CBOX เสรีชน

13 มกราคม, 2552

ทำยังไงให้คนเชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ!

"If you tell a big enough lie and tell it frequently enough, it will be believed. "
Adolf Hitler, Mein Kampf "Why the second reich collapse"

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ"
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์, การต่อสู้ของข้าพเจ้า "เหตุใดจักรวรรดิไรค์ที่ 2 จึงล่มสลาย"


เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมคนที่ดูฉลาด เก่งกาจ จำนวนมาก กลับตกเป็นสาวกลัทธิแปลกประหลาดที่ผิดสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง
เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมฝูงชนหมู่มากเมื่อมารวมกัน จึงถูกหลอกให้เชื่อเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ และไม่ควรเชื่อได้บ่อยๆ
เคย สงสัยกันไหม ว่าชนชาติที่ขยัน อดทน และมีมันสมองชั้นเลิศอย่างญี่ปุ่นและเยอรมัน จึงถูกผู้นำหลอกให้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของเขาได้

นักสื่อสาร นักจิตวิทยา ต่างศึกษาจิตใจของผู้คน และกระแสของมวลชน จนสรุปว่า
การ propaganda (ไทยแปลศัพท์ว่า โฆษณาชวนเชื่อ) เป็นต้นเหตุของความผิดเพี้ยนทางความคิดทั้งปวง
แน่นอนว่า นักจิตวิทยาและนักสื่อสารบางส่วนนำผลสรุปนี้ไปใช้ประโยชน์ สร้างระบบจิตวิทยามวลชน อุปาทานหมู่ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ทำอย่างไรเราจะรู้ทันการโฆษณาชวนเชื่อนี้ล่ะ




บทความนี้ไม่ได้มีเพื่อให้นำวิธีการต่างๆไปใช้ แต่เพื่อให้รู้เท่าทันและระวังตัวไม่ตกเป็นเครื่องมือของการโฆษณาชวนเชื่ออีกต่อไป
หลักการโฆษณาชวนเชื่อ อาจสรุปลงง่ายๆ 7 ข้อ ได้แก่

1. Ad Hominem : โจมตีตัวบุคคล สร้างศัตรูบุคคลขึ้นมาเป็นหุ่นรับการโจมตีหลัก แล้วจับผิด โจมตี ด่าทอ ต่อว่า ทั้งเรื่องส่วนตัวและคำพูดทุกคำพูดของคนๆนั้น รวมถึงการสร้างภาพให้ฝ่ายศัตรูที่ตั้งขึ้นมาโจมตีเป็นปีศาจร้าย เปรียบเทียบกับความชั่วร้ายในโลกทั้งมวล ทั้งในพระคัมภีร์ศาสนาและประวัติศาสตร์
ตัวอย่างเช่น การโฆษณาชวนเชื่อโจมตีสตาลิน ในยุคลัทธิแม็คคาร์ธีของสหรัฐทศวรรษที่ 60 ว่าโหดม ดุร้าย ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม การสร้างข่าวโจมตีนายกฯวินสตัน เชอร์ชิลว่าเป็นคนโง่ ดื้อด้าน ของนาซี หรือแม้แต่การโฆษณาโจมตีฮิตเลอร์ว่าเป็นอัตติลาชาวฮัน หรือทายาทซาตาน ตัวแทนสัตว์นรก 666 ของฝ่ายสัมพันธมิตรเอง

2. Ad nauseum : พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก มีสำนวนไทยว่าไว้เข้าทีว่า "น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน" แล้วใจคนอ่อนๆจะทนได้อย่างไร(ฮา) เมื่อนำ้คำลมปากกรอกหูเข้าทุกวัน
สาวบางคนมีแฟนหนุ่มหล่อเท่อยู่ดีๆ วันเลวคืนร้ายเพื่อนตัวดีกริ๊งกร๊างมาว่า " นี่เธอ เพื่อนของฉันเห็นหนุ่มหล่อๆหน้าตาคล้ายๆแฟนเธอเดินควงอยู่กับหนุ่มที่ไหนก็ ไม่รู้ เนี่ย ชั้นล่ะสงสัยอยู่แล้วนะ ว่าแฟนเธอจะเป็นเกย์"
หนแรกไม่เชื่อหัวเราะใส่โทรศัพท์
หนสองเริ่มลังเล
หนสาม เอ๊ะ ชักไม่เข้าที ลองถามที่รักดูดีไหมนะ
หนสี่อดรนทนไม่ได้ถามออกไป ปรากฏว่าเป็นคุณแฟนพาคุณพ่อไปโรงพยาบาลซะฉิบ
แต่คราวนี้ หนที่ห้าถ้ามีอีก คุณอาจจะเริ่มสงสัยแล้วว่าแฟนคุณโกหก แม่เพื่อนตัวดีก็ใส่ไฟใหญ่ "เนี่ย แฟนเธอโกหกชัดๆ ผู้ชายที่เพื่อนชั้นเห็นเดินควงกับแฟนเธอน่ะ ยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่เลย สัก 16-17 นี่แหละ จะเป็นคุณพ่อได้ยังไง"
หนที่หกเริ่มหงุดหงิดทุรนทุราย ออกสะกดรอยตาม แต่ก็ไม่เจอจังๆ
หนเจ็ด แฟนจับได้ว่าแอบตามเขาไป "นี่คุณไม่ไว้ใจผมใช่มั้ย ถ้าอย่างนี้ เราเลิกกันดีกว่า"
ต้องนั่งร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า จะโทษเพื่อน เพื่อนตัวดีก็บอกว่า "ก็ขอโทษนะ ฉันไม่ได้เห็นเองนี่ เพื่อนของเพื่อนฉันบอกมาอีกที แถมเค้าไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนเธอนิ แค่หน้าคล้ายๆ"
แต่สุดท้าย คุณก็เห็นแม่เพื่อนตัวดีเดินจู๋จี๋กับแฟนเก่าคุณซะงั้น......

