CBOX เสรีชน
20 เมษายน, 2552
แกนนำ "คนเสื้อแดง" (รุ่นต่อไป) ควรอ่าน!
ภาพการต่อสู้อย่างที่เรียกว่า “สู้ยิบตา” ของประชาชนมือเปล่าที่สวมเสื้อสีแดง กับกองทหารที่เพียบพร้อมไปด้วยอาวุธร้ายแรง
แม้สุดท้ายกลุ่มประชาชนสวมเสื้อสีแดงจะถูกสลายการชุมนุมไปเรียบร้อยแล้วนั้น
เป็นบทพิสูจน์ความจริงว่า
พวกเขาไม่ได้เป็นม็อบรับจ้าง หรือม็อบเติมเงินอย่างที่ถูกกล่าวหา ใส่ร้ายมาตลอดเวลา
แท้จริงประชาชนผู้สวมเสื้อสีแดง ไปรวมตัวกันเรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยความรู้สึกและอุดมการณ์ที่ตรงกัน
ฉะนั้น แม้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจะถูกสลายไป แต่ข้อเรียกร้องของพวกเขาจึงยังคงมีความชอบธรรมอยู่ ตามวิถีแห่งประชาธิปไตย ด้วยเหตุผลที่รัฐบาลไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า มวลมหาประชนคนเสื้อแดงนั้น คือประชาชนคนไทย ผู้ซึ่งใช้สิทธิในการชุมนุมเรียกร้องตามวิถีของประชาธิปไตย
รัฐบาลสามารถสลายการชุมนุมเรียกร้องของพวกเขาได้สำเร็จ
แต่ไม่สามารถสลายความคิด ความรู้สึก ที่อยู่ในสมองและจิตใจของพวกเขาได้
ตรงข้ามกลับตอกย้ำความคิด ความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลของพวกเขา ให้ฝังลึกลงไปและเกลียดชังรัฐบาลยิ่งขึ้น
นั่นดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนักของรัฐบาล
สำหรับมหาชนคนเสื้อแดงแล้ว การต่อสู้เรียกร้องของพวกเขาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552 ที่เพิ่งผ่านมานั้น คงให้บทเรียนกับพวกเขาไม่น้อย
ทำไมพวกเขาจึงถูกสลายการชุมนุมได้โดยง่าย??
กล่าวได้ว่าการชุมนุมเรียกร้องของคนเสื้อแดงในครั้งนี้
สุดท้ายต้องพบกับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ข้อเรียกร้องไม่ได้รับการใส่ใจจากรัฐบาล กลับถูกสลายการชุมนุม
ซ้ำแกนนำถูกจับกุม คนเสื้อแดงเองก็มีบาดเจ็บล้มตาย
เหตุแห่งความพ่ายแพ้ของพวกเขาเกิดจากการขาดกลยุทธ์ที่ดี และไม่มีระเบียบวินัย
ม็อบเสื้อแดงส่วนใหญ่ เกิดจากความไม่เป็นธรรมของสังคม
เกิดจากความสองมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมายของชนชั้นปกครอง
เป็นเหตุแห่งความไม่พอใจ ทำให้สามารถขยายแนวร่วม และเติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลั่งไหลมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
กลายเป็นม็อบเสื้อแดงที่ปราศจากระเบียบ และขาดประสบการณ์
การปราศรัยของเหล่าแกนนำ เน้นไปในทิศทางตอกย้ำ โจมตีรัฐบาลและองคมนตรีบางท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่มหาชนคนเสื้อแดงทราบดีอยู่แล้วทั้งสิ้น
ยังความสะใจและยิ่งเพิ่มความชิงชังให้กับเหล่ามหาชนคนเสื้อแดงยิ่งขึ้น
..........................................
เหล่า แกนนำวางแผนการต่อสู้เรียกร้องอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อทำข้อเรียกร้องให้สำฤทธิ์ผล ได้ไม่ค่อยจะทะลุปรุโปร่งดีนัก (อาจจะเนื่องจากขาดประสบการณ์ในการควบคุมมวลชนขนาดใหญ่)
เหล่าแกนนำไม่เน้นความสำคัญในด้านกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ชัยชนะ
จึงไม่เน้นปลูกฝังกลยุทธ์ลงไปสู่มวลมหาชนคนเสื้อแดง ก่อนที่จะเปิดศึก
เมื่อแกนนำเห็นมหาชนคนเสื้อแดงจำนวนมหาศาล หลั่งไหลมารวมตัวกันในวันที่ 8 เม.ย.
ก็เกิดความฮึกเหิม นึกถึงชัยชนะสถานเดียว
รุ่งขึ้นอีกวันก็เปิดศึก ดาวกระจายมหาชนคนเสื้อแดงกดดันรัฐบาลยังสถานที่ต่างๆ
ซึ่งนั่นเท่ากับการเปิดศึกโดยการส่งทหารที่ปราศจากระเบียบวินัยออกสู่สนามรบ
แถมยังไร้ซึ่งแผนการที่ดีเท่าที่ควร
โดยหลักของสงคราม แม้กำลังน้อย หากมีระเบียบวินัยเข้มแข็ง ประกอบกับกลยุทธ์ที่ดีกว่า อาจสามารถทำการชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้
ในทางตรงข้าม แม้มีกำลังมาก หากขาดระเบียบ อีกทั้งปราศจากกลยุทธ์ที่ดี
ย่อมพบกับความปราชัย
เมื่อแกนนำไม่บอกกล่าวเน้นย้ำในด้านกลยุทธ์ที่ดีและถูกต้อง
ฉะนั้นการรบของคนเสื้อแดงจึงเป็นไปในรูปแบบแค่รวมตัวกันยกพลไป
เมื่อถึงสนามรบใครใคร่จะทำอะไร ก็ทำกันตามอำเภอใจ ยากแก่การควบคุม
เมื่อจุดอ่อนของกองทัพเสื้อแดงเป็นดังกล่าว
การโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ที่วางแผนสอดแทรกการกระทำอันเป็นการใส่ร้าย
เพื่อสร้างภาพเชิงลบให้มหาชนคนเสื้อแดง จึงเข้าเป้าได้ผล ทุกดอก ทุกเม็ด
ประกอบกับความพร้อมของสื่อต่างๆ ที่พร้อมจะนำเสนอข่าวสารเชิงลบนั้นให้กับคนเสื้อแดง
ทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดง ดูเหมือนยิ่งสู้ ยิ่งอ่อนแอ ยิ่งสู้ดูเหมือนยิ่งเล็กลง
และถูกล้อมกรอบ จนต้องสลายไปในที่สุด
การต่อสู้เพื่อชัยชนะนั้น ภาพที่ออกมาควรจะเป็นยิ่งสู้ ยิ่งเข้มแข็ง
ยิ่งสู้ม็อบจะต้องยิ่งสามารถขยายแนวร่วมได้เพิ่มขึ้น คือยิ่งสู้ ยิ่งใหญ่ขึ้น
นั่นจึงเป็นสงครามมวลชลแท้จริง ที่จะนำพาไปสู่ชัยชนะในที่สุด
ความสองมาตรฐานของฝ่ายตรงข้าม
ทำให้ผู้คนที่รักความยุติธรรมไม่พอใจ และเห็นใจคนเสื้อแดง
เป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเสื้อแดงสามารถขยายแนวร่วมและเติบโตได้อย่างรวดเ
ร็ว
เหตุผลดังกล่าว น่าที่จะถูกนำมาพิจรณาในการกำหนดกลยุทธ์
..................................
