CBOX เสรีชน

30 มีนาคม, 2552

กระทู้สำคัญที่จับผิดกรณีปีย์และทรอำมาตย์ทั้ง ๗ (ราโชมอนยุคใหม่)

กระทู้ ปีย์โกหก ! ของคุณ V for Victory ในราชดำเนินที่ถูกลบในเวลาไม่ถึงครึ่งชม., อยากเอามาโพสต์ที่นี่ให้เพื่อนๆพิจารณา


สืบเนื่องจากข่าวการให้คำสัมภาษณ์ของ ปีย์ มาลากุล ซึ่งมีเนื้อข่าวว่า

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?...00&catid=01

เจ้าบ้าน"ปีย์ มาลากุล"เปิดตัวยัน"สุรยุทธ์" ถก"3บิ๊กตุลาการ"ปัดวางแผนล้ม"แม้ว"แค่เพื่อนฝูงดินเนอร์

" ปีย์ มาลากุลฯ"เจ้าของบ้านเชิญ"สุรยุทธ์-บิ๊กตุลาการ-พัลลภ"กินข้าว เปิดตัว ยืนยัน ไม่มีการพูดเรื่องรัฐประหารโค่นล้ม"ทักษิณ" แค่ถกเรื่องขั้นตอนกฎหมายแก้วิกฤตบ้านเมืองหลังในหลวงทรงมีพระราชดำรัส เผยเชิญเพื่อนฝูงมาพบกันเป็นประจำ รวมทั้ง"แม้ว"ด้วย

นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา( ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพล..อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ระบุเป็นเจ้าของ บ้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พบกับตุลาการระดับสูงเพื่อวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549) ให้สัมภาาณ์"มติชนออนไลน์" เมื่อวันที่ 28 มีนาคมโดยยืนยันว่า ในการพูดคุยกัน 7 คนที่บ้านประกอบด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกา นายปราโมทย์ นาครทรรพ และ ตน ไม่มีการพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเชิญคนที่สนิทสนมและเป็นเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อพูด คุยถึงปัญหาบ้านเมืองซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้ว

นายปีย์กล่าวว่า การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำ อยู่ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังเพราะต้องการทันสถานการณ์เนื่องจาก มีอาชีพเป็นนักข่าวซึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัส กับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญนายอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี)มารับประทานอาหารที่บ้านในวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 เพื่อคุยว่า จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไรตามที่ทรงมีพระราชดำรัส จากนั้นได้โทรศัพท์ชวน พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ และนายปราโมทย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้วว่า อยากจะมาฟังหรือไม่

นายปีย์กล่าว ว่า ในวันที่ 6 พฤษภาคม ปรากฏว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มาถึงบ้านที่สุขุมวิท 103เป็นคนแรก จึงนั่งคุยกัน จากนั้นอีกประมาณ 15 นาที นายอักขราทร นายชายชัย และนายจรัญ ภักดีธนากุล ซึ่งตอนนั้นเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา(ปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) มาถึงพร้อมกัน โดยพล.อ.พัลลภและนายปราโมทย์ เดินเข้ามาบ้านพร้อมกัน จากนั้นจึงนั้นจึงขึ้นนั่งโต๊ะอาหารรูปทรงกลม โดย พล.อ.สุรยุทธ์นั่งขวามือของตน พล.อ.นั่งทางซ้ายมือ ส่วนตุลาการทั้ง 3 คน นั่งตรงกันข้ามเพื่อที่จะได้ซักถามสะดวก

นายปีย์กล่าวว่า ตนถามว่า ทางฝ่ายตุลาการว่า จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งทั้งนายอักขราทรและนายชาญชัยก็อธิบายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอย่างไรแบ้าง จนเข้าใจ และทางตุลาการมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรในทางกฎหมายโดยไม่ได้ลงราย ละเอียดถึงตัวบุคคล แต่พูดถึงขั้นตอนในทางกฎหมายโดยนายอักขราทรและนายชาญชัย เป็นคนอธิบายเป็นหลัก ส่วนนายจรัญพุดน้อยหน่อยซึ่งจำไม่ได้ว่า พูดเรื่องอะไรบ้าง แต่หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องอดีตเก่าๆ เรื่องมโนสาเร่ จนกระทั่งเลิกประมาณ 4 ทุ่มกว่าและตนยังเดินไปส่งพล.อ.สุรยุทธ์และพล.อ.พัลลภ ซึ่งคนทั้งสองไม่เคยอยู่กัน 2 ต่อ2 เพราะมีตนนั่งคั่นอยู่ตรงกลาง เวลามีอะไรต้องคุยผ่านตน