3. Big Lie : โกหกคำโต โยเซฟ เกิบเบิลส์(1897-1945) รัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ(minister of propaganda) มือขวาของฮิตเลอร์ กล่าวว่า



"The bigger the lie, the more it will be believed."
"ยิ่งโกหกคำโตเท่าไร, มันยิ่งน่าเชื่อไปเท่านั้น" และ

"The great masses of people will more easily fall victims to a big lie than to a small one."
"ฝูงชนมหาศาลถูกหลอกด้วยการโกหกเรื่องใหญ่ ง่ายกว่าโกหกเรื่องเล็กๆ"

การ โกหกเรื่องเล็กๆที่มีรายละเอียดปลีกย่อย อาจมีผู้จับโกหกได้ง่าย แต่การโกหกเรื่องใหญ่ๆเพื่อหลอกให้เชื่อ มันย่อมครอบคลุมเรื่องต่างๆหลากหลาย อย่างน้อยต้องมีข้อใดข้อหนึ่งที่ถูกจริตผู้ฟัง และเมื่อคนพูดพูดในสิ่งที่คนฟังอยากจะเชื่ออยู่แล้ว เขาก็พร้อมจะยอมเชื่อโดยดี แม้ว่าคำโกหกเรื่องใหญ่นั้น จะเท็จครึ่ง จริงครึ่ง หรือไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความจริงอยู่เลย

4. Name calling : สร้างสมญานาม การสร้างชื่อแทนใช้เรียกย่อๆ ง่ายๆ และตีความได้เข้าข้างตัวเอง หรือสร้างภาพเสียหายให้ศัตรู เป็นเทคนิคของการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง
เช่น Iron Curtain : ม่านเหล็ก ที่ดูน่ากลัว, The Third Reich ที่ย้อนโหยหาคืนวันอันรุ่งเรืองในอดีต และมักใช้สถาบันที่สูงส่งเข้ามาสร้างภาพเป็นส่วนหนึ่งของชื่อด้วย เช่น Imperial Army : กองทัพบกของสมเด็จพระจักรพรรดิ ของกองทัพญี่ปุ่น ถ้าจะหาเอาใกล้ๆก็เช่น ฟักแม้ว, หน้าเหลี่ยม, หมูกชมพู่, นอมินีเหลี่ยม, กะทิ, มารเฒ่าแซ่ลิ้ม, โจรโพกผ้าเหลือง เป็นต้น


ขนาดพันธบัตรยังใช้คำว่า พันธบัตรเสรีภาพเล

5. Black and White fallacy : ตรรกะผิด-ถูก แบบขาว-ดำ ผู้โฆษณาชวนเชื่อ ต้องสร้างภาพการแบ่งแยกฝ่ายถูกผิดชัดเจนเป็นสีขาว-ดำ ใครเข้าข้างจะเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายธรรมะ ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็จะถูกผลักไปเป็นฝ่ายผิด เป็นฝ่ายอธรรมทันที ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ คำพูดของจอร์จ บุช จูเนียร์ เมื่อตัดสินใจบุกอิรักว่า "If you don't be aside with America, you are with terrorrist."

ใน โลกสีเทาหม่นๆของความเป็นจริง เราแสวงหาความดี ความถูกต้อง ตามหลักคำสอนทางจริยธรรมและศีลธรรมอยู่เสมอ เมื่อผู้โฆษณาชวนเชื่อตั้งธงให้เข้าร่วมกับความถูกต้องชัดเจนย่อมไม่แปลกที่ จะหลงเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวอย่างง่ายดาย และอาจไม่ฉุกคิดเลยว่า สิ่งที่เขาพูดไม่ตรงกับการกระทำอย่างใดเลย

ใช่-ไม่ใช่พี่น้อง (ฮา)

6. Flag Waving, Beautiful thing, and Great People reference : ชูธงสูงส่ง อ้างสิ่งสวยงาม ตามหลักมหาบุรุษ การโฆษณาชวนเชื่อนั้นจะอ้างตนเองและกลุ่ม แนวคิดของตน ให้ดูยิ่งใหญ่ สูงส่ง อลังการ มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ด้วยคำพูดและป้ายประกาศ ใช้ข้อความที่ดูดี อ้างอิงสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือนามธรรมที่คนยอมรับว่าดี เช่นเทพเจ้า พระเจ้า เทพยดา อ้างแนวทางของบุคคลในประวัติศาสตร์ ศาสดาที่ยิ่งใหญ่ เช่น พระพุทธเจ้า พระมะหะหมัด พระคริสต์ มหาตมะคานธี อับราฮัม ลินคอล์น อ้างพระคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ ฯลฯ



แต่ การอ้างดังกล่าวแตกต่างไปจากการเผยแผ่หรือโน้มนำที่ดีตามปกติ ด้วยว่าการโฆษณาชวนเชื่อ จะนำภาพลักษณ์ที่ดูสูงส่งสวยงามเหล่านั้นมาบิดเบือนให้เข้าข้างแนวคิดของตน
เช่น นาซีอ้างพระคัมภีร์ที่ว่ายูดาทรยศพระคริสต์ มาบ่มเพาะความเกลียดชังชาวยิวทั้งหมด โดยละเลยไปว่าพระคริสต์เองและอัครสาวกก็เป็นชาวยิว,
ฏอลิบันอ้างกุรอ่าน ว่าห้ามบูชารูปเคารพ มาทำลายพระพุทธรูปโบราณที่บามิยัน ทั้งๆที่ไม่มีใครแถวนั้นบูชาอีกแล้ว เป็นเพียงมรดกศิลปะเก่าแก่เท่านั้น

