CBOX เสรีชน

23 เมษายน, 2552

Palm Pre ปะทะ Windows Mobile เปรียบกันทีละข้อ

ได้ข่าวหนาหูขึ้นเรื่อยๆว่า Palm Pre เตรียมจะออกแล้วนะ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าจะออกเมื่อไร และใครจะเป็นตัวแทนนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งราคาเครื่องจะเป็นเท่าไร แต่ที่แน่ๆ มีผู้ใช้ในบ้านเราต่างกุมเงินเตรียมรอจ้องอยู่เพียบ และสาวกอย่าง Windows Mobile หลายๆคนก็พร้อมใจที่จะสลับค่ายย้ายมาหา Palm Pre รุ่นใหม่นี้ วันนี้เลยขอนำหัวข้อเปรียบเทียบที่พอนึกออกนำมาลองเปรียบเทียบระหว่าง Windows Mobile กับ Palm Pre ให้ชมกันเล่นๆเป็นข้อมูลครับ เผื่อฟลุ๊คๆจะได้ย้ายค่ายกับเค้าบ้าง

1) จอสัมผัส

Palm Pre เท่านั้นที่สนับสนุนมัลติทัชและ Palm Pre ได้เปรียบอีกจุดตรงที่มี gesture area สัมผัสได้นอกจอได้ แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Windows Mobile ในบางรุ่นขณะนี้อย่าง HTC Touch Diamond 2 ก็มีส่วนของ Zoom Bar สามารถสั่งงานได้คล้ายๆกัน แต่ว่าใช้ได้เฉพาะฟังค์ชั่นตอน Zoom เท่านั้น ขนาดจอของเครื่อง Windows Mobile นั้นมีให้เลือกหลากหลายกว่า ตั้งแต่ขนาดจอเล็ก 2.6 นิ้ว จนไปถึง 3 นิ้วกว่าๆ แต่จอของ Palm นั้น ขนาดหน้าจอใหญ่สุดคือ 3.1-inch 24-bit color 480 x 320 display ซึ่งในตอนนี้มีเพียง Pre รุ่นเดียว เลยทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น

  • High-speed wireless (EV-DO Rev. A or HSDPA, depending on version) GSM Coming soon!
  • 802.11b / g WiFi
  • Integrated GPS
  • 3.1-inch 24-bit color 480 x 320 display
  • Dedicated gesture area below display
  • Slide-out portrait QWERTY keyboard
  • Exchange email support in addition to POP and IMAP
  • IM, MMS, and SMS messaging
  • High-performance browser
  • 3-megapixel camera with LED flash and "extended depth of field"
  • 3.5mm headphone jack
  • Bluetooth 2.1 + EDR with A2DP
  • 8GB of internal storage
  • USB mass storage mode
  • MicroUSB connectivity with USB 2.0
  • Proximity sensor for detecting when phone is near face
  • Light sensor to automatically dim display
  • Ringer mute switch
  • Removable rechargeable battery
  • 59.57 x 100.53 x 16.95mm closed
  • 4.76 ounces

2) การทำงานแบบ multitasking

การทำงานของ Palm Pre และ Windows Mobile ทั้งสองเครื่องนั้นมีระบบการทำงานแบบ Multi Tasking ทั้งคู่นั่นหมายความว่า เครื่องจะสามารถทำงานหลายๆโปรแกรมพร้อมกันได้ แต่การทำงานในแบบ Multi Tasking นั้นจะว่าไปแล้วเหมือนดาบสองคม คือหน้าจอพวกเครื่อง PDA Phone เหล่านี้มันเล็ก การทำงานของโปรแกรมหลายๆตัวเวลาเดียวกันเลยทำให้สังเกตได้ยากมาก กว่าจะรู้ตัวว่ามีโปรแกรมแอบ run อยู่ ก็ตอนที่เครื่องอืดเป็นเต่า หรือไม่ก็ค้างไปแล้ว การจัดการเรื่องการปิดโปรแกรมต่างๆของ Palm Pre ทำได้ดีกว่า Windows Mobile รุ่นปัจจุบันมาก เพราะสามารถแสดงภาพการทำงานโปรแกรมต่างๆคล้ายๆสลับไพ่ไปมา แล้วก็ปิดก็เพียงแต่ตวัดนิ้วบนหน้าจอเพื่อโยนโปรแกรมทิ้งไปก็จบแล้ว

