CBOX เสรีชน

22 มกราคม, 2552

'จงรัก'ออกหมายเรียก3เสี่ย'ซานติกา'- สั่งควานหาตัวอีก1ผู้ต้องหา

'รองผบ.ตร.'ยันออกหมายเรียกผู้บริหาร ผับมรณะเพิ่ม 3 ราย ขีดเส้นรายงานตัวพรุ่งนี้ เตรียมกำลังตาล่าตัวอีก 1 'จงรัก' รอหลักฐาน'คุณหญิงหมอ'มัดตัว เล็งเอาผิดมือบอนจุดพลุกลางผับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22 ม.ค.) ความคืบหน้าคดี เพลิงไหม้สถานบันเทิงชื่อดัง "แซนติก้าผับ" หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ เจ้าของแซนติก้าผับ ไปแล้วในความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ ส่วนนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ ผู้ต้องหาอีกคนในคดีนี้ที่ได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ซึ่งนายสุริยานั้นเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างติดตามตัว

ด้านพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า ยังมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มอีก 3 คน คือ นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผู้จัดการสถานที่นายวุฒิพงษ์ ไวยลักรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และนายพงษ์เทพ จินดา ผู้จัดการฝ่ายบันเทิง ซึ่งบุคคลทั้ง 3 ได้ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ ในวันพรุ่งนี้ที่ 23 ม.ค. ที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งหากบุคคลทั้ง 3 ไม่มาตามนัดหมายก็จะเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมายคือการออกหมายจับต่อไป

ทั้งนี้รองผบ.ตร.กล่าวเสริมว่าว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวนยังจะต้องดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจุดพลุอีกจำนวนหนึ่ง แต่ในส่วนนี้จะต้องรอผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และจากกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามาร่วมตรวจหาพยานหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือพนักงานสอบสวนอีกทาง ซึ่งตำรวจก็จะได้ประสานขอรับผลการตรวจมาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย ส่วนนายสุริยา นั้นเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างติดตามตัว

สต๊อกน้ำมันล่วงหน้าราคาแพงหูฉี่ทำ'บินไทย'ถังแตก!คนในจี้'กรณ์'สางปมหวั่นทุจริตแฉกัดฟันยื้อได้แค่มี.ค.

"บินไทย"คับขัน! สะพัดกัดฟันยื้อได้แค่เดือนมี.ค. หากไม่มีงบประมาณเข้ามาพยุงสถานการณ์ คนในแฉผู้บริหารปากมันสต๊อกน้ำมันล่วงหน้าราคาแพงหูฉี่ถึง 150 ดอลล่าต่อบาร์เรล ทั้งที่ราคาตลาดโลกลดฮวบเหลือแค่ 39 ดอลล่าต่อบาร์เรล พร้อมจี้ "ขุนคลัง"ตรวจสอบที่มาที่ไป หวั่นมีวาระซ่อนเร้น ปูดอีกเตรียมปลดพนักงาน-ลดเที่ยวบินล็อตใหญ่หวังลดต้นทุน "กรณ์"สั่ง "บิ๊กเอื้องหลวง" ทำแผนแก้ปัญหาส่งก่อนสิ้นม.ค.นี้

วันนี้ (22 ม.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานปัญหาทางการเงินของ บมจ. การบินไทย (THAI) และ แจ้งกลับไปยังผู้บริหารให้จัดทำแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเชิงบุรณาการ และนำกลับมาเสนอภายใน 1-2 สัปดาห์ พร้อมจะได้หารือกับ รมว.คมนาคมในฐานะกระทรวงต้นสังกัด เพื่อรับทราบแนวทางการแก้ปัญหาของการบินไทยด้วย

"กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นต้องการแผนปฏิบิติการที่สะท้อนถึงต้นตอของปัญหา รวมถึงปัญหาอื่นๆ การเข้ามาแก้ไขปัญหาจะต้องมองในระยะยาว ไม่ใช้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรก็ตาม ปัญหาของการบินไทย ยอมรับว่า เกิดจากทั้งปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ และเศรษฐกิจต่างประเทศ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงก่อนหน้านี้ ที่ส่งผลต่อการเดินทางผู้โดยสารลดลงเช่นเดียวกับสายการบินอื่นทั่วโลก ดังนั้น การบินไทยจะต้องวางแผนรับมือว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร" นายกรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังเปิดเผยอีกว่า การบินไทยยังไม่ได้เสนอขอสนับสนุนเงินเสริมสภาพคล่องหรือเงินเพิ่มทุน ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการเห็นแผนแก้ไขปัญหาของการบินไทยในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรวมถึงแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน ซึ่งต้องเป็นแผนที่จะต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นและประชาชนได้

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระดับสูงภายในการบินไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยงบประมาณที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันทั้งหมด จะสามารถผยุงบริษัทไปได้ถึงแค่เดือนมีนาคมนี้ โดยหนึ่งในสาเหตุที่การบินไทยประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ การบินไทยได้มีการสต๊อกน้ำมันล่วงเป็นเวลาหลายเดือนในราคา 150 บาทต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดน้ำมันโลกคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งไปแตะที่ 170 ดอลล่าต่อบาร์เรล แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามเพราะราคาน้ำมันโลดกลับดิ่งลงมาอยู่ที่ประมาณ 39 ดอลล่าต่อบาร์เรล ส่งผลให้การบินไทยยังคงต้องซื้อน้ำมันในราคา 150 ดอลล่าต่อบาร์เรลต่อไป

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดสังเกตุมาก เพราะการบินไทยเป็นสายการบินไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันภายในประเทศอย่าง ปตท. แต่ทำไมการบินไทยถึงต้องสต็อกน้ำมันล่วงหน้าในจำนวนมากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่ทราบว่า การซื้อขายในจำนวนมากขนาดนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบที่มาที่ไปของการซื้อขายครั้งนี้ว่า มีการทำสัญญากับกองทุนน้ำมันใด และเอื้อประโยชน์ให้กับใครบ้าง รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง" แหล่งข่าว ระบุ

นอกจากนี้ แหล่งข่าวคนเดิม ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้การบินไทยกำลังปรับในเรื่องการลดต้นทุน โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการปลดพนักงานที่มีความอาวุโสสูงและมีเพดานเงินเดือนสูงออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็จะมีการลดจำนวนเที่ยวบินลงไป ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับแอร์ โฮสเตทและกัปตันมาก เนื่องจากพนักงานในส่วนนี้จะมีรายได้ส่วนใหญ่จากการขึ้นบินต่อครั้งต่อไฟลท์ และหากไม่มีเที่ยวบิน พนักงานก็จะเสียรายได้ส่วนนี้ไป

ด้าน น.ต.ธนิต พรหมสถิตย์ กัปตันการบินไทยอาวุโส เปิดเผยว่า การที่การบินไทยต้องประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหนักถึงขนาดนี้ เกิดจากระบบอุปถัมภ์ในองค์กร มีเด็กเส้นในบริษัทมาก ส่งผลให้คนเก่ง คนมีฝีมือ ไม่ได้เข้ามาบริหารการบินไทย แต่กลับได้เด็กเส้นที่ไม่มีความสามารถในการบริหารองค์กรเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งตรงนี้ตนมองว่า ควรจะหมดไปจากการบินไทยได้แล้ว โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์ของการบินไทยกำลังย่ำแย่อย่างทุกวันนี้ การบินไทยต้องคัดสรรคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงาน รื้อระบบเส้นสายให้หมด ไม่เช่นนั้นองค์กรจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ลำบาก