7. Disinformation by mass media : ควบคุมกำจัดข้อมูลผ่านสื่อสารมวลชน การบอกข้อมูลไม่ครบ บอกความจริงไม่หมด เลือกแต่เฉพาะข้อมูลหรือข่าวที่ส่งผลดีต่อฝ่ายตนเอง ใช้การอ้างนอกบริบท หรือนำคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาแต่งเติมเสริมเข้าไปให้ดูดี....
ยิ่ง ใช้สื่อมวลชนที่เข้าถึงคนหมู่มาก ยิ่งบอกผ่านกันไปปากต่อปาก และยิ่งดูน่าเชื่อถือ หลายๆคนพอตั้งข้อสงสัย ก็ถูกตอบว่า "ก็ทีวีว่ามาอย่างนี้ล่ะ"



ข้อนี้เราคงเห็นกันตามสื่อสารมวลชนอยู่ทุกวันแล้วนะครับ

ปกติ หน้าที่ของสื่อข้อหนึ่งคือ Gatekeeper ผู้คัดกรองข่าวสาร เลือกข่าวสารที่มีประโยชน์และเป็นจริง และกำจัดข้อมูลชยะที่เป็นเท็จและไม่เป็นประโยชน์ทิ้งไป
รวมถึงการเรียบเรียงข้อมูลให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่เมื่อสื่อมาโฆษณาชวนเชื่อแล้ว การคัดกรองข่าวสารก็จะบิดเบี้ยว
กลาย เป็นว่า คัดเฉพาะข้อมูลที่เข้าข้างฝ่ายตน มีประโยชน์ต่อตนเอง หรือหากข้อมูลเป็นกลางก็จะนำมาตัดแต่งเติมต่อตีความให้เข้ากับแนวคิดของตน เอง
รวมทั้งการเรียบเรียงให้ง่าย(simplification) ที่ตัดทอนและละเลยข้อเท็จจริงไป แล้วนำเรื่องยากซับซ้อนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจสูงมาพูดเป็นเรื่องพื้นๆให้ คนเชื่อตาม

เอ่อ นี่อาจจะเป็นตัวอย่างได้ http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=339560

.................................................................................................................................................................................

การโฆษณาชวนเชื่อ แตกต่างและน่ากลัวกว่าการโฆษณาและชักจูงตามปกติ
เพราะมันจะทำให้ตรรกะของคุณบิดเบี้ยวโดยคุณไม่รู้ตัว
คุณจะเห็นคนอื่นผิดหมด ขณะที่ตัวเองถูกต้องเพียงคนเดียว
คุณจะไม่เหลียวแม้แต่หางตามองสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเชื่อของคุณ
คุณจะกล้าใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ เสียดสี คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ ทั้งๆที่คุณไม่เคยมีนิสัยหยาบคายมาก่อน
คุณจะพร้อมบริจาค ทุ่มเททั้งกำลังกายและทรัพย์สินให้กับสิ่งที่คุณเชื่อ โดยไม่เหลือให้ตัวเองและครอบครัว
และเมื่อคุณรู้ตัว สังคมของคุณจะเหลือเพียงแต่กลุ่มคนที่เชื่อโฆษณาชวนเชื่อแบบเดียวกับคุณเท่านั้น

War is Peace
Freedom is Slavery
Knowledge is Ignorance

Big Brother is Watching You!



ระวัง! ผมอาจจะกำลังโฆษณาชวนเชื่อพวกคุณผู้อ่านอยู่เช่นกัน

อ้างอิง

กิติมา สุรสนธิ. การสื่อสารสาธารณมติ. คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2550.
http://en.wikiquote.org
http://en.wikipedia.org/wiki/Propaganda
http://www.holocaustresearchproject.org/holoprelude/nazprop.html

อย่าไปโทษ

อย่าไปโทษ พันธมารสันดานหมา
อย่าไปโทษ ศักดินาอำมาตย์ใหญ่
อย่าไปโทษ ตุลาการศาลใดใด
อย่าไปโทษ ผู้เป็นใหญ่กำหนดมา

อย่าไปโทษ โกรธเต้นเป็นเพราะสื่อ
อย่าไปโทษ ว่านี่คือลิขิตฟ้า
อย่าไปโทษ คณาจารย์เหล่าครูบา
อย่าไปโทษ ทหารบ้าเผด็จการ

เพราะตัวเอง ไม่เคยลุกปกป้องสิทธิ์
เพราะตัวเอง ไม่เคยคิดออกไปต้าน
เพราะตัวเอง ปล่อยให้สายจนเกินการ
เพราะตัวเอง อยู่แต่บ้านนิ่งนอนใจ

ถึงวันนี้ โอกาสมีแม้เหลือน้อย
ถึงวันนี้ หมดสิทธิ์ถอยกลับไปใหม่
ถึงวันนี้ หากต้องแพ้คงเข้าใจ
ถึงวันนี้ อย่าโทษใคร เพราะตัวเอง

แฮรี่ พอตตู้ กับ...... (ภาคพิเศษ)

ที่ชานชาลา 6/10/19 แห่งนั้น แฮรี่ืยืนอยู่คนเดียว พร้อมกับสัมภาระที่เตรียมไปเรียนที่ฮอกวอตส์

เขาืยืนคอยอยู่นานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่ารถไฟขบวนที่จะต้องนั่งไปฮอกวอตส์จะโผล่มาให้เห็น

ที่สำคัญ เพื่อนๆ ร่วมโรงเรียนพ่อมดของเขา ก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นแม้แต่คนเดียว

แฮ รี่เริ่มกังวลนิดหน่อย เขาพยายามใช้โทรศัพท์ของพวกมักมาก เอ๊ย มักเกิ้ล โทรไปหา 'หลอน' และ 'เพชรอยู่ไหนนี่' สองเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่มีสัญญาณ

'เอ๊ะ หรือว่าเราจำวันไปโรงเรียนฮอกวอตส์ผิด' แฮรี่คิดในใจ (แต่เราเสืือกได้ยินกันได้ไงก็ไม่รู้)