อีกทั้งเสื้อแดงต้องสำนึกว่า กำลังต่อสู้กับใคร? และคู่ต่อสู้มีคุณสมบัติอย่างไร?
สิ่งเหล่านี้ล้วนควรถูกนำมาพิจรณาในการกำหนดกลยุทธ์ทั้งสิ้น จึงจะเรียกว่ารู้เขา รู้เรา
คนเสื้อแดงคือประชาชนซึ่งปราศจากอาวุธ เมื่อต้องเผชิญกับกองกำลังติดอาวุธอย่างทหาร
ยุทธวิธีที่ถูกต้องสำหรับผู้อ่อนแอกว่า คือต้องถอยครับ ไม่ใช่ตั้งรับ หรือปะทะ
ซ้ำการถอยหรือการสลายตัว ต้องทำอย่างมีระเบียบแบบแผน
จะต้องเป็นการถอยหรือสลายตัวที่พร้อมจะรวมตัวทำการรุกกลับได้ทุกเมื่อ
เหมือนน้ำในแอ่ง เมื่อถูกกวาดออกไป ก็พร้อมที่จะไหลกลับมารวมตัวกันใหม่ได้อีก
ยุทธวิธีนี้ คอมมิวนิตส์เคยใช้ได้ผล และสร้างความปวดหัวให้กับทหารมาแล้ว
เขาเรียกว่า “มึงมาข้ามุด มึงหยุดข้าแหย่ มึงแย่ข้าตี”
สงครามมวลชน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยึดพื้นที่ และต้องรักษาไว้จนตัวตาย
สงครามมวลชน สิ่งที่ต้องยึดและรักษาไว้คือ “ความชอบธรรม”
อันจะเป็นประโยชน์ในการขยายแนวร่วม
กลยุทธ์ที่ใช้จึงต้องเป็นไปในลักษณะการสร้างภาพเชิงบวก
งดเว้นการกระทำใดๆอันจะก่อให้เกิดภาพเชิงลบขึ้น
ยก ตัวอย่าง มีเสื้อแดง 10 คน ทำการยึดรถเมล์มาเพื่อจะเผา แต่มีเสื้อแดง 50 คน ช่วยกันจับเสื้อแดง 10 คนนั้นมาสอบสวนว่าทำไมจึงทำอย่างนั้น เป็นเสื้อแดงเทียมที่ปลอมตัวมาสร้างความรุนแรงอันเป็นภาพเชิงลบหรือไม่?
หาก ใช่จับตัวแถลงข่าวและส่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หากเป็นแดงแท้แต่กระทำการหุนหันพลันเล่นด้วยอารมณ์ ก็ทำการตักเตือนและให้แนวคิดและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง คืนรถเมล์เขาไป
ดังนี้เป็นการยากที่จะมีใครมาสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายได้
และจะเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่บนความชอบธรรม
อีกประการเคยให้ความเห็นเรื่องสื่อไว้ว่า
เบื้องแรกการปกปิดและบิดเบือนข่าวของสื่อ เป็นผลดีกับคนเสื้อแดง
เพราะจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คน ทำให้เสื้อแดงสามารถขยายแนวร่วมได้ง่าย
แต่ในเบื้องปลาย คือเมื่อเปิดศึก หากยังปล่อยให้สื่อถูกควบคุมโดยฝ่ายตรงข้าม
และยังทำการปกปิดและบิดเบือนข่าวอย่างไม่เป็นกลาง
จะเป็นเหตุไปสู่การนองเลือด
เหตุที่แสดงความเห็นเสียยืดยาว เพราะทราบดีว่า สงครามยังไม่จบ
ยังคงมียกที่สองรออยู่ข้างหน้า
จึงหวังว่าความเห็นที่แสดงนี้น่าจะเป็นสาระ เป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงต่อไป
เบาะแสค้นหาผู้สูญหายสงกรานต์เลือด
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 เมษายน 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์: จากเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยระหว่างวันที่12-14เม. ย.2552 รัฐบาลผูกขาดการเสนอข่าวว่าในการปราบปรามดังกล่าว ไม่มีผู้ชุมนุมตายเลยสักคน แต่ก็มีรายงานข่าวว่ามีคนตายและสูญหายจำนวนมาก ไทยอีนิวส์รวบรวมเบาะแสเฉพาะจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่ข่าวลือโคมลอยดังต่อไปนี้
ภาพข่าว วิดิโอคลิปสลายการชุมนุม-ผู้บาดเจ็บจากดินแดง ระบุเห็นผู้ชุมนุมเสียชีวิต6คนจากM16 แล้วทหารลากศพไป ( คลิ้ก )
-ผู้รอดชีวิตเหตุการณ์ปราบปรามประชาชน เล่าด้วยใบหน้านองน้ำตา ( คลิ้ก )
-ภาพข่าวBBC การ์ดของอภิสิทธิ์ชักปืนกลอูซี่ยิงในเหตุการณ์ผู้ประท้วงเสื้อแดงที่กระทรวงมหาดไทย ( คลิ้ก )
-ทหารใช้M16ยิงปะทะกับเสื้อแดง วันที่ 13 เมษายน (คลิ้ก )
วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร ผู้เขียนลับลวงพราง:เกิดการเสียชีวิตขึ้นจริงที่ดินแดง
“... จากข้อมูลซึ่งเราได้จาก Indirect Source ก็คือจากทหารซึ่งรู้จักทหารที่ปฏิบัติการอีกที เพราะทหารที่เขาเป็นพี่น้องหรือเป็นอดีตเจ้านายผู้บังคับบัญชากันนี่ เขาจะเล่าให้ฟังในสิ่งที่เป็นความจริง แล้วคนที่รับข้อมูลมาเขามาเล่าให้เราฟังครั้งหนึ่ง จากที่ตรวจสอบนี่ก็มี 2-3 คนที่พูดตรงกันว่า มันเกิดการเสียชีวิตขึ้นจริงในบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง"
ที่มา:TPBS
จตุพร:มีคนบาดเจ็บสลบไปถูกนำขึ้นไปไว้บนรถจีเอ็มซี ฟื้นมาพบศพเต็มไปด้วยคราบเลือดนับ 10 ศพ
นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย "ผมยันยืนยันว่ามีคนตายจำนวนมาก และมีคนบางคนถูกจับไปไว้บนรถ ยีเอ็มซี ของทหารเพราะสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมาก็พบคนที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเต็มไปด้วยคราบเลือดนับ 10 ศพ และสังเกตเห็นว่าอยู่ระหว่างเส้นทางไป จ.ลพบุรี จึงตัดสินใจกระโดดตรงทางขึ้นคอสะพาน ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเอาตัวรอดแล้วเอารายละเอียดมาเล่าให้ฟังได้ทั้งหมด บัดนี้แม้ว่าผมจะเป็นอะไรไป เขาได้บันทึกรายละเอียดเป็นวิดิโอไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ผม" นายจตุพร กล่าว
