้วยอาการขาดสติ ไม่รู้จักนึกคิด ตรึกตรอง

กรณี ล่าสุด คงเป็นที่ เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ เว็บไซต์การเมืองอันดับต้นๆ ของไทย ที่ “ถูกบล็อก” ไม่ให้เยี่ยมชม... พูดตามตรงว่า ไทยอีนิวส์ เป็นเว็บไซต์แหล่งข้อมูลทางการเมืองที่อยู่ “ตรงกันข้าม” กับทางรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ เป็นผลลัพธ์ที่ไปกระทบผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเจ้าหนึ่งโดยตรง

เหตุการณ์ นี้ถือว่า เป็นวิธีบล็อกเว็บแบบใหม่ ของคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต คือการ redirect หน้า webpageไปยังอีกหน้าหนึ่ง ซึ่งก็คือหน้าของ ict ที่ขึ้นให้เห็นรูป ใบไม้เขียว

เรื่องนี้เกิดความ วุ่นวาย ...ถึงขั้นผู้ใช้บริการ ที่เข้ามาดูข่าวการเมืองในเว็บไซต์การเมืองแห่งนี้เป็นประจำ ร้องเรียนขอ “ยกเลิกบริการ” หากไม่ยกเลิกการบล็อกเว็บไซต์ไทยอีนิวส์

ซึ่ง ผลสุดท้าย ...ทางบริษัทจึงต้องยกเลิกการบล็อกเว็บไซต์ไทยอีนิวส์ เพราะหากยังกระทำตามคำสั่งของ “ผู้มีอำนาจ” ทางบริษัทอาจ “สูญเสียรายได้” จำนวนมหาศาล...

เพราะนั่นถือเป็นการไป “ละเมิดสิทธิผู้บริโภค”

กรณี เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ชี้ให้เห็นว่า ...ผู้มีอำนาจต้องการ “ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร” ไม่ให้ประชาชนรับรู้ในสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์

การปิดหูปิดตาประชาชน ...เกิดขึ้นทั่วไปในทุกหย่อมหญ้า ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย ...

อย่าง ที่ “ประเทศจีน” ศึกวิวาทะระหว่าง ชาวฮั่น และ ชาวอุยกูร์ ที่มณฑลกวางตุ้ง แม้ภาพเหตุการณ์จะไม่ปรากฏตามสื่อทั่วไปมากนัก แต่ก็เป็นภาพที่มีการ “แพร่หลาย” อยู่ในอินเตอร์เน็ตประเทศจีน เป็นประเทศที่รัฐบาลมีการควบคุมข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวด

“อินเตอร์ เน็ต” จึงถือเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพล ประชาชนสามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว พร้อมกับมีการส่งต่อข้อมูลผ่านถึงกัน ด้วยความแม่นยำในความเป็นจริง ประชาชนคนไทยที่อยู่ในกลุ่มแต่ละกลุ่ม ....ทุกคนล้วนหวังให้ประเทศชาติพัฒนา และเจริญก้าวหน้า

แต่ความคิด ...วิธีการ และแนวทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายวัตถุประสงค์นั้น แตกต่างกัน

ปัจจุบัน “ข้อมูลข่าวสาร” จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้มองเห็น “ภาพรวม” ที่แตกฉานต่อการนำมาคิดวินิจฉัยและตรึกตรอง

เสียดายที่ว่า ...ทุกวันนี้ “ทางเลือก” มันไม่มี ...

ผู้ มีอำนาจไม่ยอมเปิดโอกาส คิดถึงแต่การทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ อ้างความชอบธรรมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่กลับทำให้ประชาชนคนอื่น เกิดความเดือดร้อน

เหตุการณ์บ้านเมืองที่ความขัดแย้งลุกลามใหญ่โตทุกวันนี้ เกิดจาก ความอิจฉาริษยา และจิตเกินพอ ที่คิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์

โดยเฉพาะ “ธุรกิจ” ทางด้านสื่อ หลายเจ้า ที่ต้องยอม “ก้มหัว” ตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่กลุ่มอมาตย์ “เผด็จการ” อย่างไม่มีทางเลือก

ตอน นี้กลาดเกลื่อน ...ไม่มีคุณภาพ วันๆ ได้ยินแต่คำด่าทอ เสียดสี และปลุกระดม หรือไม่ก็เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ...หาสาระความจริงอะไรไม่ได้