เพื่อหาอะไรทำ จะได้ไม่ต้องมายืนกลุ้มอย่างเดียว แฮรี่จึงตรวจสัมภาระที่โรงเรียนสั่งให้เตรียมสำหรับเทอมนี้ไปพลางๆ

" กรงนกฮูก 'เฮ็ดหยัง'.. เอามาแล้ว หม้อใหญ่ซีรัดตอนแหกสำหรับต้มน้ำริมสระ.. เอามาแล้ว ไม้กวาดยี่ห้อล้างทักกี้ 2007.. เอามาแล้ว" แฮรี่คุ้ยของพร้อมกับออกเสียงทวน เมื่อเสร็จสัมภาระชิ้นใหญ่ก็คุ้ยตำราเรียนต่อ "กงจักรปีศาจสำหรับวิชาเวทมนต์ขั้นสูง. เอามาแล้ว คู่มือดูเพชรต้องสาป 'บลูไดมอนด์'... เอามาแล้ว คู่มือน้ำยาต้มมนุษย์สูครใหม่... เอามาแล้ว คู่มือ Propaganda เบื้องต้น เอามาแล้ว แล้วก็็หนังสือ TKNS.. เอ๊ะ นี่หนังสืออะไรหว่า.."

แฮรี่หยิบหนังสือขึ้นมาพลิกดู อ้อ หนังสือสำหรับวิชาสัตว์วิเศษนี่เอง

กำลังอ่านผ่านๆ ส่งผลให้ตาของแฮรี่เป็นประกายสว่างไสวกว่าเดิมนิดหน่อย แฮรี่ก็ได้ยินเสียงตวาด

"หยุด ยอมให้จับเสียดีๆ"

แฮรี่สะดุ้ง หันไปทางต้นเสียง ก็เห็นนายตำหลวดหย่าย ชื่อว่า จงเกลียด (จงชัง) มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำลวดกลุ่มใหญ่

ข้างหลังตำลวด.. ไกลออกไปสองสามก้าว มีคนใส่ชุดเขียวเคาะไม้เล่นเสีัยงดัง "ป๊อก ป๊อก" ยืนคุมเชิงอยู่

"ฉันขอจับแก ข้อหา 112 ว่าด้วยการหมิ่นเหม่ฯ ยอมให้จับเสียดีๆ" นายตำหลวดหย่ายประกาศ

ผู้ คุมวิญญาณสองตัวพุ่งเข้ามาหาแฮรี่ทันทีที่สิ้นเสียงจงเกลียด แฮรี่คว้าไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาตามสัญชาตญาน เพื่อเสกคาถาผู้พิทักษ์มาคุ้มครอง

คาถาผู้พิทักษ์ของแฮรี่เป็นรูปตึกใหญ่มีหกเสา ป้ายปรากฏเลือนๆ พออ่านได้ว่า "สานปกครอง"

ยังไม่ทันที่ตึกจะเสร็จสมบูรณ์ รูปตึกนั้นก็กระจายหายไป ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียวของท่านจงเกลียด (จงชัง)

"เฮอะ ไม่ใช่เสื้อเหลือง, ASTV หรือ Santika เสือกอยากจะให้สานคุ้มครอง"

แฮรี่ถูกรวบด้วยผู้คุมวิญญาณแล้วตอนนี้ จงเกลียดเดินเข้ามาหยิบหนังสือที่แฮรี่ถืออยู่ไปจากมือ

" ไปอยู่ในคุกกับเพื่อนๆ แกทั้งหมดเถอะ ตอนนี้เราจับทุกคนเข้าไปขังในอัซคาบันหมดแล้ว" จงเกลียดเดินเข้ามายิ้มหยัน "แม้แต่อาจารย์แกทุกคนก็ด้วย"

"ไม่จริง" แฮรี่ตะโกน "ดับเบิ้ลดอเก่งกว่าพวกแก อาจารย์ไม่มีทางโดนพวกแกจับ"

" เฮอะ ไอ้หนู" จงเกลียดหัวเราะ "ดับเบิ้ลดอจะสู้'ทริปเปิ้ลเมีย'ได้ไง ท่านทริปเปิ้ลเมียแม้จะมีอันเดียว แต่ก็กำจัดแม่มดสาวไปทั่วแผ่นดินแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึง "ท่าน" เลยนะ ท่านยิ่งมีฤทธิ์มากกว่านั้นอีก ขนาดไปไหน ฝนยังหยุดตกให้ พออยากทำให้มีฝน ท่านก็ทำได้ ท่านทำโน่นนี่ได้สารพัดเลยละ"

"ท่านที่แกว่าคือใครกัน?" แฮรี่ตะโกนถามขณะที่โดนผู้คุมวิญญาณลากไปตามชานชาลา

" ท่านผู้ที่ไม่ควรเอ่ยนาม ท่านที่แกก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร เพราะแกอาศัยแผ่นดินท่านอยู่" จงเกลียดตอบ พร้อมเดินไปอีกทางหนึ่ง ไปยังรถสีขาวๆ คันใหญ่ที่จอดซุ่มอยู่ห่างๆ

แฮรี่ยังทันได้ยินเสียงที่พูดกับจงเกลียด ดังแว่วๆ มาจากรถคันนั้น ก่อนที่เขาจะถูกยัดขึ้นรถไปยังอัซคาบัน

"ท่านทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง เราชอบมากกกก"