3) กล้อง

ในเครื่อง Palm Pre นั้นจะให้กล้องมาที่ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Flash แต่ทว่า ในเครื่อง Windows mobile สมัยนี้นั้นมันพัฒนาไปไกลกว่ามาก โดยมาตราฐานกล้องระดับสูงของเครื่องในแบบ Windows Mobile นั้นขยับไปที่ 5 ล้านพิกเซลกันแล้ว และยังมีโปรแกรมการรองรับแปลกๆที่ใช้งานร่วมกับกล้องอีกเพียบ เช่น Foot Print ใน HTC Touch Cruise

4) แพลตฟอร์มการพัฒนา

Palm webOS ใช้ HTML/CSS/JavaScript ซึ่งเริ่มพัฒนาได้ง่าย แต่ก็อาจะแพ้ทาง Windows Mobile ที่มี SDK เต็มรูปแบบมากกว่า แต่ด้วยการพัฒนาบนแพลตฟอร์มที่ง่ายๆอย่าง HTML เชื่อครับว่า ผู้พัฒนาในอนาคตน่าจะมีมากกว่าเยอะ หากให้เดา ผมว่ามันน่าจะคล้ายๆพวก Web Clipping สมัยก่อนของ Palm ที่ใช้งานในลักษณะ Web Base เป็นหลัก คือเขียนโปรแกรมส่วน Client เป็น HTML แปะไว้ที่เครื่อง เวลาการทำงานจริงๆใช้ Net เชื่อมต่อไปสั่งงานบนโปรแกรมใน Server อีกทีหนึ่ง

5) แท่นชาร์จไร้สาย

Palm Pre ถือว่าพัฒนาเรื่องแท่นชาร์จไปไกลเหนือคู่แข่งหลายๆเจ้า เพราะใช้แท่นชาร์จแบบไร้สายที่เรียกว่า Touch Stone ซึ่งดูเผินๆตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นแท่นสำหรับยึดกันขโมยเสียอีก เหมือนเวลาที่เราไปยืนทดลองเครื่องตัวอย่างตามบูธขายมือถือในห้างที่มันจะมี สายสลิงเชื่อมต่อติดกัน ตอนแรกผมคิดว่าอย่างนั้นแต่ว่าทำไมไม่มีสาย แต่ในความจริงแล้วมันคือแท่นชาร์จตัวใหม่ของ Palm Pre ต่างหากและน่าจะเป็น อุปกรณ์เสริมที่เราจะต้องซื้อเพิ่มเติมภายหลัง เจ้า Touch Stone นี้มันก็ทำเอาผมงงไปอีกรอบว่ามันชาร์จไฟได้อย่างไร เพราะมันเป็นแท่นคล้ายๆลูก ไอซ์ ฮ๊อกกี้ วางมุมเฉียง 45 องศา ภายในจะมีแม่เหล็ก ซึ่งต้องใช้ร่วมกับฝาหลังของเครื่อง Palm Pre เท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นฝาหลังแบบพิเศษด้วย คาดว่าน่าจะให้มาพร้อมกับชุดแท่น Touch Stone นี่แหละ และเมื่อเรานำเครื่อง Palm Pre ไปวางเอาไว้มันก็จะมีแม่เหล็กทำการดูดเครื่องยึดไว้กับแท่นอัตโนมัติ โดยขณะที่วางเครื่องลงไปนั้นมันก็จะทำการชาร์จไฟให้ไปพร้อมๆกัน โดยทาง Palm เองก็คุยว่า เจ้า Touch Stone นี้มันจะทำการชาร์จเครื่องแบบรวดเร็วใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่าเดิมมาก โดยเจ้า Touch Stone นี้มันจะไม่มีส่วนใดที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าเลย คล้ายๆกับที่ชาร์จของแปรงสีฟันไฟฟ้านั่นแหละ

สำหรับเทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบใหม่นี้ เค้าเรียกชื่อว่า induction technology ซึ่งตามที่พอทราบมามันก็คือเป็นการเหนี่ยวนำไฟฟ้าโดยใช้แม่เหล็กนั่นเอง