ส.ส. สัดส่วน กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันได้หรือไม่ว่า ทหารไม่ได้ยิงพี่น้องประชาชน ถ้าพล.อ.อนุพงษ์ และพ.อ.สรรเสริญ ยังยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธสงคราม ตนจะนำพี่น้องประชาชนที่ถูกยิง M 16 มาแสดงให้พล.อ.อนุพงษ์รับผิดชอบอย่างไร ทั้งนี้ต้องใช้เวลาให้พี่น้องประชาชนมาแจ้งว่ามีพี่น้อง หรือญาติสูญหาย หรือเสียชีวิต กี่คน เพราะมีหลายคนมีคลิปวิดิโอถึงภาพเหตุการณ์ชัดเจน จึงมองว่า พล.อ.อนุพงษ์ พูดกับกล้องทีวีได้ แต่ตนขอให้ไปพูดต่อหน้าพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช และหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
ที่มา:มติชน
โฆษกเพื่อไทย:2ศพลอยเจ้าพระยาเป็นการ์ดเสื้อแดง ญาติถูกบีบให้รีบเผาศพ
นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯพูดภาพดูดี แต่นายกฯต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ โดยเฉพาะประเด็นที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 รายที่บริเวณชุมชนนางเลิ้งเท่านั้น และไม่ได้เกี่ยวกับการชุมนุม แต่ที่ผ่านมา ญาติของผู้เสียชีวิต 2 ศพที่ลอยในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มาแจ้งว่าบุคคลทั้ง 2 คน ได้ไปเป็นการ์ดอาสาของคนเสื้อแดง ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ซึ่งคำพูดญาติผู้เสียชีวิตไม่ตรงกับกับคำพูดนายกฯโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ ญาติผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า มีหลายฝ่ายบีบให้ญาติรีบเผาศพด้วย
ที่มา:มติชน
ออฟ พยานผู้รอดตาย:2ศพที่มหาดไทย อีกหลายศพที่ดินแดงร่วงเป็นใบไม้หล่น ผู้หญิงคนหนึ่งแย่งมาได้แค่กางเกงศพสามีเธอ
วัน ที่ 12 เมษายนช่วงบ่ายที่กระทรวงมหาดไทย การ์ดของอภิสิทธิ์ยิงฝ่ายเราผู้หญิงโดนที่หัว2คน แล้วโดนลากศพเข้าไปในกระทรวง พวกเราจะไปแย่งศพ โดนมันเอาปืนตบหน้า
ตอนตีสี่วันที่13เมษายนที่ดินแดง TAXIก็เข้าไปชนรถถัง ชนทหารล้มไป1คน ทหารก็กราดยิงแท็กซี่ และนำศพคนขับแท็กซี่ลงมาไปขึ้นรถGMC
ต่อ มาทหารก็ตั้งแถวเข้ามา ตอนแรกทหารก็ยิงแก๊สน้ำตามาก่อน พวกเราก็หมอบ แต่โดยไม่คาดคิดทหารก็กราดกระสุนใส่มาไม่ยั้ง เราก็หล่นลงเป็นใบไม้ร่วง โดยคนที่อยู่ข้างหน้าโดนก่อน ผู้หญิงคนหนึ่งไปลากศพสามีเขากลับมา แต่ได้เฉพาะกางเกงมา ทหารลากเอาศพสามีเขาไป เราก็ไม่คาดคิดว่าทหารจะกราดยิงมา เราก็ต้องหนีตาย บางคนก็หล่นตอนวิ่งหนีก็มี อีกคนโดนที่หัวใจเราก็ยกขึ้นรถกระบะไปปั๊มหัวใจ
ต่อมาก็ได้ยินว่าทหารขนศพไปทางยีเอ็มซี และมีแม่ค้าโทรมาแจ้งว่าขนใส่รถขนขยะไป 2 ศพ
ที่มา:วิทยุสนามหลวงคุยข่าว
ประวิตร โรจนพฤกษ์ นักข่าวThe Nation:มันโหดจริงนะ เขาจะเอาศพผัวมันยังไม่ให้ พวกนี้เขามาด้วยใจจริงๆ นะ
ผู้หญิงเสื้อแดงบริเวณนั้น
“มันโหดจริงนะ เขาจะเอาศพผัวมันยังไม่ให้ พวกนี้เขามาด้วยใจจริงๆ นะ”
ไพรวัลย์ เพชรพินิจ คนเสื้อแดงจากสระแก้วบอกกับผู้เขียนว่า
“ผมเห็นคนขับรถเมล์โดนยิง คนขับฟุบพวงมาลัย แต่พวกเราโดนรุกก่อน”
ผู้หญิงอีกคนพูดทั้งน้ำตา
“ช่วยพวกเราด้วย เขาฆ่าคน เขาเอาศพไป รัฐบาลบอกไม่ได้เอา... เขาโกหก”
ที่มา:บันทึกคำพูดของคนในเหตุการณ์เมษาเลือด จากประชาไท
หลวงพ่อให้สัมภาษณ์:"ฉันเห็นทหารยิงพระและประชาชนที่ดินแดง"
" ฉันเห็นคนล้มลง เมื่อทหารยิงเข้าใส่พวกเขา โดยมีคนอื่นวิ่งหนีไป คนที่ล้มลงคนหนึ่งเป็นพระ และมีเด็กอยู่ที่นั่นด้วย ฉันไม่รู้ว่าพระรูปดังกล่าวมาจากวัดไหน ฉันเห็นทหารเขาเก็บคนไปประมาณ 10 คนจากพื้น และบรรทุกไปในรถบรรทุกสีฟ้าจางๆเกือบขาว แล้วเขาก็ล้างเลือดออกจากถนน"
ที่มา:เวบไซต์สำนักข่าวอิสระ
สนนท.:ในเบื้องต้นมีคนตายประมาณ 60 กว่าคน
น. ส.สุวลักษณ์ หลำอุบล กรรมการบริหารสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)ในเบื้องต้นทราบข้อมูลจากการพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากว่ามีคน ตายประมาณ 60 กว่าคน แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ดังนั้นศูนย์ฯจะเร่งหาหลักฐานมาพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้
ที่มา:คำสัมภาษณ์ ในไทยอีนิวส์
อนึ่ง สนนท.ได้จัดตั้ง ศูนย์รับเรื่องราวข้อมูลคนหายในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเดือนเมษายน ญาติหรือพยานสามารถแจ้งได้ดังนี้
-ทางตรง จะตั้งโต๊ะรับเรื่องที่อนุสรณ์สถานตั้งแต่เวลา 09.00-17.00น. ทุกวัน โดยความอนุเคราะห์ด้านสถานที่ของ
รศ.สุรัสวดี หุ่นพยนต์ กรรมการมูลนิธิ 14 ตุลา
-ทางเว็บไซต์ ได้เปิดเวบไซต์ http://13aprilfact.orgให้เข้าไปกรอกข้อมูลแจ้งได้โดยสะดวก
-ทางอีเมลล์ webmaster@13aprilfact.org ,octnet74@gmail.com
-ทางโทรศัพท์ 083-812-5659
เสื้อแดงตายสิบเกิดแสน นัดรวมพลสู้ใหม่
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา บอร์ดประชาไท
19 เมษายน 2552
เสื้อ แดงฟื้นชีพไม่ยอมแพ้รัฐบาลโจร จันทร์นี้นัดเปิดตัว4แกนนำสานต่อภารกิจโค่นอำมาตย์ต่อจากแกนนำที่ถูกจับ พร้อมเปิดวิดิโอทหารลั่นกระสุนสังหารผู้ชุมนุมตายที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นัดทำบุญวีรชนที่สามเหลี่ยมดินแดงวันพฤหัสฯ พร้อมกลับมาชุมนุมอีกหนนอกพื้นที่พรก.ที่สมุทรสาครเสาร์หน้า จตุพรนัดผู้ต้องหา3แสนคนเข้ามอบตัวพร้อมกันสัปดาห์หน้า จักรภพประกาศลั่นกับสื่อต่างประเทศไม่ขอยอมแพ้
แกนนำ เสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ที่ไม่ได้ถูกจับกุม หรือเข้ามอบตัวต่อรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง
"ทักษิณ"แนะแก้เกมทะลวงการปิดล้อมด้านสื่อ เร่งรวมหลักฐานจากประชาชน
มติชนรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา โดยพ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า มีความจริงเพียงอย่างเดียว ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การเผารถเมล์หรือสถานที่ราชการ เป็นฝีมือของคนในรัฐบาล ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยคนเสื้อแดงเป็นเพียงเหยื่อของสถานการณ์เท่านั้น
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังบอกให้ตนระมัดระวังตัว และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนนำหลักฐานมาให้คณะทำงานของพรรคเพื่อไทย เพื่อนำความจริงมาต่อสู้ ซึ่งเมื่อพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดไม่เป็นความจริง คนไทยทั้งประเทศก็จะรู้ว่าตัวเองเสียรู้และจะจัดการรัฐบาลเอง
นายจตุ พร กล่าวว่า รัฐบาลใช้ประโยชน์จากซากศพวีรชน ที่พลีชีพ ในช่วงสงกรานต์มากไปแล้ว จึงเป็นหน้าที่พวกตน ในการระดมข้อเท็จจริงที่มีการแจ้งเบาะแสมา ส่วนพยานที่รอดชีวิตนั้น หากมาเปิดตัวตอนนี้ จะไม่ปลอดภัย ตนกำลังจัดระบบความปลอดภัยให้เรียบร้อย ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชชอบเรื่องนี้จะนำบุคคลเหล่านั้นมาแถลงข่าวเอง
จตุพรปูดเนวินโผล่เพชรบุรีซ.7วันเดียวกับยิงมัสยิด
นาย จตุพร กล่าวว่าขอตั้งคำถามว่าวันที่ 14 เมษายน นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ไปปรากฎตัวทำไมบริเวณถนนเพชรบุรีซอย 7 ซึ่งมีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงยิงมัสยิด ย่านกิ่งเพชร เหมือนที่นายเนวิน เคยไปปรากฎตัวที่พัทยา จ.ชลบุรี และกรณีนี้อาจจะเป็นการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดงอีกอย่างหนึ่งเหมือนกรณีรถ เมล์ที่มีคนขับมาคนเดียวฝ่าด่านทหารเข้ามาอย่างง่ายดาย แล้วเอามาเผา เพราะไม่เคยมีหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับการบุกยึดรถเมล์ในวันเกิดเหตุเลย นอกจากนี้ฆาตรกรที่ฆ่าชาวบ้านย่านนางเลิ้ง 2 ศพก็ได้ไปปรากฎตัวนั่งร่วมในงานศพราวกับเป็นญาติสนิท แต่ก็ดีใจที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ออกมาบอกว่าฆาตรกรเป็นลูกน้องของใคร
จักรภพตระเวณให้ข้อมูลจริงกับนักข่าวต่างประเทศ
สำหรับ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับแต่ยังไม่ได้เข้ามามอบตัวนั้นก็ยังได้ ติดต่อพูดคุยกันบ้าง แต่นายจักรภพ นั้นยังไม่สามารถเข้ามามอบตัวได้ เพราะยังติดภารกิจเรื่องการชี้แจงกับสื่อต่างประเทศ กรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง อีกทั้งการยังไม่เข้ามมอบตัวในเวลานี้เพราะที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่เคยเข้ามามอบตัวเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงไม่จำเป็นที่นายจักรภพ จะต้องเข้ามามอบตัวเวลานี้
ล่าสุดนายจักรภพให้สัมภาษณ์BBCว่ากลุ่มเสื้อแดงไม่ยอมแพ้ http://www.youtube.com/watch?v=YpuurYj_TAEต่อรัฐบาล
นัดเสื้อแดง3แสนคนเข้ามอบตัวพร้อมกัน
สำนักข่าวINNรายงานว่า นายจตุพร วิจารณ์ว่า รัฐบาลได้ใช้ 2 มาตรฐาน ในการออกหมายจับ ระหว่างการดำเนินการกับกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง เพราะเสื้อแดงนั้นชุมนุมปิดถนน เป็นเพียงความผิดเล็กน้อย แต่เสื้อเหลืองนั้น มีการปิดสนามบินต่างจังหวัด 4 แห่งและปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง แต่ไม่มีการออกหมายจับ ซึ่งการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ออกมาพูดอย่างเดียวว่าให้ความเป็นธรรม แต่ข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ดังนั้น คนเสื้อแดง จำนวน 3 แสนคน จะเข้ามอบตัวกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. โดยให้นัดหมายมาว่า ภายในสัปดาห์หน้า วันไหนสะดวก ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงพร้อมเข้ามอบตัว และรัฐบาล จะแยกแยะได้อย่างไรว่า ใครมีความผิดหรือไม่
นปช.เปิดตัว4แกนนำนัดหมายชุมนุมสัปดาห์หน้านอกพื้นที่พรก.ฉุกเฉิน
นาย สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ นปช.อีกรายเปิดเผยว่า จะประกาศเปิดตัวแกนนำนปช.สานต่อภารกิจของแกนนำที่ถูกดำเนินคดี กำหนดการนัดหมายแถลงข่าว เรียกร้องให้ยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน หยุดสองมาตรฐาน หยุดคุกคามสื่อ พร้อมทั้งแฉหลักฐานภาพทหารยิงคนเสื้อแดงตาย ดังกำหนดการต่อไปนี้
1. วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 52 เวลา 13.00 น.ที่ห้องสีดา โรงแรมรัตนโกสินทร์ แถลงข่าว สานต่อภารกิจนปช.ต้านอำมาตยาธิปไตย ประกาศเปิดตัวแกนนำนปช.ในสถานการณ์เฉพาะหน้า 4 คน เพื่อเดินหน้าผลักดันการเคลื่อนไหวของนปช. พร้อมนำเสนอภาพวีดีโอทหารยิงเสื้อแดงเสียชีวิต ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน
2. วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 52 เวลา 10.00 น. ขอเชิญผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เสียหาย ผู้รักความจริง คนเสื้อแดง เสื้อทุกสี ผู้รักประชาธิปไตย ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตที่สามเหลี่ยมดินแดง ใครมีหรีด ดอกไม้ สื่อสัญลักษณ์นำมาด้วย ใครมีอาหารนำมาแจกจ่ายผู้เข้าร่วม ร่วมกันทำบุญ
3. วันเสาร์ที่ 25 เมษายน 52 เวลา 18.00 - 22.00 น.เชิญชวนทุกท่าน ผู้รักความเป็นธรรม ประชาชนทุกท่าน ชุมนุมใหญ่ ต้านพรก.ฉุกเฉิน หยุดสองมาตรฐาน ที่จังหวัดสมุทรสาคร
ฟื้นฟู พลังประชาธิปไตย ก้าวส่มิติใหม่ ของนปช. สนับสนุนกิจกรรมและการเคลื่อนไหวสมทบทุนบริจาคเงินในนามของแนวร่วม ประชาธิปไตยแห่งชาติ เลขที่บัญชี208-206-680-4 ธนาครไทยพาณิชญ์สาขาย่อยเซ็นจูรี่
ติดต่อสอบถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น ยืนยันการเข้าร่วมมาที่ 089-5007232
ตำรวจใหญ่เผย ทหารอุ้ม 19 เสื้อแดงขึ้น ยีเอ็มซี
19 เมษายน 2552
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันนี้ (19 เม.ย.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงถึงกระแสข่าวการทหารอุ้มกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงบริเวณแยกดินแดงขึ้นรถจี เอ็มซีหายไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจริงจำนวน 19 คน หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารสลายการชุมนุมเพื่อเปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวตอน เวลา 04.00น. วันที่ 13 เม.ย.ที่่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.อำนวย ระบุว่า ช่วงแรกควบคุมได้ 12 คน ประกอบด้วย นายประจวบ วิทยา นายไพโรจน์ งามเศษ นายภูมิทักษ์ งอนสวรรค์ นายสมบูรณ์ วิทยาวงศ์ นายกฤษฎา ยังดี นายปิติธณพร พันเดช นายมนตรี แก้วเข้ม นายจารึก ถนอมผล นายวีระ เยี่ยมสมบุญ นายสมชาย บุญเพ็ง นายสุวิรัตน์ วิริยะพินิจสกุล และนายธีรพงษ์ นำสิทธิ์ ต่อมา ตอน 10.00 น. จับกุมอีก 7 คน มีนาย อำพล กระต่ายทอง นายโกศล ธีรธรรมกรณ์ นายสุวัฒน์ วันชัย นางหนูภักดิ์ เนาวราช นายวสันต์ ดาบุตร นายทองสุข ดีสุ่ย และนายจันทร์ ปวนมูล และนำตัวขึ้นรถจีเอ็มซีไปจริง
รอง ผบช.น.ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดไปควบคุมที่ศูนย์กลางทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในเขตท้องที่ กทม. หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยละกระทำการอย่างใด ๆ ที่เป็นการปิดการจราจรปิดเส้นทางคมนาคมหรือกระทำการอื่นใดๆ ทำให้ไม่อาจให้เส้นทางคมนาคมได้ตามปกติในทุกเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉิน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น พ.ต.ท.สุภัทร ทองส้ม พนักงานสอบสวน(สบ3) สน.ดินแดง เดินทางไปสอบปากคำ ก่อนนำทั้งหมดส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือ โดยมีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 4 คน ศาลจึงสั่งให้ดำเนินการสืบเสาะประวัติ ส่วนที่เหลืออีก 15 คน ได้ผัดฟ้องฝากขัง แต่ไม่ทราบว่าได้ประกันตัวหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ประกันคงถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ
"มีการจับกุมกลุ่ม ผู้ชุมนุมขึ้นรถจีเอ็มซีจริง ผมขอยืนยันว่าไม่มีผู้สูญหาย โดยมีรายชื่่อผู้ถูกจับกุมทั้งหมด ซึ่งมีหลักฐานสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้" รอง ผบช.น.กล่าวอย่างหนักแน่น
ฟ้องด้วยภาพ สื่อโยนบาปเสื้อแดงเป็นผู้ร้าย
ที่มา คุณปิงปอง บอร์ดประชาไท
20 เมษายน 2552
ข่าว สำคัญที่สื่อกระแสหลักส่งสารไปยังสาธารณชนพร้อมเพียงกันในเหตุการณ์ระหว่าง วันที่13-14เม.ย.ก็คือ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ไปก่อเรื่องก่อเหตุวุ่นวายสร้างความเดือดร้อนเสีย หายให้แก่ชาวกรุงเทพฯหลายๆจุด จนชาวกรุงเทพฯต้องรวมตัวกันป้องกันตัวเอง และออกมากำหราบปะทะม็อบเสื้อแดงด้วยมือตนเอง จนนำไปสู่ความชอบธรรมในการล้อมปราบผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่แกนนำการชุมนุมได้ชิงยุติการชุมนุมก่อนเพื่อเลี่ยงการนองเลือด
เหตุการณ์ สำคัญตอนหนึ่งก็คือการโหมข่าวเรื่องม็อบเสื้อแดงนำรถแก๊สไปจอดไว้ใกล้แฟลต ดินแดง ซึ่งสื่อกระแสหลักโหมเรื่องนี้ว่าทำให้ชาวแฟลตโกรธแค้นผู้ชุมนุม และเนื่องจากห่วงสวัสดิภาพของตนเอง กับต้องการปกป้องชุมชน จึงได้ออกมาจัดการพวกเสื้อแดงที่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้ ดังปรากฎภาพข่าวหน้า1ของไทยรัฐในฉบับวันรุ่งขึ้น(14เม.ย.)