"เรื่องที่เกิดขึ้นมันนานหลายปีแล้ว คนที่มากินข้าวไม่มีใครจำวันที่ได้สักคน ผมอายุ 72 แล้วก็จำไม่ได้ แต่เมื่อมีคนมาให้สัมภาษณ์ก็ต้องเปิดดูบันทึกของเลขาฯ เพราะต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นจากโรงแรมดุสิตธานีจึงรู้ว่า เป็นวันนี้ ซึ่งมีแผนผังด้วยว่า ใครนั่งตรงไหนอย่างไร"นายปีย์กล่าว

เมื่อถามว่า ในการพูดคุยมีเรื่องเกี่ยวกับการล้มการเลือกตั้ง หรือไม่ นายปีย์กล่าวว่า มีการพูดถึงการเลือกตั้ง แต่จำไม่ได้ในรายละเอียด เพียงแต่ฝ่ายตุลาการมีการพูดถึงการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย

"ยืนยันว่า ไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร"นายปีย์กล่าว

เมื่อ ถามว่า ทำไมเชิญพล.อ.พัลลภและนายปราโมทย์เข้าร่วมและร่วมในฐานะอะไร นายปีย์กล่าวว่า มีความสนิทสนมกับคนทั้งสองมานานแล้ว และตอนนั้น พล.อ.พัลลภกำลังดังเรื่องคาร์บอมบ์(คดีวางระเบิดพ.ต.ท.ทักษิณ) ส่วนนายปราโมทย์นั้น เขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์และมีความรู้ทางด้านกฎหมายเลยเชิญมา ร่วม

เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภ ระบุว่า มีการประชุมวางแผนที่บ้านนายปีย์ถึง 3-4 ครั้ง นายปีย์ปฏิเสธโดยยืนยันว่า พบเพียงครั้งเดียว

" ผมดู พล.อ.สุรยุทธฺ์ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ที่พล.อ.พัลลภพูดไม่ตรง ก็แปลกใจว่า ทำไม"นายปีย์กล่าวว่า

เมื่อถามว่า เคยสนิทสนมกับพล.อ.พัลลภมาก่อน ทราบสาเหตุหรือไม่ว่า ทำไมถึงพลิกขั้วแบบ 180องศา นายปีย์กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน แต่คิดว่า อาจไม่พอใจ พล.อ.สุรยุทธ์ที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่ได้รับการตอบแทนอะไรบางอย่างซึ่งก้ไม่เข้าใจความคิดของพล.องพัลลภ เช่นกัน

เมื่อถามว่า หลังจากเกิดเหตุที่มีการเปิดโปงกันได้ติดต่อกับพล.อ.พัลลภ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือ นายปีย์กล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อกับบุคคลใดทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยมารับประทานอาหารที่บ้านหรือไม่ นายปีย์กล่าวว่า เคยมาหลายครั้งเพราะเคยสนิทสนมกัน ในช่วงก่อนที่จะเป็นนายกฯ ส่วนช่วงเป็นนายกฯไม่ได้มา อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลา แต่หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และกลับจากต่างประเทศมา 2 ครั้ง คุณพญิงพจมาน ชินวัตร



ใจความสำคัญของข่าวนี้คือ

1. มีการรับประทานอาหารกันจริงระหว่างบุคคลดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย ปีย์,สุรยุทธ์,อัคราทร,จรัญ,พัลลภ,ปราโมทย์,ชาญชัย

2. การสนทนาเป็นการสนทนาฉันท์คนรู้จัก หัวข้อการสนทนาคือการพูดคุยปัญหาบ้านเมืองหลังแนวคิดเรื่องตุลาการภิวัตน์ และไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องปฏิวัติ

บทวิเคราะห์



1. มีการรับประทานอาหารกันจริงระหว่างบุคคลดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย ปีย์,สุรยุทธ์,อัคราทร,จรัญ,พัลลภ,ปราโมทย์,ชาญชัย

นี่ เป็น FACT อย่างเดียวที่มีการพูดตรงกันระหว่าง ทักษิณ พัลลภ ปีย์ และ สุรยุทธ์ ดังนั้นการออกมาให้ข่าวเมื่อวานนี้ของปีย์ นับเป็นหมากที่พลาดอย่างมาก ของปีย์ในสายตาผม เพราะข้อมูลทั้งหมด (รวมทั้งคำยืนยันจากพัลลภ, สนธิ (ลิ้ม) ในวีดีโอคลิป , สุรยุทธ์ และปีย์ กลายเป็นลงสลักหลังยืนยันน้ำหนักคำพูดของทักษิณทั้งหมด จะเห็นได้ว่าทุกคนออกมายืนยันหมดว่ามีการนั่ง "ประชุมทานข้าว"กันจริง ซึ่งฝั่งทักษิณบอกว่าเป็นการคุยเพื่อล้มล้างอำนาจรัฐ แต่อีกฝั่งหนึ่งจะบอกว่าเป็นการคุยกันเรื่องปัญหาบ้านเมือง "ฉันท์เพื่อน" ดังนั้นเรื่องนี้จึงน่าจะเป็นการสนับสนุนคำพูดทักษิณว่ามีการพบกันของบุคคล เหล่านี้ "จริง"

