โดย คุณ ลูกชาวนาไทย
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
27 มกราคม 2552
ใน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเห็นสื่อต่างๆ พยายามสร้างกระแสอย่างเหลือเกินว่า ท่านนายกฯทักษิณ หมดเงินแล้ว ไม่มีเงินเหลือแล้ว ไม่มีเงินหนุนใครอีกแล้ว
ที่ จริงผมขี้เกียจสนใจข่าวนี้ เพราะท่านนายกฯทักษิณ จะหมดเงิน หรือมีเงิน มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับขบวนการประชาธิปไตยมากนัก เพราะเราไม่ได้ต่อสู้ ด้วยเงินของทักษิณแต่อย่างใด พวกเราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น ที่ตั้งสมมุติฐานเรื่องน้ำเลี้ยง มันจึงไม่มีความหมายแต่อย่างใด เพราะน้ำเลี้ยงมันไม่มีแต่ต้นแล้ว แต่การต่อสู้ของประชาชนก็ขยายตัวไปเรื่อย
ที่ จริง "น้ำเลี้ยงของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" คือ เผด็จการต่างหาก ตราบใดที่ประเทศนี้ยังไม่มีความยุติธรรม ผู้ปกครองทั้งหลาย ไม่ได้มีใจเป็นธรรม ไม่ฟังเสียงประชาชน ฝืนมติของมหาชน ตราบนั้นการต่อสู้ของประชาชน ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป จนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา
เราก้าวข้ามพ้นเรื่อง นายกฯทักษิณ ไปนานแล้ว เรายกระดับการต่อสู้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อทักษิณแต่อย่างใด มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้น หลังการทำรัฐประหาร 2549 แล้ว
แต่แม้ว่าเราจะก้าวข้ามพ้น การต่อสู้เพื่อ นายกฯทักษิณ แต่เราไม่ได้ก้าวข้ามนายกฯทักษิณแต่อย่างใด
เรา ยกท่านขึ้นไป สู่ระดับของการเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เราเอายุคสมัยของท่านขึ้นมา เป็นการให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่า หากเรามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยุคสมัยที่รุ่งโรจน์สำหรับคนรากหญ้า คือ ยุคที่ท่านนายกฯทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มันเป็นยุคทองของคนรากหญ้าอย่างแท้จริง
ท่านนายกฯทักษิณ เป็นขวัญใจของคนรากหญ้า เป็นสัญญลักษณ์ ที่ผู้คนจำนวนมากศรัทธา และให้ความเคารพนับถือ ดังนั้น ผมไม่คิดว่า ผู้นำการต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดงทั้งหลาย จะพยายามไปตกหลุมฝ่ายตรงข้าม "ด้อยความสำคัญของท่านนายกฯทักษิณ" ไปนะครับ
เรายังจะต้องชูนายกฯ ทักษิณ เป็นผู้นำอย่างเข้มข้นต่อไป เราต้องถือว่า ท่านคือ ธงแห่งประชาธิปไตย และเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตยต่อไป
มวลชนใน ระดับรากหญ้าจำนวนมาก อาจไม่สนใจประชาธิปไตยมากนัก ไม่เข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้พัฒนาอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับคนเสื้อแดงที่เป็นคนชั้นกลางครับ
แต่คนรากหญ้านั้น ได้เรียนรู้ว่า "หนึ่งเสียงของเขานั้น" มีความสำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขา พวกเขาเรียนรู้ที่จะออกเสียงเป็นกลุ่ม และออกเสียงเลือกพรรค แทนที่จะเลือกตัวบุคคลแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าคนรากหญ้า จะสนใจประชาธิปไตยหรือไม่ แต่พฤติกรรมทางการเมืองของคนรากหญ้าในขณะนี้ คือการส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