คุณปิงปอง นามแฝงของสมาชิกประชาไท ได้จับผิดข่าวนี้และตั้งกระทู้ในบอร์ดประชาไทว่า ความจริงแล้วภาพเหตุการณ์ที่ชาวบ้านแฟลตดินแดงป้องกันตัวเองด้วยการจิกหัว ม็อบเสื้อแดงนั้น ไม่ได้เกิดเหตุที่ย่านแฟลตดินแดงแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดที่ซอยราชปรารภ12 คือบริเวณย่านประตูน้ำ ที่สำคัญชายที่ไปจิกหัวม็อบเสื้อแดง ก็อาจไม่ใช่ชาวบ้านด้วย เพราะเขาคนนี้สะพายกล้องแบบนักข่าว แต่มีการตัดต่อลบภาพกล้องออกตอนลงหน้า1ไทยรัฐ
โปดดูภาพเหล่านี้ (คลิกที่ภาพเพื่อขยายใหญ่ขึ้น)
ภาพข่าวจากไทยรัฐ-ไทย รัฐนำเสนอภาพข่าวว่า ชาวบ้านแฟลตดินแดงไม่พอใจม็อบเสื้อแดงที่นำรถแก๊สมาจอดใกล้แฟลตดินแดง จึงทนไม่ไหว ยกพวกออกมาลุยม็อบ โดยในภาพชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีเขียวจิกหัวผู้หญิงเสื้อสีแดง โดยมีเจตนาให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเหตุเกิดที่ย่านแฟลตดินแดง
ภาพเผชิญหน้าจากช่อง3-ภาพเหตุการณ์ที่ช่อง3นำเสนอคือชายเสื้อเขียวคนนี้มีสายคล้องคอกำลังจ้องหน้าผู้หญิงเสื้อแดงก่อนจะเกิดเรื่องจิกหัว
ภาพมุมกว้างช่วงเกิดเหตุ-จะ พบว่าสถานที่เกิดเหตุจริงๆนั้นอยู่แถวประตูน้ำ ตรงซอยราชปรารภ12 เหตุการณ์จริงคือผู้หญิงเสื้อแดง2คนเข้าไปต่อว่ากองทหารที่ปราบปรามประชาชน อย่างรุนแรง จากนั้นชายเสื้อเขียวตามเข้าไปก่อเหตุจิกหัว
ราชปรารภ12กับดินแดง-จะ พบว่าสถานที่เกิดเหตุจริงคือราชปรารภ12กับแฟลตดินแดงอยู่ห่างกันมากพอสมควร มากจนสื่อไม่มีเหตุที่จะต้องโยนบาปให้คนเสื้อแดงว่านำรถแก๊สไปจอดใกล้แฟลต ดินแดง ทำให้ชาวแฟลตต้องลงมาจิกหัวคนเสื้อแดง
ภาพจริงก่อนลงไทยรัฐ-ภาพ จากโทรทัศน์ชี้ว่าชายเสื้อเขียวที่จิกหัวผู้ชุมนุมหญิงเสื้อแดงนั้นมีกล้อง และสะพายกระเป๋ากล้องอยู่ แต่พอนำไปลงไทยรัฐมีการลบภาพกล้องกับกระเป่ากล้องออก...เป็นไปได้ไหมว่าชาย คนนี้อาจเป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์เสียเอง และสื่อได้กุข่าวขึ้นมาเพื่อหวังจะป้ายสีคนเสื้อแดง เพื่อสร้างความโกรธแค้นเกลียดชังต่อสาธารณชน และเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการปราบปรามเสื้อแดง
ทำบุญอุทิศวีรชนดินแดงพฤหัสฯนี้ เสื้อแดงชุมนุมยกใหม่เริ่ม25เม.ย.
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา สำนักข่าวไทย
20 เมษายน 2552
จักรภพ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ลั่นการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบแน่นอน เตือนไม่มีใครคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป "สมยศ"แกนนปช.ที่ไม่โดนจับออกแถลงการณ์ยกย่องวีระ-ณัฐวุฒิตัดสินใจสลาย ชุมนุมเพื่อรักษาชีวิตผู้ชุมนุม อัดมาร์ค2มาตรฐานกวาดล้างเสื้อแดงยกเว้นโจรพันธมิตร นัดเสื้อแดงทำบุญอุทิศวีรชนสามเหลี่ยมดินแดงพฤหัสฯนี้10โมงเช้า จากนั้นจัดชุมนุมต่างจังหวัด10จังหวัดก่อนรุกเข้ากรุง เริ่มเสาร์นี้ที่สมุทรสาคร
จักรภพให้สัมภาษณ์สื่อนอกการต่อสู้ยังไม่จบ
วันนี้ (20 เม.ย.) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย โดยระบุถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
“ตอนนี้ผู้คนกำลังหงุดหงิดอย่างมากและพร้อมที่จะสู้ต่อ เราคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเยอะ และการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบอย่างแน่นอน” นายจักรภพให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์จากสถานที่ซึ่งไม่เป็นที่เปิด เผย
แกนนำ นปช.ยังกล่าวด้วยว่า “เราวางแผนว่าจะเคลื่อนไหวใต้ดินนานตราบเท่าที่ทำได้ การเคลื่อนไหวในประเทศไทยนั้นเกินจุดที่จะหยุดพักไปแล้ว แต่มันถึงจุดที่ต้องการการเข้าร่วมกันอย่างใหญ่หลวงของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เมื่อเกิดพลวัตทางการเมืองเช่นนี้ขึ้นแล้วก็ไม่มีใครคาดเดาออกว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป”
นปช.เตรียมชุมนุมใหญ่ต่างจังหวัดก่อนเข้า กทม.
ช่วง บ่ายวันนี้ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แกนนำนปช.ที่ไม่ถูกหมายจับได้จัดแถลงข่าวเปิดเผยว่า เตรียมทำบุญใหญ่สามเหลี่ยมดินแดง 23เม.ย.นี้ เปิดวีซีดีเหตุการณ์ผลักดันการชุมนุม เชื่อมีผู้เสียชีวิต เรียกร้องรัฐบาล ผบ.ทบ. ผบ.ตร. ผบช.น.ลาออก รวมทั้งยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เตรียมจัดชุมนุมใหญ่ที่ จ.สมุทรสาคร พร้อมหมุนเวียนอีก 10 จังหวัด ก่อนกลับมาชุมนุม กทม.
แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงถึงท่าที นปช. กรณีการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมทั้งได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “ท่าที นปช.ต่อการใช้ความรุนแรงขั้นสูงสุดปราบปรามผู้ชุมนุม” พร้อมทั้งเปิดวีดีโอที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เมษายน ยิงผู้ชุมนุมเสื้อแดงเสียชีวิต บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
แถลงการณ์ยกย่องแกนนำรักษาชีวิตผู้ชุมนุม-อัดรัฐบาล2มาตรฐาน
แถลงการณ์ ระบุว่า นปช.ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของ กำลังทหาร และขอยกย่องนายวีระ มุกสิกพงษ์ ,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช.ที่ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่นการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ปิดถนน ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งยังไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มพธม.แม้แต่คนเดียว แต่กลับคนเสื้อแดงได้มีการออกหมายจับอย่างต่อเนื่อง ส่วนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ปราบปรามประชาชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเป็นเผด็จการฟาสซิสต์ตัวจริง
นายสมยศ กล่าวว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลให้ยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทันที พร้อมเร่งรีบค้นหาบุคคลสูญหาย คนเจ็บและตาย เยียวยา ชดเชยความเสียหายจากการชุมนุมอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด หยุดคุกคามสื่อ แกนนำและประชาชนเสื้อแดง โดยเฉพาะการออกหมายจับ รวมทั้งเร่งจับตัวคนที่ยิงประชาชนมาลงโทษโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก รวมถึงผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ลาออกด้วย
เผยมียอดแจ้งผู้สูญหายจากเหตุการณ์แล้ว30คน
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า นายสมยศ ได้เปิดวีซีดีภาพเหตุการณ์การผลักดันการชุมนุมยาวประมาณ 5 นาที พร้อมระบุว่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่ได้มาจากบุคคลที่อยู่ใกล้เหตุการณ์มากที่สุด แต่ไม่ขอเปิดเผยว่า ได้มาจากใคร เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ซึ่งวันที่ 27 เมษายนนี้ จะเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งว่า ใครก่อความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับแจ้งยอดผู้สูญหายประมาณ 30 คน เป็นข้อมูลจากศูนย์รับแจ้งคนหายของ สนนท.และพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ นปช.จะเดินหน้าหาความจริงเพื่อนำมาเปิดเผยต่อไป
นายสมยศ กล่าวว่า การยึดรถเมล์และเผายางรถยนต์ ยืนยันได้ว่าในระหว่างที่ตนอยู่กับแกนนำคนอื่น ๆ เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นที่รับรู้ของแกนนำ
ทำบุญใหญ่วีรชนที่ดินแดง23เม.ย. เริ่มชุมนุมใหญ่10จังหวัดก่อนบุกกรุง
นาย สมยศ กล่าวด้วยว่า วันที่ 23 เมษายนนี้ เวลา 10.00 น. ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง นปช.จะร่วมกันทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เชื่อว่าเสียชีวิตใน เหตุการณ์ผลักดันการชุมนุม และในวันที่ 25 เมษายน เวลา 18.00-23.00 น. นปช.จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ จ.สมุทรสาคร ส่วนจะเป็นที่ใดนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางจังหวัด และครั้งต่อไปคาดว่าจะชุมนุมที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งทุกสัปดาห์จะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมสลับไปทุกจังหวัด และเมื่อครบ 10 จังหวัด ก็จะเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ
ABS-CBN - Thai political crisis points at deep divisions: วิกฤติการเมืองไทยบ่งชี้ถึงความแตกแยกที่หยั่งลึก
แปลโดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
20 เมษายน 2552
วิกฤติการเมืองไทยบ่งชี้ถึงความแตกแยกที่หยั่งลึก
เหตุการณ์ ซุ่มยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญของไทยไม่กี่วันหลังจากมีการปะทะกัน ระหว่างกองทหารกับผู้ชุมนุมได้เผยโฉมความขัดแย้งที่หม่นหมองในกลุ่มชนชั้น สูงออกมา
เหตุการณ์ล่าสุดของวิกฤติที่ยืดเยื้ออยู่หลายปีในราช อาณาจักรยังไม่บ่งบอกว่าจะเป็นวิกฤตสุดท้าย เพราะทุกรัฐบาลยังเมินเฉยต่อความขัดแย้งทางชนชั้นและส่วนตัวที่หยั่งลึกลง ทุกวันทำให้ความวุ่นวายไม่จบเสียที
มองเผินๆ การประท้วงล่าสุดโดยผู้ที่สนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่รู้จักกันในนาม "เสื้อแดง" เป็นการโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นพวกนิยมเจ้า "เสื้อเหลือง" ที่โจมตีรัฐบาลที่เป็นพันธมิตรของทักษิณ
นักวิเคราะห์เที่ชี่ยวชาญ ทางเอเซียอาคเนย์ นาย Michael Montesano กล่าวว่า แต่จุดล่มสลายของปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ชนชั้นสูงหลายกลุ่มเกรงกลัวว่าพวก เขากำลังสูญเสียอำนาจ และการที่มีการเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมโดยคนยากจน
“มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นใต้พื้นผิว” กล่าวโดยนาย Montesano จาก National Univerrsity of Singapore
“เรา มีประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์น้อยลงทุกวันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ได้รับ ข้อมูลมากขึ้นอย่างไม่มีมาก่อน -- และนี่คือสิ่งที่ทำให้บ่อนทำลายสำหรับอำนาจเก่า”
พันธมิตรฯที่ใส่ เสื้อเหลืองเป็นตัวแทนของกลุ่มชนชั้นสูงเก่าและรวมตัวกันครั้งแรกเพื่อ ต่อสู้กับอิทธิพลของทักษิณในปี 2549 และปัจจัยช่วยทำให้เกิดการรัฐประหารโดยทหารที่โค่นเขาในปีนั้น
แต่ ถึงแม้ว่าจะมีทหารหนุนหลัง ในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาพันธมิตรฯยังได้เรียกร้องให้มีการโยกย้ายทหารและได้ กล่าวหาว่า “บุคคลในเครื่องแบบ” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพยายามสังหารผู้นำของพวกเขา นายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
การกล่าวหานี้ยกระดับความซับซ้อนของความขัด แย้งของผู้รักษาความสงบในระดับสูง -- ซึ่งตอนนี้ได้แตกออกมาเป็นทหารของชนชั้นสูงและตำรวจที่สนับสนุนทักษิณ
จาก แหล่งข่าวใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ กล่าวว่าการที่เขาเข้ามามีบทบาททางการเมืองจากภาคเหนือซึ่งเป็นที่ที่เขาริ เริ่มธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ได้เขย่าขวัญอำนาจเก่าของชนชั้นสูงซึ่งรู้สึกว่าเขาแย่งชิงผลประโยชน์ในส่วน ของพวกเขาไป
พ.ต.ท.ทักษิณได้ถูกกล่าวหาและต่อมาถูกตัดสินว่ากระทำผิด จากการคอร์รับชั่น แต่ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงกว่านั่นคือการท้าทายสถาบันกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพ รักและปกป้องโดยกฏหมายหมิ่นที่เคร่งครัด ได้ถูกนำมาใช้ช่วงแรกแต่ไม่มีมูล กล่าวโดยผู้เขียนประวัติส่วนตัวของเขา นาย Chris Baker
แต่หลังจาก นั้น ทักษิณได้ถูกผลักให้ไปสู่สภาวะล่อแหลม นาย Baker กล่าว ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกยึดโดยรัฐและไม่สามารถกลับสู่ประเทศเพราะเขาได้รับโทษ จำคุก ทำให้เขายิ่งเป็นนักปฏิวัติเพิ่มมากขึ้น
“พวกเขา (ชนชั้นสูงเก่า) อยู่ในสภาวะอันตรายจากการกระทำของพวกเขาเอง” เขากล่าว “แน่นอนตอนนี้... ทักษิณดูเป็นนักปฏิวัติจริงๆ”