2. การสนทนาเป็นการสนทนาฉันท์คนรู้จัก หัวข้อการสนทนาคือการพูดคุยปัญหาบ้านเมืองหลังแนวคิดเรื่องตุลาการภิวัตน์ และไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องปฏิวัติ

ข้อนี้แหล่ะที่เป็นหลักฐานมัดตัวว่าปีย์โกหก

2.1 ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของบุคคลทั้งเจ็ด

จากคำสัมภาษณ์เบื้องต้นมีข้อความจากปากของปีย์เองอย่างเดียวว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์เ
พื่อ นกับอัคราทร ซึ่งเป็นตุลาการศาลฎีกา ณ ขณะนั้นคนเดียว แต่คนอื่นนอกเหนือจากนั้น ไม่น่าจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวเมื่อวิเคราะห์ให้ดีน่าจะได้ความสำคัญ (ตามคำให้การของปีย์ )ดังนี้
อัคราทร - ตัวแทนศาลและเป็นเพื่อนของปีย์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าน่าจะถูกเชิญมาคุยกันเรื่อง ตุลาการภิวัตน์

ชาย ชัย + จรัญ - เข้าใจได้ว่ามาพร้อมกับอัคราทร ไม่น่าแปลกใจ แต่ลองสังเกตดูว่า จรัญเองไม่ได้มีความสำคัญนักจนกระทั่งปีย์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจรัญพูดอะไร (หรือไม่อยากให้มัดตัวก็ไม่แน่)

สุรยุทธ์ - ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับปีย์ แต่โทรไปเรียกให้มานั่งฟังอัคราทรคุยว่าจะใช้ตุลาการภิวัตน์อย่างไร

ปราโมทย์ - อาจจะตีความได้ว่าเป็นคอลัมนิสต์จึงรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าอ่านจากข้างบนจะเห็นได้ว่า "ไม่น่าจะรู้จัก" กันมาก่อน

พัลลภ - ไม่สามารถหาได้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับปีย์

2.2 หลักฐานล้างคำโกหกว่าสนทนาฉันท์คนรู้จัก

การปรากฎตัวของบุคคลทั้งเจ็ดขึ้นพร้อมกันเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีว่าการสนทนานั้
นไม่ ได้เกิดขึ้นในลักษณะการคุยกันในหมู่คนรู้จักอย่างที่ปีย์กล่าวอ้าง เนื่องจากความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งหมดนั้น ดูแล้วหลวมมาก และไม่น่าจะอยู่ในสถานะที่จะเรียกว่าคุยกันฉันท์เพื่อนได้ จากการที่วิเคราะห์ความสัมพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าทุกคน "อาจะ" จะอยู่ในสถานะ คนรู้จัก หรืออย่างน้อยก็คนรู้จักของคนรู้จักได้ แต่กับพล.อ.พัลลภนั้น ปีย์ไม่น่าจะรู้จักเลย

2.2.1 โกหกเรื่องพัลลภ

อ่านย่อหน้าข้างล่างใหม่

" เมื่อถามว่า ทำไมเชิญพล.อ.พัลลภและนายปราโมทย์เข้าร่วมและร่วมในฐานะอะไร นายปีย์กล่าวว่า มีความสนิทสนมกับคนทั้งสองมานานแล้ว และตอนนั้น พล.อ.พัลลภกำลังดังเรื่องคาร์บอมบ์(คดีวางระเบิดพ.ต.ท.ทักษิณ) ส่วนนายปราโมทย์นั้น เขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์และมีความรู้ทางด้านกฎหมายเลยเชิญมา ร่วม"

จะพบว่าสาเหตุเดียวที่เชิญพัลลภมาเพราะพัลลภกำลังดังเรื่องคา ร์บอมอยู่ ลองย้อนกลับไปดูว่าการสนทนานี้เกิดขึ้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2549 แต่เหตุการณ์คาร์บอมบ์เกิดเมื่อ 24 สิงหาคม 2549

http://board.palungjit.com/archive/index.php/t-65049.html (อ้างอิง)

น่าแปลกที่ปีย์รู้ว่าพัลลภจะดังเรื่องคาร์บอมบ์ก่อนเหตุเกิดตั้งสามเดือน

2.2.2 โกหกเรื่องปราโมทย์

จากเหตุผลในย่อหน้าเดียวกัน ปราโมทย์ถูกเชิญมาร่วมเพราะดังในเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์
จากการสืบค้นพบว่าปราโมทย์เขียนเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์เมื่อ 18 พฤษภาคม 2549

http://th.wikipedia.org/wiki/แผนฟินแลนด์ (อ้างอิง)

