CBOX เสรีชน

17 มกราคม, 2552

อย่า...ทำนาบนหลังคน!

ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายการ “คุยข่าว” หรือ “เล่าข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ว่าเป็นรายการที่ “อันตราย” เนื่องจากมีการชี้นำผู้ชม และองค์กรวิชาชีพควรหารือกันในเรื่องนี้

ปัจจุบันรายการเล่าข่าวมีอยู่หลายช่องที่ ผู้ประกาศข่าว พิธีกรจะหยิบยกหนังสือพิมพ์ หรือ ภาพข่าว ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก

หากเป็นเรื่องที่ทั่วๆ ไปก็พอให้อภัยได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ต้องบอกว่า คนเหล่านี้ “เสียมารยาท” อย่างยิ่งที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นเกินขอบเขต

เพราะสังคมไทยที่มีความขัดแย้งเรื่องการเมืองอย่างสูงนั้น ไม่สมควรที่จะชี้นำประชาชนไปทางใดทางหนึ่ง

ช่วงหลังๆ ผมเห็น นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการ "ข่าวข้นคนข่าว" ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี มักจะแสดงตัวตนว่า “เก่ง” เป็นผู้รู้ทุกเรื่อง

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะทราบบ้างหรือไม่ว่า ประชาชนที่นั่งดูข่าว กำลังหมั้นไส้ ในความอวดรู้ อวดฉลาด ของเขาที่ระยะหลังมักมีมากเกินความพอดี
รวมทั้ง นายวิศาล ดิลกวณิช ที่อวดฉลาดจนกระทั่งโดน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ฟันศอกใส่หน้ามาแล้ว

นอกจากนี้ยังมี นางอัญชลี ไพรีรัก นักเล่าข่าวจากค่ายพันธมิตรฯ เธอคนนี้ดีกรีร้อนแรง เป็นนักเล่าข่าวหญิงที่น่าสมมาคุณด้วยอวัยวะบางส่วนมากที่สุด

หันไปดูข่าวในแวดวงอินเตอร์เนท บล็อกโอเคเนชั่น ได้นำบทความเรื่อง นักเล่าข่าวกับการ “ทำนาบนหลังคน” ที่เขียนโดยผู้สื่อข่าวรัฐสภากลุ่มหนึ่งจากหลายสำนักพิมพ์ ในบล็อกชื่อ “สนามข่าวสภา” มาเผยแพร่เป็นเรื่องแนะนำ

โดยบทความดังกล่าว วิพากษ์วิจารณ์รายการประเภทเล่าข่าวว่า การที่รายการเล่าข่าว(บางช่อง)พึ่งพาข่าวของหนังสือพิมพ์เป็นวัตถุดิบส่วน ใหญ่ในรายการ นับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการที่จะได้เสพข่าวที่มีคุณภาพ ครบทุกมิติ

เพราะสถานีโทรทัศน์แต่ละแห่งมีเครื่องไม้ เครื่องมือ ที่ทันสมัยราคาหลายสิบล้าน มีบุคลากรที่มีฝีมืออยู่จำนวนมาก ขณะที่เจ้าของสถานีถือหุ้นร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์จริงๆชาวบ้านจะได้ประโยชน์มาก

แต่นักเล่าข่าวเหล่านั้นกลับมานั่งรอข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีการลงทุนน้อยกว่า ทีวีหลายเท่านัก จากนั้นก็มาเล่าเรื่องเป็นฉากๆ ราวกับว่า ได้ไปทำข่าวและเขียนขึ้นมาเองกับมือ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อ้างอิงว่า ตัวอักษรที่ร้อยเรียงให้ตนเองหากินอยู่นั้นอยู่ในหนังสือพิมพ์อะไร เป็นข่าวจากสำนักข่าวไหน หลายครั้งหลายหนยังทำตนเยี่ยงศาสดาแห่งข่าวสาร สั่งสอนนักข่าวที่เขียนข่าวว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่ถามแบบนั้นแบบนี้

บทความชิ้นนี้ ระบุว่า ข้อเขียนนี้มิได้มุ่งหมายให้นักเล่าข่าวเลิกเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน หรือต้องให้เครดิตหนังสือพิมพ์ที่หยิบขึ้นมาอ่านเพื่อเป็นการโปรโมตหนังสือ พิมพ์ช่วยกระตุ้นยอดขายแต่ประการใด

แต่ที่เรียกร้องคือการเคารพในหน้าที่ บทบาทของคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ไม่ว่านักเล่าข่าวในจอโทรทัศน์ หรือนักข่าวภาคสนามล้วนแต่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ว่าแต่งตัวดี เสนอหน้าอยู่ในจอทีวีมีคนรู้จักมาก แล้วจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเดินเพื่อปูทางไปสู่ความสำเร็จอยู่ร่ำไป
ไม่อยากให้สังคมข่าวมีชนชั้น วรรณะ มีเทพ มีทาส หรือมีคนทำนาบนหลังคนอีกต่อไปเท่านั้นเอง
บทความชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อเตือนสติ “นักเล่าข่าว” อย่าเป็นแค่นักฉวยโอกาส มีความสุขกับการ “ทำนาบนหลังคน”
มุ่งหน้าโกยรายได้ เหยียบอุดมการณ์ “คนทำข่าว” ไว้อย่างนี้อีกเลย!

ไม่มีความคิดเห็น: