โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา โทรทัศน์เนชั่นแชนัล และบล็อกของสุวิชา ท่าค้อ
15 มกราคม 2552
http://thaienews.blogspot.com/2009/01/exclusive_15.html
คนใกล้ชิด"สุวิชา"ผู้ต้องหาหมิ่นเผยเหตุการณ์จับกุมหนุ่มนักร่มบิน
แหล่ง ข่าวผู้ใกล้ชิดนายสุวิชา ท่าค้อ หรือนุ้ยนครพนม ผู้ต้องหาถูกตำรวจจับกุมคดีโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามเวบไซต์ ต่างๆเปิดเผย
เหตุการณ์จับกุมว่า ตำรวจได้ไปค้นบ้านพักนายสุวิชาที่กรุงเทพ แต่ไม่เจอใคร จึงตามไปจับกุมตัวที่จังหวัดนครพนม ตอนจับทีแรก ไม่�B9�รู้เรื่อง และไม่ให้มีทนายความรับทราบเลย แต่ตอนหลังไม่รู้ข่าวหลุดมาได้อย่างไร
ตำรวจ ไม่มีการแถลงข่าวการจับกุมต่อสื่อมวลชน แต่เป็นการให้ข่าวกันเอง คาดว่าข้อมูลและรูปที่นำไปโพสมาจาก เครื่อง computer ที่ตำรวจยึดไป
ครอบ ครัวของนายสุวิชาเคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แถว ๆ รามอินทรา (เขตคันนายาว) จากนั้นก็ย้ายมาอยู่นครพนม (เนื่องจากบ้านเขาเคยอยู่นครพนม) เน็ย้ายมาอยู่นครพนม (เนื่องจากบ้านเขาเคยอยู่นครพนม) เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี และลูก ๆ โตขึ้น ค่าใช้จ่ายที่กรุงเทพฯสูง จึงย้ายมาเมื่อปีที่แล้ว “เขาไม่ได้หนีการจับกุมอย่างที่เป็นข่าว แค่กลับบ้านธรรมดา ปกติจะไปทำงาน บางครั้งก็เป็นเดือน บางครั้งก็ประมาณ 2 อาทิตย์ ผลของการถูกจับครั้งนี้กระทบกับการทำงานแน่นอน เขาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับแท่นขุดเจาะ และเขา ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกติดตามอยู่ ส่วนเวปไซด์หมิ่น เราก็ไม่เคยดู ไม่เคยเห็น มีแต่เวปชมรมกีฬาร่มบินธรรมดา “
ตำรวจจินตนาการมีเครือข่ายขบวนการสมคบคิด
ส่วน ข้อกล่าวหาว่านายสุวิชาโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูงตามเวบต่างๆนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า ไม่ทราบว่าเขาโพสต์อะไรบ้าง รู้แต่ว่าเขา เคยบอกว่า เจอในเวปยูทูป และ save ลงเครื่อง และส่งต่อไปให้เพื่อน เนื่องจากมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศมาก นอกจากนั้นทราบว่าเขาก็ชอบเล่น internet โดยเฉพาะ เวปประชาไท และมีความนิยมในตัวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรเป็นการส่วนตัว “แต่ก็ไม่รู้ว่าเขา save อะไรจาก ยูทูป บ้าง”
ใน การเข้าจับกุมนั้น ตำรวจบอกว่าต้องไปสอบสวนก่อน เขายังไม่บอกข้อหาที่ชัดเจน เขาบอกว่าอยากไปสอบสวนดูว่า มีครือข่าย หรือมีผู้กระทำร่วมเป็นขบวนการหรือไม่ ต่อมาในภายหลังมีการกล่าวหา2คดีคือ คดีหมิ่นเบื้องสูง และคดีเกี่ยวกับความมั่นคง
“เขามีลูก 3 คน และเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ทำงานเลี้ยงดูทุกคน ภรรยาเป็นแม่บ้านธรรมดา เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวเขาตามมาอีกบ้าง”แหล่งข่าวกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า นายสุวิชาชอบกีฬาพารามอเตอร์(ร่มบิน)เป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ทราบว่า ทำไมเขาต้องมาเจอชะตากรรมขนาดนี้
“เขายังไม่มีทนายเลย ช่วยเขาด้วย ไม่อยากให้มีความอยุติธรรมบนแผ่นดินนี้ เขาเป็นแค่รากหญ้าหาเช้ากินค่ำ ถูกจับแบบนี้เขาไม่มีทางสู้เลย"แหล่งข่าวร้องขอความยุติธรรม
CBOX เสรีชน
15 มกราคม, 2552
"การขอที่ลี้ภัยทางการเมือง"