6) Software

Palm ยกเครื่อง OS ใหม่หมดเป็น Palm webOS ซึ่งแน่นอนว่าโปรแกรมต่างๆที่จะนำมาติดตั้งเพิ่มเติมในเครื่องรุ่นใหม่นี้ ต้องยกเครื่องใหม่หมดเช่นเดียวกัน หากเทียบกับ Windows Mobile ที่ในตอนนี้มีโปรแกรมให้ลองใช้ทั้งแบบฟรีและเสียเงินนับหมื่นนับพันโปรแกรม และเป็นโปรแกรมใหม่ที่ออกกันแทบทุกวัน ตรงจุดนี้คือข้อเสียเปรียบอย่างเลี่ยงไม่ได้ของ Palm Pre รุ่นใหม่นี้ ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็เป็นปี กว่าจะได้โปรแกรมตุนไว้ในโกดังให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้กัน แต่อย่างไรก็ตาม Palm เองมี โปรแกรมประเภทอิมูเลเตอร์ ที่สามารถใช้โปรแกรมเก่าๆพวกไฟล์ PRC หรือ PDB ในแบบ Palm รุ่นเก่า ก็ยังสามารถนำโปรแกรมเหล่านั้นนำมาติดตั้งทำงานบนเครื่องรุ่น Palm Pre ใหม่นี้ได้ แต่การทำงานจะสมบูรณ์ 100% หรือไม่นั้น ผมคิดว่ายาก มากสุดก็ได้ไม่เกิน 80-90%

7) อินเตอร์เฟสในแบบ Touch

อย่างที่ทราบๆกันว่า Windows Mobile นั้นมันไมได้ออกแบบมาให้ใช้นิ้วแทน Stylus ตั้งแต่แรก แต่เหล่าบรรดาพันธมิตรหลายๆบริษัทที่ผลิตเครื่อง Windows Mobile ต่างก็แก้เกมส์โดยการออกแบบโปรแกรมแบบ Touch Interface ครอบลงบน Windows Mobile อีกที ซึ่งจะทำให้การทำงานคล้ายๆกับ iPhone ที่ใช้นิ้วเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ Work สมบูรณ์อยู่ดี แต่หากมองทาง Palm Pre นั้นจะมาแนวเดียวกับ iPhone คือไม่มี Stylus เน้นใช้นิ้วเป็นหลักเพราะฉะนั้นโปรแกรมและเมนูทุกอย่างในเครื่องจึงรองรับ การใช้นิ้วที่สมบูรณ์มากกว่าเยอะ

8) PIM & Office Tools

ตราบใดที่ Windows ยังครองเมืองอยู่ ยังไง Windows Mobile ก็ยังทำงานร่วมกับ Outlook หรือโปรแกรมประเภท Office ต่างๆได้สมบูรณ์กว่าทุกๆค่ายอย่างแน่นอน ซึ่ง Palm Pre แม้จะโฆษณาว่าตนเองนั้นสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรม Office ต่างๆได้ก็ตามแต่อย่างไรแล้วมันก็ไม่มีโอกาสที่จะสมบูรณ์เท่ากับ Windows Mobile อย่างแน่นอน

9) แบตเตอรี่

ตอนนี้เครื่อง Palm Pre ตัวจริงยังไม่ออกขาย เลยยังไม่สามารถพูดได้ว่าเครื่องมันจะประหยัดไฟได้เหมือนกับ Palm รุ่นเก่าหรือไม่ แต่ก็ดีที่ว่า Palm Pre นั้นมันสามารถถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ ไม่เหมือนกับ iPhone แต่หากมองในมุมของ Windows Mobile นั้น เรื่องแบตเตอรี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะเครื่องในปัจจุบันของ Windows Mobile นั้นมันก็บริโภคแบตเตอรี่ในระดับที่รับได้อยู่แล้ว และยังมีแบตเตอรี่สำรองที่หาซื้อได้ง่ายกว่าเยอะ

10) การเชื่อมต่อกับเว็บ

Palm webOS ถูกออกแบบมาโดยอิงกับบริการบนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นจุดขายหลัก ก็ถือว่าด้านนี้ได้เปรียบกว่า Windows Mobile แต่การทำงานสำหรับตลาดเมืองไทยนั้น ระบบเครือข่ายความเร็วสูงอย่าง 3G ที่จะรีดประสิทธิภาพ Palm Pre ออกมาได้อย่างเต็มที่ ในบ้านเราถือว่ายังไม่ได้เปรียบอะไรมากนัก ซึ่งจุดนนี้ยังมองว่า Palm Pre ยังเสียเปรียบ Windows Mobile อยู่หลายช่วงตัว