น่าแปลกอีกเช่นกันที่ปีย์จะรู้เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ก่อนที่ปราโมทย์จะเขียนตั้ง 12 วัน

2.3 สิ่งที่ขัดแย้งกันเองและบทสรุปของบทสัมภาษณ์

คำ ให้สัมภาษณ์ของปีย์เองกลับขัดแย้งกับความเป็นจริงและตัวมันเอง สิ่งที่ปีย์ต้องตอบให้ได้อย่างแรกคือ พัลลภ และ ปราโมทย์มาปรากฎตัว ณ ที่นั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าจากเหตุผลเชิงเงื่อนเวลาข้างต้นแล้ว ไม่น่าจะเชื่อได้ว่าพัลลภและ ปราโมทย์มาปรากฎตัวตามสาเหตุที่ปีย์กล่าวอ้าง เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นหลังจากการสนทนาทั้งสิ้น หากการสนทนานั้นเกิดขึ้นเพราะต้องการคุยเรื่องตุลาการภิวัฒน์ สามคนที่เป็นตัวแทนจากศาลน่าจะเพียงพอที่จะสนทนาได้แล้ว การที่กล่าวอ้างว่าเชิญปราโมทย์เพราะรู้เรื่องกฎหมาย แล้วต้องตอบให้ได้ว่านักกฎหมายไทยมีตั้งแยะที่เก่งกว่าปราโมทย์ ทำไมไม่เชิญมา ???

สิ่งที่ปีย์ต้องตอบให้ได้คือ ทำไม ปราโมทย์ และ พัลลภ จึงไปอยู่ในที่นั้นได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความไม่ควรของการมีหนึ่งในองคมนตรีไปนั่งคุยอยู่ ณ ที่นั้นด้วย

3. ทฤษฎีสมคบคิดใหม่ ว่าด้วยการสนทนาของบุคคลทั้งเจ็ด วิเคราะห์ความสำคัญของคนทั้งเจ็ดในแง่ตัวแทนกลุ่มบุคคล

อัคราทร + ชายชัย + จรัญ = ตัวแทนศาล
สุรยุทธ = องคมนตรี
ปราโมทย์ = ตัวแทนกลุ่มผู้จัดการและพธม.
พัลลภ = จปร. 7

วิเคราะห์ผลตอบแทนของบุคคลทั้งเจ็ดหลังเหตุการณ์รัฐประหาร

อัคราทร = candidate นายกหลังรัฐประหาร ปัจจุบันประธานศาลปกครองสูงสุด (http://th.wikipedia.org/wiki/อักขราทร_จุฬารัตน)
ชาญชัย = รมต.ยุติธรรม สมัย สุรยุทธ์ ปัจจุบัน องคมนตรี (http://th.wikipedia.org/wiki/ชาญชัย_ลิขิตจิตถะ)
จรัล = ปลัด ยุติธณรม ปัจจุบัน ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ
สุรยุทธ์ = นายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน องคมนตรี
ปราโมทย์ = คอลัมนิสต์
พัลลภ = รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.

หาก ทั้งเจ็ดคนได้มีการวางแผนล้มล้างรัฐบาลจริง เชื่อได้ว่าบุคคลเกือบทั้งหมดได้รับการสมนาคุณทั้งทางตรงและทางอ้อม คนที่ดูจะได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุดน่าจะเป็นพัลลภเพราะตำแหน่งที่ได้ไม่ได้ มีความแตกต่างจากสมัยทักษิณอยู่เลย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พัลลภจะออกมาแฉเรื่องนี้ ส่วนปราโมทย์นั้นด้วยความเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้จัดการดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า ผลตอบแทนน่าจะไปตกอยู่ที่สนธิมากกว่า แต่ก็อย่างที่ปรากฎเป็นความจริงต่อมาว่า สนธิโดนหักหลังเรื่องสถานีโทรทัศน์

ให้วิเคราะห์จากเหตุการณ์ทั้งหมดตามลำดับ

- เกิดการประชุมกันของบุคคลทั้งเจ็ด
- มีการตีพิมพ์บทความปฏิญญาฟินแลนด์
- มีการใช้อำนาจศาลสั่งจำคุกกกต.ล้มการเลือกตั้ง
- มีการคาร์บอมบ์ทักษิณ
- มีการปฏิวัติ
- สุรยุทธ์ขึ้นเป็นนายกหลังการปฏิวัติ

ชัดซะไม่รู้จะชัดยังไง!!!!!!!!!!!!!

จาก

http://www.sameskybooks.org/board/index.php?showtopic=27605