อ.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การขอที่ลี้ภัยทางการเมืองนั้นเป็นสิทธิของรัฐที่จะอนุญาตให้หรือไม่ให้ก็ได้ และก็เป็นสิทธิของบุคคลเช่นเดียวกันที่จะขอสิทธิลี้ภัยทางการเมือง รัฐบาลของผู้ที่จะลี้ภัยจะห้ามไม่ได้
ส่วนจะได้หรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของรัฐ ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในว่า หากมีการขอลี้ภัยทางการเมืองแล้ว รัฐนั้นต้องอนุญาตเสมอไป
สำหรับวิธีการการขอลี้ภัยทางการเมืองนั้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในของประเทศนั้นๆ ว่าได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าอย่างไร เช่น กฎหมายว่าด้วยผู้ลี้ภัย 1980 (the Refugee Act 1980) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้ที่จะขอลี้ภัยได้นั้นต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นคล้ายกับผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ 1951 คือเป็นผู้ที่หนีภัยจากการประหัตประหารจากรัฐที่ตนมีสัญชาติด้วยเหตุผลที่ว่า ตนเองมีความคิดเห็นทางการเมือง (political opinion) ที่แตกต่างกัน
เงื่อนไขต่อไปก็คือ ผู้ที่จะขอลี้ภัยนั้นต้องยื่นแบบฟอร์มตามที่กฎหมายกำหนด ขณะที่มีการเข้าประเทศนั้นต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในขณะที่กฎหมายของบางประเทศก็อาจมีการเรียกบุคคลผู้นั้นไปสัมภาษณ์
และขั้นตอนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้ผู้นั้นได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่
ใน กรณีที่รัฐให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ผู้นั้นก็จะได้สิทธิที่จะอยู่อาศัย เดินทางไปมาภายในประเทศนั้นรวมถึงสิทธิในการทำงานด้วย อีกทั้งผู้นั้นก็ยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศด้วยแต่จะต้องแจ้งให้เจ้าหนี้ ทราบและต้องปฎิบัติตามที่กฎหมายของประเทศนั้นกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วยเพื่อ รักษาสถานะของผู้ลี้ภัยทางการเมือง
สำหรับกรณีอดีตนายก ทักษิณ นั้น หากท่านขอใช้สิทธิลี้ภัยทางการเมืองและได้รับอนุญาตจากประเทศนั้น มีปัญหาว่า หากรัฐบาลไทยร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศดังกล่าว จะทำได้หรือไม่
ประเด็นนี้ทางปฎิบัติของแต่ละรัฐแตกต่างกัน กล่าวคือ บางประเทศถือหลักว่า การลี้ภัยนั้นยังอาจอยู่ในข่ายที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา แต่บางประเทศก็ปฎิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากว่าผู้นั้นได้รับสิทธิลี้ภัยทางการเมืองแล้ว
นอกจากนี้แล้วยังขึ้นอยู่กับว่า ประเทศที่ท่านขอลี้ภัยนั้นเป็นประเทศที่ษาไม่มีก็ขึ้นอยู่กับหลักต่างตอบแทนว่า ในกรณีเดียวกันประเทศไทยจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศนั้นจะมีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยก็ตาม ก็ยังเป็นดุลพินิจของฝ่ายบริหารของประเทศนั้นว่าจะส่งหรือไม่ส่ง
ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การขอที่ลี้ภัยทางการเมืองนั้นเป็นสิทธิของรัฐที่จะอนุญาตให้หรือไม่ให้ก็ได้ และก็เป็นสิทธิของบุคคลเช่นเดียวกันที่จะขอสิทธิลี้ภัยทางการเมือง รัฐบาลของผู้ที่จะลี้ภัยจะห้ามไม่ได้
ส่วนจะได้หรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของรัฐ ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในว่า หากมีการขอลี้ภัยทางการเมืองแล้ว รัฐนั้นต้องอนุญาตเสมอไป
