อ่านให้จบ เรื่องสำคัญมากๆ
เรื่องที่ 1 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผม เป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก ตามที่จอดรถ เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่) พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex (สายที่วนๆ คล้ายสปริง) กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
ก็ เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมาคงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง กดเซ็นทรัลล็อค
ขณะ ที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
มัน ตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอซักไปซักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......
ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
เป็นห่วงทุกคนนะครับ
เรื่องที่ 2 อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอ เข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่ พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้ แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติ เมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขา อาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
เรื่องที่ 3 ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เรื่องที่ 4 ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะ ที่ภรรยาผมกำลังเล่นกั บลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เรื่องที่ 5 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวก เขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน (นี่มันปล้นกันชัดๆ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด
เรื่องที่ 6 ตอน รถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมอ งเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลย ไป
เรื่องที่ 1 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผม เป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก ตามที่จอดรถ เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่) พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex (สายที่วนๆ คล้ายสปริง) กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
ก็ เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมาคงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง กดเซ็นทรัลล็อค
ขณะ ที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
มัน ตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอซักไปซักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......
ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
เป็นห่วงทุกคนนะครับ
เรื่องที่ 2 อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอ เข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่ พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้ แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติ เมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขา อาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
เรื่องที่ 3 ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เรื่องที่ 4 ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะ ที่ภรรยาผมกำลังเล่นกั บลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เรื่องที่ 5 หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวก เขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน (นี่มันปล้นกันชัดๆ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด
เรื่องที่ 6 ตอน รถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมอ งเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลย ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น