ใน ระหว่างการชุมนุมครั้งล่าสุดโดย “เสื้อแดง” พ.ต.ท.ทักษิณได้กระตุ้นให้เกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงโดยการกล่าวหาที่ ปรึกษาที่สำคัญ 2 คนของกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช อดีตนายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ว่าอยู่เบื้องหลังการก่อให้เกิดการรัฐประหารปี 2549
การกล่าวโทษที่ใกล้สถาบันฯอย่างนั้นถูกประณามโดยรัฐบาลและทหารอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนทราบดีว่ามีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถาบันฯนี้และไม่สามารถพูดถึงได้” นาย Montesano กล่าว
แต่ คนไทยที่มีฐานะยากจนกว่าที่บุกเข้าไปในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อสุด สัปดาห์ที่แล้วก่อนที่จะขัดขืนภาวะฉุกเฉินด้วยการต่อสู้บนถนนกับทหาร ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อทักษิณอย่างเดียว แต่เพื่อต้องการความยุติธรรมด้วย นักวิเคราะห์ทั้งหลายเห็นด้วย
การอพยพของพวกเขาเข้ามาในเมืองจากใจ กลางชนบทในสองทศวรรษที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของสังคม และเศรษฐกิจและทำให้การเมืองของคนยากจนยิ่งซับซ้อนขึ้น และกระตุ้นโดยทักษิณในช่วงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นระยะหลัง
“ที่เรา กำลังเห็นระอุอยู่บนพื้นผิว... เป็นการเรียกร้องที่หนักแน่นจาก ‘เสื้อแดง’ ว่านี่เป็นสังคมที่ไม่ยุติธรรมและพวกเราทนไม่ได้อีกแล้ว”
“มันไม่ค่อยระอุขึ้นมาบนพื้นผิว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมันค่อนข้างจะน่ากลัว” นาย Baker กล่าว
แต่ นักประวัติศาสร์การเมือง นาย David Streckfuss กล่าวว่า การเยียวยาความแตกแยกของประเทศไทยนั้นต้องมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญใหม่และ การก่อตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง
“การมีรัฐธรรมนูญใหม่มันก็ดี แต่ควรกลับไปและจัดการกับรัฐธรรมนูญนั้นและมีการพิจารณาร่วมกันเพื่อพิพากษา ประวัติศาสตร์ (a day of reckoning with history) ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมการเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงหรืออะไรก็แล้วแต่”
“ประเทศไทยไม่ค่อยมีเวลาให้กับการพิพากษาร่วมกัน (a time of great reckoning)”
Thai political crisis points at deep divisions
Agence France- Presse 04/19/2009
BANGKOK - A gun attack on a leading Thai activist days after bloody battles between troops and protesters in Bangkok has brought the murky rifts among Thailand's elites to the surface, analysts say.
The most recent episode in the kingdom's years-long political crisis shows no sign of being the last, they say, as each administration has ignored the deepening class conflict and personal clashes underpinning the turmoil.
At first glance, recent protests by supporters of former premier Thaksin Shinawatra, known as "Red Shirts", were a reaction to a rival campaign by the royalist "Yellow Shirts" last year that targeted his allies in government.
But a melting pot of problems exists based on the fears of various elites that their power is being weakened, and the demands by poorer Thais for economic and social justice, said Southeast Asian analyst Michael Montesano.
"There's a lot going on beneath the surface," said Montesano from the National University of Singapore.
"You have people who have benefitted less and less from economic growth but are better informed than ever about it -- and this is very corrosive for the old order."
The yellow-shirted PAD represent traditional Thai elites and first formed to fight Thaksin's authority in 2006, helping to trigger the military coup that ousted him later that year.
But despite army backing, the PAD in recent weeks have called for a shake-up within army ranks and have pointed the finger at "men in uniform" for an assassination attempt on their leader Sondhi Limthongkul on Friday.
The accusation raises the specter of further complications in relations between the top tiers of Thai security forces -- which in rough terms have been split up to now between the elitist military and the pro-Thaksin police.
Sources close to Thaksin, a former police officer, say his arrival from the country's north, where he launched his successful business career, rattled Bangkok's old elites, who felt he was taking their share of the pie.
Thaksin was accused and later convicted of corruption, but graver charges of challenging the revered monarchy, protected by tight defamation laws, were levied and originally unfounded, said his biographer Chris Baker.
"Thaksin is a businessman who wants to make money -- why would he get involved in politics of that stupidity?" said Baker.
But since then Thaksin has been pushed to the brink, said Baker, with his two-billion-dollar fortune frozen by the state and unable to return to Thailand where he would face a prison term, making him increasingly revolutionary.
"They (old elites) have been hoisted by their own petard," he said. "Now of course... he basically is quite a revolutionary."
During recent rallies by the "Red Shirts", Thaksin provoked controversy by accusing two key aides of King Bhumibol Adulyadej, ex-premiers General Prem Tinsulanonda and General Surayud Chulanont, of triggering the 2006 coup.
The laying of blame so close to the monarchy was quickly condemned by the government and military.
"Everybody knows there's an uncertainty surrounding that institution and it can't be discussed," said Montesano.
But the poorer Thais who stormed an Asian summit last weekend before defying a state of emergency to fight street battles with soldiers in Bangkok, were not simply there for Thaksin, but also for a greater desire for justice, analysts agreed.
Their mass migration from the rural heartlands in the past two decades has exposed social and economic inequalities and made the poor increasingly politically sophisticated, egged on by Thaksin during the latest unrest.
"What we begin to see bubbling to the surface... is a very strong call by 'Red Shirts' to say this is a very unfair society and we are fed up with it.
"It so rarely bubbles to the surface that when it does it's really quite scary," said Baker.
But political historian David Streckfuss said that to heal Thailand's divisions, there needed to be a reworking of the country's constitution and some form of truth commission.
"A new constitution's OK. But go back, deal with laws in conflict with that constitution and also have the day of reckoning with history, where there's a truth commission or whatever," he said.
"Thailand has never really had a time of great reckoning."