ที่มา TIMES ONLINE
แปลเรียบเรียงโดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 พฤศจิกายน 2552
*อ่านบทสัมภาษณ์ทักษิณ ชินวัตรลงTHE TIMESฉบับเต็มที่เวบลิเบอรัลไทย คลิ้กที่นี่
สันดาน สื่อทรราชออกลายอีกแล้ว หลังจากTIMESเขียนบทบรรณาธิการ การันตีทักษิณไม่ได้พูดหมิ่นแม้แต่คำเดียว แถมกล่าวยกย่องเชิดชูสถาบันไม่ขาดปาก แต่สื่อกระแสหลักพากันเงียบเป็นเป่าสากไม่ยอมนำเสนอ หลังจากพากันโหมกระหน่ำรุมตื้บมาก่อนนี้ ที่สำคัญสื่อหลักยังเงียบเฉยต่อการที่มาร์คเคยให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กเรื่อง ทำนองเดียวกัน แต่ดูจะหนักกว่าแม้วให้สัมภาษณ์เดอะไทม์ส
THE TIMES ONLINEได้แสดงจุดยืนในบทบรรรณาธิการ ในหัวข้อเรื่อง"Siamese spat:
Thais should be free to understand more about the role of their own monarchy"(วิวาทะสยาม:ชาวไทยควรมีอิสระที่จะตระหนักถึงบทบาทสถาบันกษัตริย์ ให้มากขึ้น") โดยเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวว่า เมื่อวันจันทร์THE TIMESได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจของไทย ผลลัพธ์จากการแสดงความคิดเห็นของเขาต่อพระราชวงศ์ไทย ทำให้บทความที่เผยแพร่ของTHE TIMESถูกปิดกั้นโดยทางการไทย ในทางทฤษฎีแล้วทักษิณและบรรณาธิการประจำภาคพื้นเอเชียอาจต้องเผชิญกับคดีที่ มีโทษจำคุกสูงถึง 15 ปีในฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งนี่เป็นพฤติการณ์การกระทำแบบเด็กๆ
แต่ในการให้สัมภาษณ์กับTHE TIMESนั้นความจริงแล้วทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเลย เขาไม่ได้กล่าวหมิ่นประมาทพระราชวงศ์ หรือแม้กระทั่งพยายามหาทางให้ร้ายใดๆ ในทางตรงกันข้ามทักษิณกลับได้ตอบสัมภาษณ์ในประเด็นความเชื่อมโยงของสถาบัน กษัตริย์กับการเมืองไทยในทำนองเทิดทูนยกย่อง(To those unversed in the peculiarities of the Thai system, Thaksin’s alleged offence may be hard to discern. He did not abuse the Royal Family, or even find fault with them. Instead, he merely discussed the link between the monarchy and Thai politics)
คำพูดของทักษิณในการให้สัมภาษณ์ไม่มีแม้แต่คำเดียว ที่เป็นไปในทำนองวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์หรือราชวงศ์ แต่เขาได้วิจารณ์"คนวงในวัง"บางคนเท่านั้นที่เข้ามาแทรกแซงการเมือง(In Thaksin’s words, either way, one finds neither criticism nor violation of the monarchy. Instead we find something that the Thai Establishment regards as equally taboo — the mere acknowledgement that some in the royal circle may have some involvement in Thai politics.)