ทักษิน ผู้โง่เขลา

บุคคล คนนี้ ประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านการงานรวยมีเงินเป็นหมื่นๆล้าน แต่ก็ยังอยาก ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น หรือรักษาธุรกิจ ตัวเองไว้ก็มิทราบได้ แต่การที่เขาก้าวเข้าสู่การเมือง ก็ประกาศสงครามกับคนชั่วๆ ทั้งหลายในชาติบ้านเมือง ซึ่งก่อให้เกิด ผลกรรม ที่กระทำในภายภาคต่อมา โดยนโยบายแต่ละอย่างที่ออกมานั้นผู้ที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งหากินกับรากหญ้า หรือผู้ที่อ่อนแอกว่านั้น ได้สูญเสียผลประโยชน์ส่วนตัวไปมากมาย

1. ประกาศสงครามกับยาเสพติด นโยบายนี้เมื่อเริ่มดำเนินการ ก่อให้เกิดผลดีแก่ชาติ มหาศาล จากที่ประชาชน เยาวชน ที่ติดยาบ้า มีข่าวจี้ตัวประกันรายวัน พาดหัวหนังสือพิมพ์ อยู่ทุกวัน กลายเป็นการฆ่าตัดตอน โดยฝ่ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ หรือ พวกเดียวกันเอง ซึ่งก็ไม่มีใครทราบได้ แต่ก็โดนใส่ร้ายโดย นักสิทธิมนุษยชนว่า โดนฆ่าตัดตอนโดยฝ่ายรัฐบาล แต่ก็โดนประชาชนตบหน้า โดยการสำรวจว่าพอใจในนโยบายและการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลเป็นอันดับ 1 ตลอดการบริหารงานของรัฐบาลแม้ว 1

2. ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งงานนี้ ผู้มีอิทธิพล ในประเทศไทย ก็ไม่มีใคร นอกจากพวกที่มีสีทั้งหลาย ปฎิเสธไม่ได้ว่า ทั้ง ตร ทห ขรก ที่มีอำนาจอยู่ในมือและ ใช้อำนาจโดยมิชอบเป็นผู้เสียหายจากนโยบายนี้ อย่างมาก
จึงก่อเกิดให้มีการปฏิวัติตามมา ในยุคนี้ซึ่งไม่น่าจะมีเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเลยในประเทศไทย

3. จัดระเบียบสังคม งานนี้ต้องยกนิ้วให้กับ รตอ.ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ที่ดำเนินการจัดระเบียบสังคมให้กับเมืองไทย กับสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน ที่มอมเมาเยาวชน ที่ปล่อยปะ ละเลยมานานปล่อยให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปเที่ยว มัวเมากับอบายมุขชนิดนี้ ซึ่งผู้ที่เสียหายจากนโยบายนี้กว้างขวางทั้ง ผู้มีอิทธิพลที่มีสีทั้งหลายที่เรียกเก็บ หัวคิวจากร้านที่อนุญาตให้เปิดเกินเวลา และให้เด็กอายุน้อยเข้า ซึ่งพวกนี้ คุมโดยสีกากี และสีเขียว เสียหายกันมาก


4. 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่ทำให้หมอที่เปิดคลีนิกเสียหายกันอย่างมาก และการที่จะออก ’หมายให้หมอสั่งจ่ายยาได้อย่างเดียว ไม่สามารถ ขายยาได้ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ กลุ่มชนชุดสีขาวที่มีรายได้จากส่วนนี้ ต่อต้าน


5. หวยบนดิน ปฎิเสธไม่ได้ว่า หวยใต้ดินนั้นอยู่คู่เมืองไทยมานานไม่มีใครปราบได้ แต่มายุติ ในยุคของนายกคนนี้ ผู้ที่เสียผลประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านต่อปี ย่อมไม่พอใจท่านเป็นธรรมดา เจ้ามือหวย รวมทั้งสีกากีที่มีผลประโยชน์ในด้านนี้ด้วย ก็จะรุมจวกท่านเป็นธรรมดา


6. กองทุนหมู่บ้าน -SME -แปลงสินทรัพย์เป็นทุน การให้เงินหมู่บ้านละล้านและให้ประชาชนจัดการกันเอง การปล่อยกู้ให้ SME ต่างๆ การแปลงสินทรัพย์แผงค้า ร้านเล็ก ให้สามารถกู้ได้กับ ออมสิน เป็นการตัดรายได้ของ ผู้ให้กู้นอกระบบ ที่เอาเปรียบคนจนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ซึ่งคนพวกนี้ก็จะอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ที่มีฐานะ และทำนาบนหลังคน เป็นอาชีพ อยู่แล้ว ย่อมเกลียดท่านเป็นธรรมดา


7. จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการกำหนดราคายางกับ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ท่านโดนแน่จากผู้เสียประโยชน์ พ่อค้าคนกลางที่กดราคายางไว้มานาน และช่องทางการหากินจากข้าราชการและนักการเมืองที่ หากินกับยางมาช้านาน



8. ปฏิรูปราชการ จากนโยบายนี้ "เช้าชาม เย็นชาม" เริ่มไม่มีเห็นในระบบราชการไทย ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่เราไปติดต่อสถานที่ราชการ จะรวดเร็วและสะดวกขึ้นกว่าเดิม งานนี่ข้าราชการที่ไม่สามารถ หารายได้จากการเรียกผลประโยชน์จากการติดต่อ เงินใต้โต๊ะก็หายไปเยอะ เช่นการประมูลเลขสวย เที่ยวนึงๆ ได้เงินประมูลเป็นร้อยเป็นพันล้านบาท ผลประโยชน์นี้ คนที่เคยได้ก็ต้องไม่พอใจเป็นธรรมดา

9. สนามบินสุวรรณภู ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เมื่อมีการย้ายสนามบินไปจากดอนเมือง กลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์นั้นคือใคร ที่อยู่แถวดอนเมือง กลุ่มมาเฟีย อิทธิพลต่างๆ รายได้หดหายไปเยอะ มาก จึงต้องมีมาตรการย้ายเที่ยวบินในประเทศกลับมาดอนเมืองอีก