สำหรับวิธีการการขอลี้ภัยทางการเมืองนั้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในของประเทศนั้นๆ ว่าได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าอย่างไร เช่น กฎหมายว่าด้วยผู้ลี้ภัย 1980 (the Refugee Act 1980) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้ที่จะขอลี้ภัยได้นั้นต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นคล้ายกับผู้ลี้ภัยตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ 1951 คือเป็นผู้ที่หนีภัยจากการประหัตประหารจากรัฐที่ตนมีสัญชาติด้วยเหตุผลที่ว่า ตนเองมีความคิดเห็นทางการเมือง (political opinion) ที่แตกต่างกัน
เงื่อนไขต่อไปก็คือ ผู้ที่จะขอลี้ภัยนั้นต้องยื่นแบบฟอร์มตามที่กฎหมายกำหนด ขณะที่มีการเข้าประเทศนั้นต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในขณะที่กฎหมายของบางประเทศก็อาจมีการเรียกบุคคลผู้นั้นไปสัมภาษณ์
และขั้นตอนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้ผู้นั้นได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่
ใน กรณีที่รัฐให้สถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ผู้นั้นก็จะได้สิทธิที่จะอยู่อาศัย เดินทางไปมาภายในประเทศนั้นรวมถึงสิทธิในการทำงานด้วย อีกทั้งผู้นั้นก็ยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศด้วยแต่จะต้องแจ้งให้เจ้าหนี้ ทราบและต้องปฎิบัติตามที่กฎหมายของประเทศนั้นกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วยเพื่อ รักษาสถานะของผู้ลี้ภัยทางการเมือง
สำหรับกรณีอดีตนายก ทักษิณ นั้น หากท่านขอใช้สิทธิลี้ภัยทางการเมืองและได้รับอนุญาตจากประเทศนั้น มีปัญหาว่า หากรัฐบาลไทยร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศดังกล่าว จะทำได้หรือไม่
ประเด็นนี้ทางปฎิบัติของแต่ละรัฐแตกต่างกัน กล่าวคือ บางประเทศถือหลักว่า การลี้ภัยนั้นยังอาจอยู่ในข่ายที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา แต่บางประเทศก็ปฎิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากว่าผู้นั้นได้รับสิทธิลี้ภัยทางการเมืองแล้ว
นอกจากนี้แล้วยังขึ้นอยู่กับว่า ประเทศที่ท่านขอลี้ภัยนั้นเป็นประเทศที่ษาไม่มีก็ขึ้นอยู่กับหลักต่างตอบแทนว่า ในกรณีเดียวกันประเทศไทยจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศนั้นจะมีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยก็ตาม ก็ยังเป็นดุลพินิจของฝ่ายบริหารของประเทศนั้นว่าจะส่งหรือไม่ส่ง
ปัญหาของทักษิณ ไม่ใช่เพราะซื่อบื้อ แต่เกิดจากปัจจัยภายใน ที่ตัวเองไม่ ambitious พอ
อาจจะ obvious สำหรับคนที่ติดตามการเมืองใกล้ชิด หรือพวกนักวิชาการต่างๆ
แต่ขอตั้งข้อสังเกตแบบชาวบ้านๆเนี่ยแหละ เพราะคาใจมานานแล้ว
ทักษิณ ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์นี้แล้ว ถูกฟ้อง ถูกยึดทรัพย์ ต้องระเหเร่ร่อน ครอบครัวแตกแยก ถูกทำขนาดนี้ทักษิณยังคิดรอมชอม เดินเกมมาแต่ละอย่างเนี่ย เรียกว่าไม่สะใจโก๋
แค่นี้นี่ก็โคตรชัดเลยว่า เรื่องที่ลิ้มป้ายสีว่ามันต้องการล้มล้าง อยากเป็นปธน. นี่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมันเลย ทั้งๆ ที่ดูสภาพการณ์ของเกมตอนนี้ การสู้จนถ�E0��ห้มันกลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม ???