11) Integrated GPS

แม้ว่า Palm Pre จะมี GPS ภายในเครื่องก็ตาม แต่สำหรับตลาดเมืองไทยหาก Palm Pre เข้ามาจำหน่ายจริงเรื่องของ GPS อาจจะเป็นปัญหา เรื่องที่ยังไม่มี Software และข้อมูลแผนที่รองรับการทำงาน เพราะเนื่องจากมันเป็นระบบปฎิบัติการที่ยังใหม่อยู่ คงยังไม่มีโปรแกรมใดรองรับในขณะนี้ แต่ก็ใช้ว่าจะมีมีหนทางเอาเสียเลย หาก Palm Pre สามารถทำงานบนโปรแกรมเก่าๆได้ โปรแกรมการทำงาน GPS ก็ยังมีให้ใช้อยู่ โดยเฉพาะของทาง ESRI เองก็มีโปรแกรมในรูปแบบ Palm OS รองรับอยู่แล้วเพียงแต่การทำงานมันจะสมบูรณ์ได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง แต่หากเทียบกับ Windows Mobile แล้ว Garmin XT คือคำตอบสุดท้ายของ Windows Mobile ในเวลานี้

12) อนาคตและความเชื่อมั่น

ตรงส่วนนี้ต้องวัดใจกันแบบเต็มๆ อย่างที่ทราบกันว่า Palm เองนั้นเหมือนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ใหม่ๆ ซึ่งได้เพียงแค่ลุกออกจากเตียงมาเดินโฉบฉายเท่านั้น แม้ว่าจะบอกว่าตัวเองหายป่วยดีแล้วก็ตาม แต่พื้นฐานหลายๆจุดทั้งเรื่องการบริการ และความมั่นคงทางด้านการเงินยังไม่ดีนัก ซึ่งอาจจะล้มฟุบลงเตียงอีกเมื่อไรก็ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ทาง Windows Mobile เปรียบเหมือนนักกีฬาที่ฟิตร่างกายพร้อมต่อสู้กับคู่แข่งทุกเจ้าอยู่ตลอดเวลา แถมยังมีค่ายมวยชื่อดังอย่าง ไมโครซอฟท์ และพี่เลี้ยง โค๊ช เก่งๆอย่าง HTC , Samsung , ASUS คอยช่วยเหลืออีกเพียบ โอกาสพลาดท่านั้นยากทีเดียว หากจะลงทุนกับ Palm Pre นั้นมันก็เหมือนกับซื้อนักกีฬาแบบรองบ่อนที่มีดูแล้วมีหน่วยก้านดี แต่อนาคตยังไม่รู้ว่าจะไปรอดได้แค่ไหน


MrPalm.com



คลังขาดดุลกระแสเงินสดมี.ค.กว่า9หมื่นล้าน

มีนาคมรัฐบาลขาดดุลกระแสเงินสด 8.9 หมื่นล้านบาท ส่งผล 6 เดือนแรกปีงบประมาณขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท เน้นบริหารเงินสดหวังลดภาระดอกเบี้ย

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการ คลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 89,882 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณรวม 411,895 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 18,148 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 393,747 ล้านบาท

ทั้งนี้ฐานะการคลังในเดือนมีนาคม รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 105,463 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 9,641 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 10.1) โดยมีสาเหตุสำคัญจากการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และภาษีสรรพสามิตจากน้ำมัน ได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่ผ่านมา

โดยรัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 195,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 70,198 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 56.1) ทั้งนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2552 และได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวที่สำคัญ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ (เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท) และโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี สำหรับการเบิกจ่ายในเดือนมีนาคมประกอบด้วยรายจ่ายประจำจำนวน 164,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และรายจ่ายลงทุนจำนวน 14,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่ผ่านมา

จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ ดุลเงินงบประมาณในเดือนมีนาคม 2552 ขาดดุล 89,882 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 4,380 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 94,262 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินคลัง จำนวน 87,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังกู้ชดเชยการขาดดุล) ขาดดุลจำนวน 7,262 ล้านบาท

สำหรับฐานะการคลังในช่วง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2552 ตั้งแต่ตุลาคม 2551 – มีนาคม 2552 นั้นในส่วนของ รายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 559,886 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 70,786 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 11.2) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อากรขาเข้า ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลง รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงมาก ในขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง

ขณะที่รายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 971,781ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 176,300 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 22.2) โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 885,362 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 45.4 ของวงเงินงบประมาณ (1,951,700 ล้านบาท) โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำ 757,228 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 27.2 และรายจ่ายลงทุน 128,134 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 2.6 และรายจ่ายปีก่อน 86,419 ล้านบาท

สำหรับดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาล ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 411,895 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุลจำนวน 18,148 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลขาดดุล 393,747 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังจำนวน 215,530 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 178,217 ล้านบาท

BangkokBizNews