ยังมีอีกมากมายที่บุรุษที่โง่เขลาคนนี้ ได้สร้างศัตรูไว้อีก ซึ่งเป็นการสร้างความเจ็บแค้นให้กับพวกเขา แต่ยังไงก็แล้วแต่ บุรุษผู้นี้กลับสร้างคุณประโยชน์ ให้กับรากหญ้าที่มีจำนวนมากกว่า ผู้ที่เสียประโยชน์อีกมากมาย จึงทำให้เขาครองใครรากหญ้าที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย ทำให้รากหญ้าได้ลืมตาอ้าปากบ้าง แม้จะไม่มากในสายตาคนที่พอจะมีกินหรือเศรษฐีต่างๆ แต่มันก็เพียงพอสำหรับเขา รากหญ้าผู้ด้อยโอกาส ในสังคมไทยที่โดนกดหัวเพราะความด้อยโอกาส ของเขามานาน

"และถึงแม้คุณ จะเป็นบุรุษที่โง่เขลา ที่สร้างแต่ศัตรูทั่วประเทศ กับคนชั่วๆ แต่ยังไง คุณก็เป็นผู้บริหารคนนึงที่ผมยกให้ว่าเป็น นายก ที่ปฎิรูป ให้ประเทศไทยได้ก้าวเดินไปข้างหน้า อย่างเป็นรูปธรรม และประสบผลสำเร็จ อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดเท่าที่เป็นมา "

รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ ถูกกล่าวหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ

รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ ถูกกล่าวหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ


วัน ที่ 25 ธันวาคม 2551 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหามายัง รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย โดยผู้กล่าวหาคือ พันตำรวจโทพันศักดิ์ ศาสนอนนต์ (ซึ่งเข้าใจว่าสังกัดตำรวจสันติบาล)

รศ. ใจ อึ๊งภากรณ์ ได้ถูกสั่งให้ไปพบพันตำรวจโท อุดม เปี่ยมศักดิ์ ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันในวันอังคารที่ 13 มกราคม 2552 เวลา 13.00 น. ในขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ จะแถลงข่าวที่หน้าสถานีตำรวจปทุมวันเวลา 12.30 น. และพร้อมที่จะตอบคำถามของนักข่าวภายหลังที่ได้เข้าไปพบตำรวจ โดยที่มีการประชาสัมพันธ์ข่าวเรื่องนี้ไปสู่สำนักข่าวต่างประเทศ สถานทูตต่างๆ และนักวิชาการที่สนใจประเทศไทยในต่างประเทศอีกด้วย

สถาบัน กษัตริย์ได้ถูกนำมาอ้างในการต่อสู้ของกลุ่มการเมืองต่างๆ เช่น กรณี รัฐประหาร 19 กันยา และกรณีการปิดสนามบินโดยพันธมิตรฯเป็นต้น และข้อกล่าวหาเรื่องหมิ่นเดชานุภาพถูกใช้ในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง มาอย่างต่
อเนื่อง จนมีนักวิชากรและนักสิทธิมนุษยชนหลายคนมองว่ากฎหมายหมิ่นเดชานุภาพมีผลในด้านลบต่อสถ
าบันกษัตริย์

มัน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่นักรัฐศาสตร์ในประเทศไทย จะต้องพยายามวิเคราะห์ลักษณะของสถาบันกษัตรย์ในบรรยากาศที่ต้องมีการปกป้อง สิทธิเสรี
ภาพทางวิชาการ และสิทธิเสรีภาพทั่วไปในระบบประชาธิปไตย การใช้กฎหมายหมิ่นเดชานุภาพเพื่อพยายามปิดปากนักวิชาการ เป็นการพยายามสร้างบรรยากาศที่ประชาชนจะไม่สามารถรับรู้แลกเปลี่ยนและถก เถียงเกี่ยวก
ับสถาบันที่มีความสำคัญกับสังคมไทย รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ มีบทความวิชาการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่พยายามวิเคราะห์ลักษณะของสถาบัน กษัตริย์ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปอ่านอย่างเสรีได้ ในงานประชุมรัฐศาสตร์แห่งชาติที่พึ่งจัดขึ้นที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ ได้นำเสนอบทความเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อีกด้วย

รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ พร้อมที่จะสู้ข้อกล่าวหาคดีหมิ่นเดชานุภาพในทุกรูปแบบเพื่อปกป้องเสรีภาพทางวิชาการแ
ละสิทธิเสรีภาพในระบบประชาธิปไตย

เนื่องจากข้อกล่าวหาในครั้งนี้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ
รัฐ คำถามสำคัญคือ รัฐบาลใหม่ของพรรคประชาธิปัตน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้และคดีอื่นๆอีกหลายคดีอย่าง
ไร เพราะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะเข้มงวดมากขึ้นในคดีหมิ่นเดชานุภาพ และในวันที่ 23 ธันวาคม 2551 ก็มีการกล่าวหานักข่าว BBC ประจำกรุงเทพในข้อหาเดียวกัน

11 มกราคม 2552

Associate Prof. Giles Ji Ungpakorn summonsed by police over les majesty case


Associate Professor Giles Ji Ungpakorn, Faculty of Political Science, Chulalongkorn University, has been summonsed to Pathumwan police station for questioning at 13.00 hrs on Tuesday 23th January 2009. The summons was issued as a result of a complaint filed by Special Branch Police Lt Col. Pansak Sasana-anund. Professor Ungpakorn has been accused by the above individual of les majesty. No details have been given of the allegations. Such details should be revealed after the initial police interview. Professor Ungpakorn has not yet been officially charged.

Professor Ungpakorn will give a press conference outside the Pathumwan police station at 12.30 and will also be available to answer questions after the police interview.

As a political science lecturer, Professor Ungpakorn has written a number of academic articles concerning the monarchy. These can be read on his web blog: http://wdpress.blog.co.uk/ and in his book “A Coup for the Rich”. The book was withdrawn from sale by Chulalongkorn University and Thammasart University bookshops. It can be down-loaded from his weblog for free.