ทักษิณนี่ต้องเรียกว่าเป็นเหยื่อความสำเร็จของตนเอง เหมือนที่เราได้เคยพูดไปแล้ว ว่ามันก็แค่พ่อค้ามาเล่นการเมืองเพื่อกอบโกยเหมือนคนอื่นๆ แต่เราประเมินเรื่องความจงรักภักดีของมันต่ำไป จริงๆแล้วมันจงรักภักดีมากกว่าที่เราคิดไว้มาก
เราลืมนึกถึงความจริง ที่ว่า แม้วนั้นผ่านการศึกษาไทยแบบอนุรักษ์�ความจริง ที่ว่า แม้วนั้นผ่านการศึกษาไทยแบบอนุรักษ์นิยมมา ผ่านโรงเรียนนายร้อย หรือ นายทหาร ผ่านการเป็นตำรวจมา เป็นข้าราชการเต็มตัวมานาน ก่อนจะมาเป็นนักธุรกิจ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ล้วนแต่ล้างสมองคน ต้องกล่าวคำสัจน์ปฏิญาณกันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ประกอบกับความที่แม้วก็อายุเยอะแล้ว ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องของเจเนอเรชั่นด้วย
ถ้าเทียบกับจักรภพแล้ว ที่หนุ่มกว่า ไม่ได้ผ่านพวกโรงเรียนทหาร แล้วไปเรียนเมืองนอกเร็วกว่า(แม้วถ้าจำไม่ผิดรู้สึกกว่าแม้วจะไปเรียนต่อก
็ปาเข้า ป.เอกแล้ว) ทำงานด้านสื่อสารมวลชน มีทัศนคติที่เปิดกว้างกว่ามาก และเราเชื่อว่าจักรภพจริงๆแล้ว ambitious กว่าทักษิณหลายเท่า
ดู จากพฤติการณ์ ตอนที่แม้วเป็นนายก ประเคนทั้งเครื่องบิน ทั้งเพิ่มงบประมาณวัง ประคบประหงมทุกอย่าง มีรับสั่ง แนวคิดอะไร สนองหมด สึนาม๊ง สึนามิ ก็ช่วยเหลือเต็มที่ทุกอย่าง
แล้วตลอดเวลาที่สู้มา นี่ ใช้วิธีประนีประนอมมาโดยตลอด แต่นโยบานประชานิยม คนดันนิยมเกินเหตุ ซึ่งความคลั่งไคล้ของคนนี่อยู่นอกเหนือการควบคุมของแม้ว
แม้วทำพลาด หลายๆอย่าง ประกอบกับที่มัน naive เกินเหตุในบางเรื่อง (ภาพที่ไปนั่งเป็นประธานในอุโบสถ) หรือคำเรียก พ่อหัว นายแม่อะไรนั่น ทำให้ลิ้มเอามาโจมตีได้ แม้วพลาดที่ไม่สามารถตัดไฟตั้งแต่ต้นลมกรณีลิ้มได้
และพลาดอย่างแรงตรงที่ใช้วิธีประนีประนอม ซึ่งเราเชื่อว่าการพลาดนี้ไม่ใช่เกิดจากการที่แม้วซื่อบื้อมองเกมไม่ออก
แต่ เป็นเพราะแม้วมันไม่ทะเยอทะยานมากพอ คิดการใหญ่ไม่พอ แม้วไม่มีความสามารถที่จะจินตนาการไปถึงประเทศไทย นำโดยมันเองเป็น ปธน.ได้ เพราะไม่เคยมีอยู่ในหัวมันเลย มันก็แค่อยากกอบโกย ส่งส่วยให้ xxx เหมือนทุกๆคนที่ทำมาก่อนมันเท่านั้นเอง
ซึ่งเราเชื่อว่าคนอย่างแม้ว มีศักยภาพพอ หากมีจินตนาการที่ใหญ่พอ จะทำอะไรๆก็ได้ ขอแค่รอเวลา สบโอกาสเหมาะๆ เท่านั้น
แต่ความสำเร็จ ความป๊อปปูล่าร์ของมัน ทำให้มันตกที่นั่งลำบาก ประกอบกับไปทำให้ลิ้มแค้น แล้วลิ้มยืมมือวังบุปผาคว่ำแม้ว
ใครคิดเห็นอย่างไร เชิญเสวนากันต่อ
แต่ขอตั้งข้อสังเกตแบบชาวบ้านๆเนี่ยแหละ เพราะคาใจมานานแล้ว
