รัฐบาลประชาธิปัตย์ ในเวลานี้กำลังเดินเข้าไปสู่การเผชิญหน้ากับกลุ่มคนรักประชาธิปไตย
เพราะ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกหนักใจปัญหาวิทยุชุมชน ที่มีการปลุกระดมคนออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้ แต่การเข้าไปดูแลนั้นติดปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) แต่ยังไม่มีความชัดเจน นอกจากนี้ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลไม่มีอำนาจจัดการ ดังนั้น การป้องกันเบื้องต้นจึงทำได้เพียงอาศัยกฎหมายด้านความมั่นคง และขณะนี้ตำรวจคงดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว โดยเฉพาะบางคลื่นที่ปลุกระดมคนให้โค่นล้มรัฐบาล ทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับคลื่นวิทยุชุมชนที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามการนำเสนอเนื้อหา ซึ่งอาจเข้าข่ายมีความผิดด้านความมั่นคง ได้แก่ คลื่นคนรักอุดร และสถานีวิทยุของเครือข่ายกลุ่มคนรักเชียงใหม่ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีการออกอากาศให้ประชาชน จ.เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ออกมาต่อต้าน นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ
นี่คือ วิสัยทัศน์อันเลวร้ายของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลกำกับสื่อมวลชน และชวนให้คิดไปได้ว่า
นี่คือแผนการของรัฐบาล ปชป. ที่ต้องการทำลายพลังของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
การปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชน โดยเฉพาะฝั่งที่ตัวเองมองว่าเป็นศัตรู โดยใช้กลไกรัฐที่ตนควบคุมมาเป็นเครืองมือทำลายล้าง สมควรแล้วหรือ?
สุภาษิตโบราณกล่าวว่า ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด ยิ่งปิดยิ่งทำให้เกิดความอยากรู้โดยเฉพาะโลกในยุคปัจจุบันที่เป็นการไหล เวียนของข้อมูลข่าวสารนั้น คงเป็นเรื่องที่ทำยากมาก
เพราะอย่าลืมว่า การตื่นตัวของประชาชน ในการรับรู้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและขยายตัวไปทั่ว
การปิดกั้นไม่ใช่ทางออกของปัญหา
ควรจะตระหนักไว้ด้วยว่า ประชาชน ไม่ได้กินหญ้า เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิเลือกที่จะเชื่อ หรือรับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่เกิดขึ้นได้โดยอัตวินิจฉัยแห่งตน
หากรัฐบาลต้องการที่จะสร้างการยอมรับต่อประชาชน อย่างที่พร่ำบอกว่าขอโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองนั้น
ต้องไม่ใช้ท่าทีและปฏิบัติต่อประชาชนฝั่งประชาธิปไตย ว่าเป็นศัตรูทางการเมืองที่พวกตนต้องสลายและทำลาย
แต่ต้องเคารพความคิด การแสดงออกที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งถือเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และเป็นพัฒนาการทางประชาธิปไตยที่แท้จริง
การปิดกั้นหนทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เข้าข่ายคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนใช่หรือไม่?
อย่าลืมว่า การจัดตั้งวิทยุชุมชนของประชาชน แม้จะมีการให้ข้อมูลที่คัดค้านรัฐบาล แต่ก็เป็นสิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญมิใช่หรือ?
มีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยประเทศไหนบ้าง ที่บอกประชาชนของตัวเองว่าต้องคิด ทำ และมีความเห็นเหมือนกับรัฐบาล
ห้ามไม่ให้ประชาชนคิดต่าง และมีความพยายามที่จะใช้กฎหมายความมั่นคง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีไว้เพื่อใช้จัดการกับปัญหา ระดับใหญ่ของประเทศ และเต็มไปด้วยจุดอ่อน มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง มาใช้จัดการกับคนเฉพาะกลุ่ม เพื่อปิดปากเสียงที่เห็นต่างไปจากพวกตน
หรือว่า รัฐบาลไร้น้ำยาที่จะให้ข้อมูลข่าวสารอีกด้านที่ตนเห็นว่าดีกว่า ต่อประชาชน
หรือว่า เกรงและกลัว สิ่งที่คนกลุ่มหนึ่งกล่าวโจมตีรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องจริงที่หาข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไม่ได้
แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏเพื่อล้างคะแนน “ติดลบ” ที่ประชาชนตราหน้าไว้
กลับทำตัวเป็นหน่วยไล่ล่าสังหารประชาชน คุกคามสื่อของประชาชน ไปเสียนี่
และเมื่อเทียบกรณี วิทยุชุมชน หรือแม้กระทั่งการปาไข่ของคนเสื้อแดง กับ การใส่ร้ายป้ายสีผ่านเอเอสทีวี การยึดสถานที่ราชการ และปิดสนามบินสุวรรณภูมิของพันธมิตรฯ
เรื่องไหนที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติมากกว่ากัน?
ถ้าไปถามเด็กๆ ให้เปรียบเทียบความรุนแรงและความเลวร้ายของปัญหา ยังตอบได้เลยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในปัจจุบันยังเบาหวิวนักเมื่อเทียบกับการ กระทำของพันธมิตรฯ
ไหนๆ ก็จะพยายามจะงัด “ก.ม.ความมั่นคง” มาจัดการกับคนเสื้อแดงเสียเต็มประดา
ลองเอา ก.ม.ความมั่นคง ฉบับเดียวกัน จัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ เสียก่อน
กล้าพอไหม?
CBOX เสรีชน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น