สิ่งที่คนรากหญ้าตระหนักใน ขณะนี้คือ ยุคทักษิณ คือยุคทองของพวกเขา เป็นยุคที่ให้ความหวัง รวมทั้งทำให้เห็นอย่างแท้จริงว่า คนรากหญ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร
ดัง นั้น แกนนำคนเสื้อแดง หากต้องการปลุกเร้าทางการเมือง หาแรงสนับสนุนทางการเมืองจากคนรากหญ้า จะต้องชี้ให้เห็นว่า หากเลือกฝ่ายเราที่มี "นายกฯทักษิณเป็นสัญญลักษณ์" ของคนรากหญ้า จะทำให้พวกเขามีความหวังในการจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร
การขายประชาธิปไตยอย่างเดียวให้คนรากหญ้านั้น ไม่ได้ผล แต่ต้องขายสิ่งที่จับต้องได้ พวกเขาเคยสัมผัสอย่างแท้จริง
และที่สำคัญคือ คนรากหญ้า ไม่เชื่อพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีความจริงใจกับพวกเขา
ดังนั้น แม้ว่าเราจะก้าวพ้นกรณีการต่อสู้เพื่อนายกฯทักษิณ แต่เราไมได้ก้าวข้ามท่านแต่อย่างไร
อย่าพยายามสร้างกระแสว่า ทักษิณไม่มีความสำคัญ ทักษิณเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ต้องสร้างกระแสว่า ทักษิณนั้นสำคัญ และเป็นส่วนใหญ่ทีเดียว
คน ชั้นกลางที่เป็นกลาง รักประชาธิปไตย แต่ไม่ได้รักทักษิณ ที่ขบวนการประชาธิปไตยต้องการดึงเข้ามาร่วมนั้น ไม่ใช่พวกส่วนใหญ่ของสังคมนัก พวกเขาแม้เสียงดัง แต่จำนวนมีไม่มากพอที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้
สุดท้ายแล้ว เรายังต้องพึ่งพามวลชนพื้นฐานเหมือนเดิม และต้องไม่ลืมว่า ชัยชนะขั้นสุดท้ายของการต่อสู้อยู่ที่สนามเลือกตั้ง ไม่ใช่การเมืองข้างถนน หรือการเมืองนอกสภา ไม่ใช่การนำพรรคพวกออกไปชุมนุมเช่นเดียวกับพวกพันธมิตร และอย่าหลงเข้าไปเดินในเส้นทางเดียวกับพันธมิตร
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
27 มกราคม 2552
ใน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเห็นสื่อต่างๆ พยายามสร้างกระแสอย่างเหลือเกินว่า ท่านนายกฯทักษิณ หมดเงินแล้ว ไม่มีเงินเหลือแล้ว ไม่มีเงินหนุนใครอีกแล้ว
ที่ จริงผมขี้เกียจสนใจข่าวนี้ เพราะท่านนายกฯทักษิณ จะหมดเงิน หรือมีเงิน มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับขบวนการประชาธิปไตยมากนัก เพราะเราไม่ได้ต่อสู้ ด้วยเงินของทักษิณแต่อย่างใด พวกเราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น ที่ตั้งสมมุติฐานเรื่องน้ำเลี้ยง มันจึงไม่มีความหมายแต่อย่างใด เพราะน้ำเลี้ยงมันไม่มีแต่ต้นแล้ว แต่การต่อสู้ของประชาชนก็ขยายตัวไปเรื่อย
ที่ จริง "น้ำเลี้ยงของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" คือ เผด็จการต่างหาก ตราบใดที่ประเทศนี้ยังไม่มีความยุติธรรม ผู้ปกครองทั้งหลาย ไม่ได้มีใจเป็นธรรม ไม่ฟังเสียงประชาชน ฝืนมติของมหาชน ตราบนั้นการต่อสู้ของประชาชน ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป จนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา
เราก้าวข้ามพ้นเรื่อง นายกฯทักษิณ ไปนานแล้ว เรายกระดับการต่อสู้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อทักษิณแต่อย่างใด มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้น หลังการทำรัฐประหาร 2549 แล้ว
แต่แม้ว่าเราจะก้าวข้ามพ้น การต่อสู้เพื่อ นายกฯทักษิณ แต่เราไม่ได้ก้าวข้ามนายกฯทักษิณแต่อย่างใด