ทักษิณ ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์นี้แล้ว ถูกฟ้อง ถูกยึดทรัพย์ ต้องระเหเร่ร่อน ครอบครัวแตกแยก ถูกทำขนาดนี้ทักษิณยังคิดรอมชอม เดินเกมมาแต่ละอย่างเนี่ย เรียกว่าไม่สะใจโก๋
แค่นี้นี่ก็โคตรชัดเลยว่า เรื่องที่ลิ้มป้ายสีว่ามันต้องการล้มล้าง อยากเป็นปธน. นี่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมันเลย ทั้งๆ ที่ดูสภาพการณ์ของเกมตอนนี้ การสู้จนถ�E0��ห้มันกลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม ???
ทักษิณนี่ต้องเรียกว่าเป็นเหยื่อความสำเร็จของตนเอง เหมือนที่เราได้เคยพูดไปแล้ว ว่ามันก็แค่พ่อค้ามาเล่นการเมืองเพื่อกอบโกยเหมือนคนอื่นๆ แต่เราประเมินเรื่องความจงรักภักดีของมันต่ำไป จริงๆแล้วมันจงรักภักดีมากกว่าที่เราคิดไว้มาก
เราลืมนึกถึงความจริง ที่ว่า แม้วนั้นผ่านการศึกษาไทยแบบอนุรักษ์�ความจริง ที่ว่า แม้วนั้นผ่านการศึกษาไทยแบบอนุรักษ์นิยมมา ผ่านโรงเรียนนายร้อย หรือ นายทหาร ผ่านการเป็นตำรวจมา เป็นข้าราชการเต็มตัวมานาน ก่อนจะมาเป็นนักธุรกิจ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ล้วนแต่ล้างสมองคน ต้องกล่าวคำสัจน์ปฏิญาณกันเป็นเรื่องเป็นราวมาก ประกอบกับความที่แม้วก็อายุเยอะแล้ว ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องของเจเนอเรชั่นด้วย
ถ้าเทียบกับจักรภพแล้ว ที่หนุ่มกว่า ไม่ได้ผ่านพวกโรงเรียนทหาร แล้วไปเรียนเมืองนอกเร็วกว่า(แม้วถ้าจำไม่ผิดรู้สึกกว่าแม้วจะไปเรียนต่อก
็ปาเข้า ป.เอกแล้ว) ทำงานด้านสื่อสารมวลชน มีทัศนคติที่เปิดกว้างกว่ามาก และเราเชื่อว่าจักรภพจริงๆแล้ว ambitious กว่าทักษิณหลายเท่า
ดู จากพฤติการณ์ ตอนที่แม้วเป็นนายก ประเคนทั้งเครื่องบิน ทั้งเพิ่มงบประมาณวัง ประคบประหงมทุกอย่าง มีรับสั่ง แนวคิดอะไร สนองหมด สึนาม๊ง สึนามิ ก็ช่วยเหลือเต็มที่ทุกอย่าง
แล้วตลอดเวลาที่สู้มา นี่ ใช้วิธีประนีประนอมมาโดยตลอด แต่นโยบานประชานิยม คนดันนิยมเกินเหตุ ซึ่งความคลั่งไคล้ของคนนี่อยู่นอกเหนือการควบคุมของแม้ว
แม้วทำพลาด หลายๆอย่าง ประกอบกับที่มัน naive เกินเหตุในบางเรื่อง (ภาพที่ไปนั่งเป็นประธานในอุโบสถ) หรือคำเรียก พ่อหัว นายแม่อะไรนั่น ทำให้ลิ้มเอามาโจมตีได้ แม้วพลาดที่ไม่สามารถตัดไฟตั้งแต่ต้นลมกรณีลิ้มได้
และพลาดอย่างแรงตรงที่ใช้วิธีประนีประนอม ซึ่งเราเชื่อว่าการพลาดนี้ไม่ใช่เกิดจากการที่แม้วซื่อบื้อมองเกมไม่ออก