The Monarchy has been quoted and used by various political factions in Thailand to legitimise their actions. The most notable cases are the 19th September 2006 military coup and the illegal protests by the yellow-shirted P.A.D., which included shutting down the international airports. Les Majesty charges in Thailand are notorious for being used by different political factions to attack their opponents. Many believe that this law is actually counter-productive to defending the Monarchy. This is why it is very important that political scientists attempt to analyse the real role and nature of the Thai Monarchy in an atmosphere of freedom and democracy.

Professor Ungpakorn is prepared to fight any les majesty charges in order to defend academic freedom, the freedom of expression and democracy in Thailand.

Since this accusation was filed by a Special Branch officer, the present Democrat Party Government should be questioned about its role in this and many other cases. The new Prime Minister has stated that he wants to see a firm crackdown on les majesty. In late December, the police filed allegations of les majesty against the BBC correspondent in Bangkok, Jonathan Head. Many other cases are also pending.

Bangkok 11 January 2009

What you can do

1. Write a letter of protest/concern to Prime Minister Abhisit Vejjajiva, Government House, Bangkok, Thailand
2. Write a letter of protest/concern to the Ambassador, The Royal Thai Embassy, in your country.
3. Demand that Amnesty International take up all Les Majesty cases in Thailand.

สุเทพ อภิสิทธิ ระนองรัตน์ ประวิทย์ อย่าอ้างเรื่องหมิ่น ฯ มาปิดปากประชาชน

thaifreenews.com


บทความ โดย Bugbunny
สุเทพ อภิสิทธิ ระนองรัตน์ ประวิทย์ อย่าอ้างเรื่องหมิ่น ฯ มาปิดปากประชาชน
เสาร์ ที่ 10 เดือน มกราคม พ.ศ.2552

- ความพิกลพิการอ่อนระทวยของรัฐบาลข่มขืนประชาชน ซึ่งนายอภิสิทธิ นายสุเทพ ร่วมมือกับพรรค ปชป แก๊งค์ทหารเสือราชินี พวกทรยศหักหลังประชาชน และอำนาจนอกระบบ ช่วยกันรวบหัวรวบหางจัดตั้งขึ้นจนได้ด้วยสารพัดวิชามารในวันนี้ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนไปทั่วประเทศและสังคมโลก กระแสไม่เอารัฐบาลหน้าด้านชุดนี้กำลังโต้กลับอย่างหนักหน่วง จนรัฐบาลไร้คุณธรรมและทุกคนที่เข้าไปร่วมกับรัฐบาลนี้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นั้นรู้อยู่แก่ใจตนเองว่า แม้จะมีความพยายามสร้างภาพเรื่องสมานฉันท์ รวมทั้งช่วยกันแสดงว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลในฝันของพวกอมาตยาธิปไตยทุกระดับ ทั้งคำพูดและการแสดงออกของแกนนำ ระดมกันออกมาเชียร์รัฐบาลนี้กันเป็นระลอกว่าเป็นรัฐบาลสุดยอดที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา แต่ก็ไร้ผล ไม่มีใครเห็นคล้อยตาม หมดราคาที่จะสร้างความเชื่อถือ แถมยังต้องถูกสาปแช่งกลับคืนแทนจากผู้ที่รับไม่ได้กับการข่มขืนใจคนทั้ง ประเทศโดยไม่สนใจกับเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ข้า ราชการหลายคนที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ต่างส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจไปกับความ ดื้อด้านไร้ยางอายของคนในรัฐบาลนี้ บางคนเอ่ยปากอย่างเปิดเผยว่า มันจะอยู่ได้ยังไงว้า โดนไล่วันละไม่รู้กี่เที่ยวแบบนี้” โดยเฉพาะเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่คนใหญ่คนโตบางคนซึ่งไม่เคยโชว์หน้าจนเชื่อว่า จะไม่มีใครรู้จักยังถูกขว้างด้วยไข่ การเป็นรัฐบาลที่ขาดประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนนั้นไร้อนาคต ไม่ว่าทำอะไรก็จะถูกต่อต้าน เมื่อขโมยเอานโยบายของพรรคการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมาห่อของขวัญผูกริบบิ้น ใหม่อ้างเป็นของตัวเองก็ถูกเปิดโปงจนล่อนจ้อนว่าเป็นแค่นาฬิกาปลอมยี่ห้อดี แต่ไม่มีคุณภาพที่ขายกันเกลื่อนเรือนละไม่กี่ร้อยบาท ไม่ใช่ของแท้เพราะเครื่องจักรที่ประกอบกันเป็นตัวเรือนนั้นล้วนไม่มีคุณภาพ ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยฝีมือช่างชั้นดีและชิ้นส่วนที่ทรงคุณภาพ แต่มุ่งหวังเอามาหลอกขายเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเป็นหลักเท่านั้น



- นานาชาติก็พากันดูหมิ่นดูแคลนเพราะรับไม่ได้กับที่มาของรัฐบาลนี้ ข่าวสารจากสื่อมวลชนโลกหยามหยันกันอย่างหนักหน่วง มีผลให้นักธุรกิจและผู้บริหารชาวต่างชาติทั่วโลกต่างพากันชะลอการขับเคลื่อน ทางเศรษฐกิจที่จะกระทำในประเทศนี้ออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์กันก่อนว่า รัฐบาลข่มขืนประชาชนชุดนี้จะมีอายุอยู่ได้เท่าใด เมื่อไม่มีฐานที่แท้จริงมาจากประชาชน ถ้าเป็นในอดีต การได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ พรรคการเมืองขายตัว และอำนาจนอกระบบก็เกินพอแล้วสำหรับความเข้มแข็งของรัฐบาลไทย แต่หลังการใช้รัฐธรรมนูญ 2540 และ รัฐบาลทักษิณ รวมกับความเติบโตของการสื่อสารสาธารณะ การแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่กว้างขวางทันสถานการณ์ โลกไซเบอร์ โทรศัพท์มือถือ เสรีภาพที่ได้รับมานานจากประชาธิปไตย การออกมาสู่ท้องถนนของประชาชน ฯลฯ โลกก็รับรู้ว่าเมืองไทยวันนี้ไม่ใช่เมื่อสามสิบปีก่อนที่จะสังหารผลาญชีวิต ผู้มีความเห็นต่างจากผู้มีอำนาจได้แบบปิดฟ้าด้วยฝ่ามือโดยถล่มด้วยสื่อ สารพัดในมือจนสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้นกับการประกอบอาชญากรรมร้ายแรงกัน ได้ง่าย ๆ