ศักดิ์ศรีเลือนหาย ...จริยธรรมไม่หลงเหลือ จรรยาบรรณไร้ค่า

“สื่อ” เป็นเพียงโล่มนุษย์ ที่สร้างเครือข่ายขึ้นมา เพื่อเป็นเกราะกำบังให้ “ผู้มีอำนาจ”

แต่หากวันหนึ่งวันใด คนเหล่านั้น “หมดอำนาจ” และ “วาสนา”

เครือข่าย “โล่มนุษย์” ที่ว่า ...ก็จะเปลี่ยนสภาพ กลายเป็นแค่ “อากาศ”

ไม่เชื่อลองเอา “ขี้หมา” ปาใส่หน้ามันดู!!

Thai E-News


เสื้อแดงทำเนียนเหมือนจะเชลียร์มาร์ค ทะลุเข้าวงในได้ทียกป้ายด่าขวัญกระเจิง

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา คมชัดลึก
19 กรกฎาคม 2552


เสื้อ
แดงเนียนเปลี่ยนมาใส่เสื้อดำ อำพรางแก่นแกนตะโกนนายกฯสู้ๆ
ตำรวจกับการ์ดเห็นว่างานนี้ได้หน้ายอมปล่อยทะลุวงใน
ได้จังหวะยกป้ายด่าลั่นขณะมาร์คสร้างภาพอัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทย



คม
ชัดลึก รายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เดินทางไปปาฐกถาเรื่องคิดเพื่ออนาคต ตอบโจทย์ประเทศไทย ครั้งที่ 2 ณ
โรงแรมเรดิสัน พระรามเก้า จากนั้นเวลา 10.35
น.นายกฯเดินทางมายังสถานีรถไฟฟ้ามหานคร สถานีพระรามเก้า
เพื่อนั่งรถไฟฟ้าไปสถานีบางซื่อบันทึกรายงาน"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ
อภิสิทธิ์" ซึ่งมีนายสุทธิพงษ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท
เป็นผู้ดำเนินรายการพิเศษ

ทั้งนี้นายกฯยังมีกำหนดการตรวจสอบเส้นทางส่วนขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมทั้งสายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ผู้
สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯได้แลกเหรียญซื้อตั๋วรถไฟฟ้า โดยกล่าวว่า
“ผมเคยขึ้นรถไฟฟ้านี้เมื่อนานมาแล้ว”สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้นมีความ
เข้มข้นโดยมีตำรวจหลายสิบนาย
รวมทั้งสุนัขตำรวจกระจายกำลังในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ
ทั้งนี้มีการปิดกั้นสองโบกี้ที่นายกฯเดินทางและบันทึกเทปอย่างหนาแน่น
ทั้งนี้นายกฯใส่หน้ากากอนามัยเพื่อสาธิตให้ประชาชนใช้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
สายพันธุ์ใหม่และใช้เจลล้างมือในช่วงการบันทึกเทปรายการด้วย
โดยนายกฯกล่าวว่า”
หากต้องใกล้ชิดกับใครที่ไม่แน่ใจในระยะหนึ่งเมตรก็ควรใส่หน้ากากอนามัยและ
ใช้เจลล้างมือเพื่อป้องกันโรคนี้ด้วย เพราะผมไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”

ผู้
สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการบันทึกเทปในช่วงแรก
นายกฯไม่ยอมถอดหน้ากากอนามัยและอ้างว่า หากช่างภาพและผู้สื่อข่าว
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ไม่ยอมออกห่างจากตนหนึ่งเมตร
ตนก็ไม่ถอดหน้ากากอนามัยเพราะไม่มั่นใจ
แต่ผ่านไปสักระยะนายกฯก็ถอดหน้ากากอนามัยออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน
ว่า เมื่อนายกฯเดินทางมาถึงสถานีบางซื่อนั้น
มีรายงานข่าวว่าคนเสื้อแดงหลาย สิบคนมาชุมนุมอยู่บริเวณป้ายรถเมล์
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟจำนวน 50นาย
คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยและปิดประตูทางขึ้นลงรถไฟฟ้าแต่ไม่มีเหตุการณ์
รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น และเมื่อมีคนเสื้อแดงมา ชุมนุม
ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยต้องเปลี่ยนกำหนดการของนายกฯที่เดิมนั้นจะขึ้นไป
ตรวจสอบเส้นต่อขยายโครงการสายสีม่วง
โดยเปลี่ยนให้นายกฯตรวจสอบโมเดลและแผนผังของโครงการนี้ภายในสถานีรถไฟฟ้า
บางซื่อแทน