เรา ยกท่านขึ้นไป สู่ระดับของการเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เราเอายุคสมัยของท่านขึ้นมา เป็นการให้ประชาชนได้เรียนรู้ว่า หากเรามีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยุคสมัยที่รุ่งโรจน์สำหรับคนรากหญ้า คือ ยุคที่ท่านนายกฯทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี มันเป็นยุคทองของคนรากหญ้าอย่างแท้จริง
ท่านนายกฯทักษิณ เป็นขวัญใจของคนรากหญ้า เป็นสัญญลักษณ์ ที่ผู้คนจำนวนมากศรัทธา และให้ความเคารพนับถือ ดังนั้น ผมไม่คิดว่า ผู้นำการต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดงทั้งหลาย จะพยายามไปตกหลุมฝ่ายตรงข้าม "ด้อยความสำคัญของท่านนายกฯทักษิณ" ไปนะครับ
เรายังจะต้องชูนายกฯ ทักษิณ เป็นผู้นำอย่างเข้มข้นต่อไป เราต้องถือว่า ท่านคือ ธงแห่งประชาธิปไตย และเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตยต่อไป
มวลชนใน ระดับรากหญ้าจำนวนมาก อาจไม่สนใจประชาธิปไตยมากนัก ไม่เข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้พัฒนาอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับคนเสื้อแดงที่เป็นคนชั้นกลางครับ
แต่คนรากหญ้านั้น ได้เรียนรู้ว่า "หนึ่งเสียงของเขานั้น" มีความสำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขา พวกเขาเรียนรู้ที่จะออกเสียงเป็นกลุ่ม และออกเสียงเลือกพรรค แทนที่จะเลือกตัวบุคคลแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าคนรากหญ้า จะสนใจประชาธิปไตยหรือไม่ แต่พฤติกรรมทางการเมืองของคนรากหญ้าในขณะนี้ คือการส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
สิ่งที่คนรากหญ้าตระหนักใน ขณะนี้คือ ยุคทักษิณ คือยุคทองของพวกเขา เป็นยุคที่ให้ความหวัง รวมทั้งทำให้เห็นอย่างแท้จริงว่า คนรากหญ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร
ดัง นั้น แกนนำคนเสื้อแดง หากต้องการปลุกเร้าทางการเมือง หาแรงสนับสนุนทางการเมืองจากคนรากหญ้า จะต้องชี้ให้เห็นว่า หากเลือกฝ่ายเราที่มี "นายกฯทักษิณเป็นสัญญลักษณ์" ของคนรากหญ้า จะทำให้พวกเขามีความหวังในการจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร
การขายประชาธิปไตยอย่างเดียวให้คนรากหญ้านั้น ไม่ได้ผล แต่ต้องขายสิ่งที่จับต้องได้ พวกเขาเคยสัมผัสอย่างแท้จริง
และที่สำคัญคือ คนรากหญ้า ไม่เชื่อพรรคประชาธิปัตย์ว่า มีความจริงใจกับพวกเขา
ดังนั้น แม้ว่าเราจะก้าวพ้นกรณีการต่อสู้เพื่อนายกฯทักษิณ แต่เราไมได้ก้าวข้ามท่านแต่อย่างไร
อย่าพยายามสร้างกระแสว่า ทักษิณไม่มีความสำคัญ ทักษิณเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ต้องสร้างกระแสว่า ทักษิณนั้นสำคัญ และเป็นส่วนใหญ่ทีเดียว
คน ชั้นกลางที่เป็นกลาง รักประชาธิปไตย แต่ไม่ได้รักทักษิณ ที่ขบวนการประชาธิปไตยต้องการดึงเข้ามาร่วมนั้น ไม่ใช่พวกส่วนใหญ่ของสังคมนัก พวกเขาแม้เสียงดัง แต่จำนวนมีไม่มากพอที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้
สุดท้ายแล้ว เรายังต้องพึ่งพามวลชนพื้นฐานเหมือนเดิม และต้องไม่ลืมว่า ชัยชนะขั้นสุดท้ายของการต่อสู้อยู่ที่สนามเลือกตั้ง ไม่ใช่การเมืองข้างถนน หรือการเมืองนอกสภา ไม่ใช่การนำพรรคพวกออกไปชุมนุมเช่นเดียวกับพวกพันธมิตร และอย่าหลงเข้าไปเดินในเส้นทางเดียวกับพันธมิตร