ประชาทรรศน์
23 ม.ค. 2009
ภาษาจีนแต้จิ๋วอ่านว่า “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” แปลเป็นภาษาไทยว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่ คำอำนวยพรในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ เริ่มฤดูการเพาะปลูกตามปฏิทินจันทรคติของชาวจีนทั่วโลก ซึ่งในปีนี้กำหนดให้วันที่ 24 มกราคม 2552 เป็นวันจ่าย วันที่ 25 มกราคม 2552 เป็นวันไหว้ และ วันที่ 26 มกราคม 2552 เป็นวันเที่ยว ส่วนใครจะได้รับซอง “แต๊ะเอีย” ขอให้ท่านเปิดดูจะได้รู้ว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่เพียงใด ในปีนี้
ได้รับฟังการเสวนา ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีการพูดถึงประเทศจีน โดยเฉพาะการบริหารงาน ที่เขาชื่นชมกันว่า เป็นการบริหารงานที่ผู้นำเด็ดขาด มีการวางแผนมอนิเตอร์ และ กล้าตัดสินใจที่จะออกคำสั่งไม่ให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เจ๊ง ไม่เป็นท่า 70-80%
เขามีการบริหารเศรษฐกิจของประเทศแบบ โฮลดิ้งคอมปานี หรือมองประเทศเป็นบริษัท 1 บริษัท นั่นหมายถึงการทำงานที่เป็นเอกภาพ การจะแก้ไขปัญหาอย่างนี้ได้ เพราะต้องมีความรวดเร็ว ฉับไวในข้อมูล และรัฐบาลมีอำนาจที่มากนั่นเอง
ในขณะนี้จีนกำลังพัฒนาประเทศโดยจะลดพื้นที่ภาคเกษตรกรรม ให้เหลือเพียง 40% เท่านั้น และจะเพิ่มพื้นที่ภาคอุตสาหกรรมชานเมือง
มีการคาดการณ์กันว่า ประเทศจีนมีความต้องการสินค้าด้านของตกแต่งบ้าน จำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสในการส่งสินค้าดังว่าเข้าไปขาย…
นั่นคือเรื่องของประเทศจีน ที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ในยุคปัจจุบันและพูดกันว่า จะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจไปอีก 60 ปีเนินคดีความ
นี่คือความแตกต่างในการพัฒนาชาติบ้านเมือง ระหว่าง 2 ประเทศ
ไม่รู้จะโทษใครได้
กลับมาปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศไทย ที่หลายฝ่ายมีความกังวลใจว่าปี 2552 นี้ประเทศไทยจะอยู่ในภาวะเผาจริง !!!
รัฐบาลใช้งบประมาณจำนวนมากถึง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินในปริมาณมากเข้าแทรกแซงเศรษฐกิจ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่เห็นรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะให้ อัตราการเจริญทางเศรษฐกิจจะมีตัวเลขมากกว่าการประมาณการเพิ่มขึ้นอีกกี่ เปอร์เซ็นต์
ขณะที่วงสัมมนาทางวิชาการ เขาประมาณกันว่า หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกรอบการทำงาน 7-8 อย่าง ดังที่แถลงกันไปนั้น จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นเพียง 0.5% เท่านั้น!!!
เงินที่อัดฉีดลงไปในแต่ละโครงการจะไม่มีมูลค่าทวีคูณ อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจตามหลักทฤษฎี เพราะการปฏิบัติจริง เขายกตัวอย่างเงิน 2,000 บาท ที่รัฐบาลนำมาแจกผ่านระบบประกันสังคมนั้นบางคนอาจจะไม่สนใจนำมาใช้จ่าย บางคนอาจจะนำมาใช้จ่ายเพียงครึ่งเดียว ด้วยซ้ำไป เพราะมันน้อยเกินไปนั่นเอง
ขณะที่ผู้นำรัฐบาลเคยโต้เถียงว่า “ไฟกำลังจะไหม้บ้าน เสียดายน้ำได้อย่างไร”
ครั้นุ�อาจจะนำมาใช้จ่ายเพียงครึ่งเดียว ด้วยซ้ำไป เพราะมันน้อยเกินไปนั่นเอง
ขณะที่ผู้นำรัฐบาลเคยโต้เถียงว่า “ไฟกำลังจะไหม้บ้าน เสียดายน้ำได้อย่างไร”
ครั้นจะโต้เถียงกับผู้นำรัฐบาล “น้ำมีน้อย ต้องใช้ดับไฟให้ถูกจุด” ท่านคงไม่รับฟัง เพราะไม่ใช่ อำมาตยา คนมีสี และ นายทุน ที่มีเสียงมากกว่าประชาชนทั่วๆ ไป แบบเราๆ ท่านๆ
ไฟกำลังจะไหม้บ้าน...น้ำมีน้อย เอามาสาดไปแบบมั่วๆ มันชวนให้ต้องคิดกันแล้วว่า “ทางหนีไฟ” อยู่ที่ไหน หากยังไม่รับฟังและเอาไปแก้ไขปรับปรุงดื้อดึงกันแบบนี้ เผ่นกันก่อนดีกว่าไหม...ไม่อย่างนั้นจะโดนไฟคลอกตายทั้งบ้านแน่!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น