แต่ เป็นเพราะแม้วมันไม่ทะเยอทะยานมากพอ คิดการใหญ่ไม่พอ แม้วไม่มีความสามารถที่จะจินตนาการไปถึงประเทศไทย นำโดยมันเองเป็น ปธน.ได้ เพราะไม่เคยมีอยู่ในหัวมันเลย มันก็แค่อยากกอบโกย ส่งส่วยให้ xxx เหมือนทุกๆคนที่ทำมาก่อนมันเท่านั้นเอง
ซึ่งเราเชื่อว่าคนอย่างแม้ว มีศักยภาพพอ หากมีจินตนาการที่ใหญ่พอ จะทำอะไรๆก็ได้ ขอแค่รอเวลา สบโอกาสเหมาะๆ เท่านั้น
แต่ความสำเร็จ ความป๊อปปูล่าร์ของมัน ทำให้มันตกที่นั่งลำบาก ประกอบกับไปทำให้ลิ้มแค้น แล้วลิ้มยืมมือวังบุปผาคว่ำแม้ว
ใครคิดเห็นอย่างไร เชิญเสวนากันต่อ
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเพราะเหลืออดจริงๆครับกับพวกที่ยอมเป็นลูกแหง่ไปตลอดชาติ
ผมไม่พูดเกินไปหรอกผมกล้าพูดว่า ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่จงรักภักดี ไม่เคยคิดจะล้มล้างสถาบันที่เป็นของคู่ประเทศไทยมายาวนาน ผมพูดได้ว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ เห็น ในหลวง ราชินี และทุกพระองค์ กับตาตัวเองจริงๆมาแล้ว ไม่ใช่แค่เห็นในรูปถ่าย เพียงแต่เราต้องจงรักภักดีแบบมีเหตุและผลบ้าง อย่าให้ความจงรักภักดีอยู่เหนือเหตุและผลโดยไม่รับฟังเสียงรอบข้างเลย Foreword อย่างเดียว Reword ไม่ได้เลย สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่เป็นระบอบประชาธิปไตย สิ่งไหนที่การปฏิบัติ ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เราในฐานะประชาชนต้องแสดงความคิดเห็นได้ เพราะเราเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ประเทศเป็นของพระเจ้าอยู่หัว ผมถามพวกที่คลั่ง(ในWeb นี้เขาเรียกอย่างนั้น ) หน่อยว่า ถ้าประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัวแต่ไม่มีประชาชน จะอยู่ได้ไหม ???ผมว่าพระเจ้าอยู่หัวเองพระองค์ท่านคงไม่ต้องการเป็นเจ้าของประเทศและตัด สิ
น พระทัยเพียงพระองค์เดียวในทุกเรื่องซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์ท่านจะรู้ท
ุกเรื่อง และตัดสินพระทัยได้ถูกต้องทุกเรื่อง (ให้ดูจากกระแสพระราชดำรัส วันที่ 4 ธันวาคม 2548 ) พระองค์ท่านต้องการให้หลายๆฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อพัฒนาประเทศ โครงการทุน ฯหลวงที่ส่งไปร่ำไปเรียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่ให้กลับมาเพื่อสอนให้ปิดความคิดตัวเองแบบที่พวกคลั่งทั้งหลายคิดกัน
อยู่ แต่ที่พระองค์ท่านให้ทุนไปเรียนเพราะต้องการให้กลับมาพัฒนาประเทศ มิใช่หรือ?? การพัฒนาประเทศ หมายถึงพัฒนาด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ ไม่ใช่พัฒนาให้เตี้ยลงเตี้ยลง ถอยหลังเข้าคลอง ไม่รู้จักโตกลายเป็นลูกแหง่ที่ไม่ยอมโต คิดอะไรพูดอะไรวิจารณ์อะไร ไม่ได้เลย ยกตั้งกลุ่มชนชั้นปกครองขึ้นมาตัดสินประเทศทั้งประเทศ ไม่ฟังเสียงประชาชน แล้วประเทศจะพัฒนาไปได้อย่างไร
ผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาหลายบทความ ทั้งใน web นี้และ web อื่นๆ ทำให้พอจะรู้และเข้าใจว่า การแสดงความคิดเห็น หลายครั้ง ในประวัติศาสตร์จากผู้รู้ กรณีพระมหากษัตริย์ และพระราชอำนาจถูกพวกเหล่าอำมาตย์ พวกนักการเมืองชั่วๆใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันเอง ไปตีความเรื่องความจงรักภักดีการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์กันหมด จากกรณีเช่น ดร.หยุด แสงอุทัย , ท่านปรีดี พนมยงค์ สุดท้ายนักวิชาการเหล่านั้นถูกกฎหมายเล่นงาน ไม่สามารถนำเสนออะไรที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวต่อไปอีกได้
พวกที่คลั่งทั้งหลาย ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกอำมาตย์หรือนักการเมืองชั่วๆ มันใช้กฎหมาย ม.112 ไปเพื่อทำลายคนที่จะใหญ่เกินหน้าพวกมัน หรือพวกท่าน เชื่อถือคนพวกนี้ทั้งหมด ทั้งๆที่ตัวมันเอง ไม่รู้ว่ามันจงรักภักดีจริงหรือไม่ ? ? หรือแค่แอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง แล้วเอากฎหมายนี้มาเป็นอาวุธ ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม
วันนี้ผมคงไม่คาดหวังว่าพวกท่านจะต้องเห็นดีเห็นงามไปกับผมหมด เพราะผมบอกแล้วว่านี่เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ผมหวังว่าท่านอาจจะเก็บและคิดไว้ในใจก็ได้ที่จะคิดในมิติของตัวเองบ้างที่
แตกต่าง ไม่ใช่คล้อยตามเหล่าอำมาตย์ นักการเมือง หรือชนชั้นปกครองไปทั้งหมด และก็ไม่ใช่จะเชื่อข้อมูลใน web นี้ทั้งหมด เพื่อ อะไร?? ก็เพื่ออนาคต รุ่นลูก รุ่นหลาน ของพวกท่านจะได้ช่วยกันพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ก่อนที่จะทิ้งประเทศไทยไปเพราะรับไม่ได้กับการปกครองที่ล้าหลังแบบปัจจุบั
นนี้ อย่างที่เขาเรียกกันว่า สมองไหล นั่นแหละ
จากคุณ dol ฟ้าเดียวกัน
น พระทัยเพียงพระองค์เดียวในทุกเรื่องซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์ท่านจะรู้ท
ุกเรื่อง และตัดสินพระทัยได้ถูกต้องทุกเรื่อง (ให้ดูจากกระแสพระราชดำรัส วันที่ 4 ธันวาคม 2548 ) พระองค์ท่านต้องการให้หลายๆฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อพัฒนาประเทศ โครงการทุน ฯหลวงที่ส่งไปร่ำไปเรียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่ให้กลับมาเพื่อสอนให้ปิดความคิดตัวเองแบบที่พวกคลั่งทั้งหลายคิดกัน