โดยระหว่างที่นายกฯตรวจโครงการอยู่นั้น
กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20
คนที่สวมเสื้อดำพร้อมตีนตบและหมวก”ความจริงวันนี้” มาชูป้าย
และยกตีนตบตะโกน “ยินดีต้อนรับนายกฯจอมกู้” บริเวณทางออกประตู 1
ฝั่งสถานีรถไฟบางซื่อ โดยก่อนหน้านี้ คนเสื้อแดงกลุ่มนี้ตะโกนว่า
นายกฯสู้ๆ แต่เมื่อทราบว่านายกฯมาถึงก็ตะโกนขับไล่นายกฯแทน

หนึ่งคำถามง่ายๆ กับ 4 คำตอบ จาก 4 นายกรัฐมนตรี

โดย คุณ tumleo
ที่มา เวบบอร์ด พันทิปราชดำเนิน
19 กรกฎาคม 2552

นักข่าว : ท่านครับ 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ครับ

นายก ช. : อันนี้มันต้องขึ้นอยู่กับขั้นตอนในการดำเนินการ ซึ่งตอนนี้เรากำลังดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว

นักข่าว : แล้ว ท่านพอจะทราบไหมครับว่า 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ครับ

นายก ช. : ในส่วนนี้ ผมยังไม่ได้รับรายงานครับ คงต้องรอดูกันอีกทีว่าโจทย์จะเป็นยังไง แล้วค่อยตัดสินใจกันอีกที

นักข่าว : แล้วท่าน ถ้าโจทย์เป็น 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ล่ะครับ

นายก ช. : เราก็ต้องดำเนินการ ตามขั้นตอน ต่อไปครับ

นักข่าว %)@#&%^!@_%)*!@


.............................................................


นักข่าว
: ท่านครับ 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ครับ

นายก ส. : โจทย์แค่นี้คุณทำเป็นมาถามผม ผมตอบให้เลยก็ได้ว่า 1+1 = 3.142857 เรื่องตัวเลข ผมจำแม่น

นักข่าว : ท่านมีวิธีคำนวนยังไงครับ

นายก ส.
: ไอ้เรื่องนี้นะ มันต้องเล่ากันยาว ผมต้องท้าวความไปถึงสมัยก่อนโน่น
สมัยที่ผมเป็นเด็กนี่นะ ผมเคยไปเล่าไปเรียนมา คนสอนหนังสือสมัยก่อน
เค้าที่เค้าเรียกว่าครูบาอาจารย์นี่แหละ เค้าก็ได้พร่ำได้สอนมา
ก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งกำลังนี้นะ
คุณจะหาครูบาอาจารย์แบบนี้ได้ยากแล้ว บลา...บลา...บลา...

นักข่าว ^^'


.............................................................


นักข่าว
: ท่านครับ 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ครับ

นายก อ.
: ในช่วงของเศรษฐกิจโลกที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรี
อยากเรียนให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่า ทางรัฐ
ไม่ได้นิ่งนอนใจในการเตรียมพร้อม ซึ่งจะนำไปสู่หนทางในการแสวงหา
หรือให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ชัดเจนและแน่นอน โดยทางภาครัฐ ที่มีผม
เป็นนายกรัฐมนตรี และภาคเอกชนต่างก็ได้จัดตั้ง
เตรียมคณะทำงานให้มีความสอดคล้องในอันที่จะช่วยเร่งประสานในการแก้ไขปัญหา
และจัดสรรงบประมาณไว้อย่างเพียงพอแล้ว ผม ในฐานะ
นายกรัฐมนตรีจึงอยากให้พี่น้องประชาชนทุกคน
อย่าได้วิตกและกังวลเกี่ยวกับคำตอบที่ได้มา ไม่ว่าคำตอบมันจะออกมาเช่นใด
ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนทุกคนและให้มั่นใจได้
กับกระบวนการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ ได้มีความคืบหน้าที่อยู่ในระดับดี
คาดว่าอีกไม่นาน คงได้คำตอบที่ชัดเจนแน่นอนครับ ผมมั่นใจ

นักข่าว : แล้วตกลง 1+1 นี่มัน เท่ากับเท่าไหร่เหรอครับ

นายก อ. : ผมได้ตอบคำถามนี้ไปแล้วนะครับ ผมจะไม่ตอบซ้ำอีก

นักข่าว : ท่านมีวิธีคำนวนยังไงครับ

นายก อ.
: เพราะรัฐบาลที่แล้ว ได้ให้คำตอบที่ผิดพลาด
อันเป็นเหตุให้โครงสร้างทางเศรษฐศาสตร์ ถูกบิดเบือนอยู่ ดังนั้น ผม
ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงได้จัดตั้งคณะทำงาน
เพื่อได้ทำการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากรัฐบาลที่แล้ว ให้เกิดความถูกต้อง
สุจริตและโปร่งใส เพื่อไม่ให้เหตุการดังกล่าวเกิดขึ้น
และย้อนมาทำร้ายพี่น้องชาวไทยอีกครั้งครับ ผมมั่นใจ

นักข่าว : ท่านพอจะบอกคร่าวๆ ได้ไหมครับ ว่าประมาณเท่าไหร่

นายก อ. : สาม จุด หนึ่ง สี่ สอง แปด ห้า เจ็ด ครับ

นักข่าว : เอ่อ ... คำตอบมันไม่เหมือนเดิมเหรอครับ

นายก อ.
: ไม่ครับ โครงการของเรา เป็นโครงการอันที่จะนำไปสู่การพัฒนา
และแก้ไขปัญหาความยากจนของพ่อแม่พี่น้องชาวไทย ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรี
อยากชี้ให้พ่อแม่พี่น้องได้ทราบทั่วกันว่า โครงการต่างๆที่ไม่ได้ผลนั้น
เป็นเพราะ พี่น้องในภาคอีสาน ซึ่งมีพื้นความรู้อยู่ในเกณฑ์ต่ำนั้น
ตกเป็นเครื่องมือ ของนักการเมืองที่คอรัปชั่น โกงกินบ้านเมือง
ทำให้ยากต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นักข่าว : แล้วถ้าคำตอบมัน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ล่ะครับ ท่านมีแนวทางที่จะจัดการอย่างไรต่อไป

นายก อ. : ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นครับ ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมมั่นใจ

นักข่าว !!! (ถ้าในบอร์ดสามารถแทรกเสียงได้ จะได้ยินเสียง ตึ่งโป๊ะ)


.............................................................


นักข่าว
: ท่านครับ 1+1 เท่ากับเท่าไหร่ครับ

นายก ท. : 2 ครับ

นักข่าว : ท่านไม่คิดว่า มันจะเป็นคำตอบที่ขัดกับหลักการที่เคยยึดถือ หรือปฏิบัติกันมาเหรอครับ

นายก ท. : มันต้องทำแบบนี้ ไม่ทำ มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันต้องแก้ที่ต้นเหตุ

นักข่าว : ท่านไม่กลัวว่า จะเกิดความขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลเหรอครับ

นายก ท.
: เอาเป็นว่า ให้ยึดถือเป็นแนวทางนี้ในการปฏิบัติ ใครผิดอยู่
ก็เปิดโอกาสให้ปรับเปลี่ยนโดยถือว่าไม่มีความผิด ที่แล้วๆ ก็แล้วกันไป
แต่นับจากนี้ถ้าใคร หน่วยงานไหน ยังให้ข้อมูลที่ผิดพลาดอยู่
ก็ต้องถือว่าเป็นศัตรูกัน สามารถนำตัวมาลงโทษตามกฏหมายได้เต็มที่เลยครับ
มีคำถามอื่นไหมครับ

นักข่าว ...


.............................................................

จากตัวเลขง่ายๆ และโจทย์เดียวกันนี้


จะเห็นได้ว่า ใครตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขา เป็นนายกฯในดวงใจของใครต่อใครหลายๆ คน

บางคนถึงกับกล้าพูดว่า

เป็นนายกฯที่ดีที่สุด เท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยมีมา

Thai E-News