- รัฐบาลข่มขืนประชาชนและผู้สนับสนุนวันนี้กังวลและหัวหมุนไปกับการแก้เกมจาก ฝ่ายต่อ ต้านที่ขยายวงกว้างไปทุกระดับทุกวงการทุกแหล่งแห่งหนทั่วประเทศ แม้แต่ในหมู่พวกตัวเองก็ยังหวาดระแวงว่าจะถูกแทงข้างหลัง ไม่กล้าจะทำอะไรกันมากนัก เพราะไม่รู้ว่าจะโดนโต้กลับในรูปใด และคนในเองจะหักหลังเอาเมื่อไหร่ เนื่องจากตั้งรัฐบาลด้วย Conspiracy Theory หรือ การสมคบคิดกันหักหลังหลอกลวงและข่มขู่ ไม่ใช่ตั้งขึ้นด้วยฉันทานุมัติทั้งจากประชาชนส่วนใหญ่และมิตรร่วมอุดมการณ์ ที่เห็นพ้องต้องกันแต่ประการใด ทุกคนต่างกังวลกับคนเสื้อแดงที่รัฐบาลนี้พยายามผลักดันว่าเป็นคนของทักษิณ ซึ่งเพียงสมมติฐานก็ผิดฉกรรจ์แล้ว แต่รัฐบาลนี้ก็พยายามประโคมการขอเจรจากับทักษิณ กล่าวโทษว่าจ้างลอบบี้ยิสต์ให้ทำลายชื่อเสียง อ้างไปว่าเป็นการทำลายชาติทั้งที่รัฐบาลอภิสิทธินั้นไม่ใช่ประเทศไทย เป็นเพียงทีมบริหารประเทศทีมหนึ่งที่มาแล้วก็ต้องไปถ้าไม่มีใครเอา โยนบาปให้ทักษิณ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าคนรักทักษิณในวันนี้ต่างได้เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนรัก ประชาธิปไตยกันสิ้นแล้ว และที่ชูทักษิณก็เพราะทักษิณคือสัญลักษณ์ของการขึ้นบริหารประเทศด้วย ประชาธิปไตย คนที่เคยเกลียดทักษิณเพราะเป็นเหยื่อการหลอกลวงของกลุ่มผู้ก่อการร้าย พันธมิตรวันนี้ต่างก็ตาสว่าง เพราะได้เห็นว่าคนพวกนั้นประกอบอาชญากรรมเลวทรามกันแบบไหนก็ได้โดยไม่มีความ ผิดเพราะเส้นใหญ่ที่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ขบวนการใช้นักกฎหมายกดขี่ประชาชนก็ทำให้พวกนักกฎหมายถ่อยกลายเป็นที่ชิงชัง ของคนทั้งประเทศ ความอาสัตย์อาธรรม์และสารพัดการกระทำไร้ยางอายเหล่านี้ส่งผลให้คนไทยที่เคย หลงเชื่อคำหลอกลวงมาก่อนกลับกลายเป็นคนเสื้อแดงเข้าร่วมกับการต่อสู้ของภาค ประชาธิปไตยกันอย่างมากมาย เพราะความเท็จอยู่ไม่นาน สัจจะเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์


- จึง...ถึงเวลาที่จะต้องหาทางปิดปากประชาชนไม่ให้พูด จะใช้อิทธิพลกองทัพมาคำรามข่มขู่ประชาชนก็ไม่กลัว จะเก็บเงียบก็กลัวว่าจะถูกเปิดโปงเพราะวันนี้ไม่มีอะไรเงียบสนิทได้อีกแล้ว เกรงนานาชาติจะต่อต้านเพราะผลประโยชน์ของพวกตนในต่างชาตินั้นก็มีมากมาย จึงต้องใช้กฎหมายหมิ่น ฯ มาอ้างเพื่อทำการปิดเวปไซท์ต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วก็คือเวปไซท์ที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลชุดนี้ด้วยการ ข่มขืนใจประชาชน ต้องใช้วิธีตีขลุมรวมไปหมดว่าเวปไซท์ต้านรัฐบาลทุกเวปคือเวปหมิ่นฯ เป็น วิธีการหน้าด้านรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อปิดปากประชาชน แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะกระทำได้จริงหรือไม่ เพราะในสมัย คมช.นั้นใช้ทั้งกำลังทหารและสารพัดมือเทคนิค แต่ก็ไม่ปรากฏว่าปิดปากใครได้ง่าย ๆ เลย ทั้งที่เป็นเผด็จการเต็มขั้น เพราะฝ่ายประชาชนพลิกแพลงสถานการณ์ได้ตลอด โลกไซเบอร์ประชาชนขอยืนยันว่า จะไม่มีการยอมแพ้ต่ออำนาจใด ๆ ที่ไม่สนใจความปรารถนาที่แท้จริงของประชาชนอย่างแน่นอน จะสู้ทุกวิถีทางเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เมืองไทยให้ได้ในเวลาอัน ใกล้นี้

thaifreenews.com