อยู่ แต่ที่พระองค์ท่านให้ทุนไปเรียนเพราะต้องการให้กลับมาพัฒนาประเทศ มิใช่หรือ?? การพัฒนาประเทศ หมายถึงพัฒนาด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ ไม่ใช่พัฒนาให้เตี้ยลงเตี้ยลง ถอยหลังเข้าคลอง ไม่รู้จักโตกลายเป็นลูกแหง่ที่ไม่ยอมโต คิดอะไรพูดอะไรวิจารณ์อะไร ไม่ได้เลย ยกตั้งกลุ่มชนชั้นปกครองขึ้นมาตัดสินประเทศทั้งประเทศ ไม่ฟังเสียงประชาชน แล้วประเทศจะพัฒนาไปได้อย่างไร
ผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาหลายบทความ ทั้งใน web นี้และ web อื่นๆ ทำให้พอจะรู้และเข้าใจว่า การแสดงความคิดเห็น หลายครั้ง ในประวัติศาสตร์จากผู้รู้ กรณีพระมหากษัตริย์ และพระราชอำนาจถูกพวกเหล่าอำมาตย์ พวกนักการเมืองชั่วๆใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันเอง ไปตีความเรื่องความจงรักภักดีการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์กันหมด จากกรณีเช่น ดร.หยุด แสงอุทัย , ท่านปรีดี พนมยงค์ สุดท้ายนักวิชาการเหล่านั้นถูกกฎหมายเล่นงาน ไม่สามารถนำเสนออะไรที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวต่อไปอีกได้
พวกที่คลั่งทั้งหลาย ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกอำมาตย์หรือนักการเมืองชั่วๆ มันใช้กฎหมาย ม.112 ไปเพื่อทำลายคนที่จะใหญ่เกินหน้าพวกมัน หรือพวกท่าน เชื่อถือคนพวกนี้ทั้งหมด ทั้งๆที่ตัวมันเอง ไม่รู้ว่ามันจงรักภักดีจริงหรือไม่ ? ? หรือแค่แอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง แล้วเอากฎหมายนี้มาเป็นอาวุธ ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม
วันนี้ผมคงไม่คาดหวังว่าพวกท่านจะต้องเห็นดีเห็นงามไปกับผมหมด เพราะผมบอกแล้วว่านี่เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ผมหวังว่าท่านอาจจะเก็บและคิดไว้ในใจก็ได้ที่จะคิดในมิติของตัวเองบ้างที่
แตกต่าง ไม่ใช่คล้อยตามเหล่าอำมาตย์ นักการเมือง หรือชนชั้นปกครองไปทั้งหมด และก็ไม่ใช่จะเชื่อข้อมูลใน web นี้ทั้งหมด เพื่อ อะไร?? ก็เพื่ออนาคต รุ่นลูก รุ่นหลาน ของพวกท่านจะได้ช่วยกันพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ก่อนที่จะทิ้งประเทศไทยไปเพราะรับไม่ได้กับการปกครองที่ล้าหลังแบบปัจจุบั
นนี้ อย่างที่เขาเรียกกันว่า สมองไหล นั่นแหละ
จากคุณ dol ฟ้าเดียวกัน
ป้ายกำกับ:
112,
ประชาธิปไตย,
เสรีภาพ,
หมิ่นประมาท,
หมิ่นพระบรม,
propaganda
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)