ในการ ให้สัมภาษณ์นี้ทักษิณได้กล่าวถึงอิทธิพลต่อสาธารณชนไทยว่าจะเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯองค์ปัจจุบันส่งต่อพระราชบัลลังก์ให้สมเด็จพระ บรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งTHE TIMESหวังว่าชาวไทยจะตระหนักว่า จะรักสถาบันกษัตริย์ให้ถูกทางอย่างไร ไม่ใช่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วก็นำมาเป็นเครื่องมือทำลายกัน
เพราะแม้แต่ ในหลวงของปวงชนชาวไทยนั้น พระองค์ท่านก็เคยตรัสไว้เมื่อพระชนมายุครบ78ชันษาว่า"หากถือว่าThe king can do no wrong หรือพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทำอะไรผิด แล้วก็ไม่วิพากษ์วิจารณ์ ก็จะทำให้พระเจ้าอยู่หัวลำบาก"
ท้ายสุดTHE TIMESชี้ว่า การที่ทางการไทยจะนำกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาดำเนินคดีกับใครไม่เป็น ผลดีต่อฝ่ายใดเลย แต่จะได้ประโยชน์กว่าหากมีเสรีและตรงไปตรงมาในการถกแถลงระบบการเมืองของ ประเทศไทยได้ ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลไทยกำลังทำอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่านับถือ
สื่อกระแสหลักเงียบไม่ลงบทบรรณาธิการTIMES ไม่ลงข่าวมาร์คสัมภาษณ์บลูมเบิร์กเรื่องสืบสันตติวงศ์
เท่า ที่เราตรวจสอบดูแม้บทบรรณาธิการTIMESออกมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่มีสื่อกระแสหลักที่ไหนนำมาลงข่าวเผยแพร่ข้อยืนยันของTIMESเองว่า ทักษิณไม่ได้พูดหมิ่นหรือก้าวล่วงสถาบันฯ
หลังจากที่ก่อนนั้นสื่อ กระแสหลัก และบรรดานักสร้างประชามติสาธารณะทั้งหลาย พากันออกมาประณามอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรว่า มิบังควรที่ให้สัมภาษณ์กับTIMES ONLINE ในเรื่องเกี่ยวกับการสืบพระราชสันตติวงศ์ ขณะที่ในหลวงยังทรงพระประชวรอยู่
นอก จากนั้นก็น่าประหลาดใจว่าในเรื่องเดียวกันนี้ แต่คนพูดคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวที่มีชื่อเสียงระดับโลกคือสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ สื่อกระแสหลักและบรรดานักสร้างประชามติสาธารณะต่างเงียบเฉย (ดูลิ้งค์อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก)
รายงาน ข่าวและบทสัมภาษณ์ที่บลูมเบิร์กนำเสนอนี้ ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2552 ชื่อบทความดั้งเดิมในภาษาอังกฤษถือเป็นเรื่อง"มิบังควรอย่างยิ่ง"ในวัฒนธรรมการเมืองแบบไทย เพราะน่าจะ"หนักกว่า"ชื่อ บทความที่Timesตีพิมพ์บทความล่าสุดที่สัมภาษณ์ทักษิณเสียอีก เราจึงแปลให้ดูสละสลวยเข้ากับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบไทยๆเสียว่า "การเปลี่ยนผ่านรัชกาลไม่ได้สร้างความกังวลให้เซียนหุ้นที่ชื่อนาย"เฟเบอร์ "หยุดชะงักการลงทุนเล่นหุ้นในประเทศไทย"ซึ่งมีความสำคัญบางตอนกล่าวถึงการ สืบพระราชสันตติวงศ์ โดยเป็นการสัมภาษณ์พิเศษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา
....................
อภิสิทธิ์:"ในหลวงทรงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมฯเป็นพระรัชทายาทสืบต่อพระราชบัลลังก์"
ใน การสัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชโอรส พระราชธิดา4พระองค์ และพระราชนัดดา11พระองค์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวเป็นพระ รัชทายาทขึ้นสืบต่อพระราชบัลลังก์แล้ว
"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารทรงเป็นพระรัชทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์"อภิสิทธิ์กล่าว
8 กรกฎาคม 2552 (สำนักข่าวบลูมเบิร์ก)--นายก รัฐมนตรีของไทยต้องหยุดชะงักการตอบข้อซักถามและฝืนพูดต่ออย่างยากลำบากต่อคำ ถามที่ว่า เพื่อนร่วมชาติของเขาจะเผชิญต่อชะตาอนาคตอย่างไร หากว่าชีวิตของพวกเขาซักวันใดวันหนึ่ง ไม่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก เป็นร่มโพธิสมภารแก่พสกนิกร
"ผมไม่ได้แสร้งพูด--มันจะเป็นช่วงเวลา ที่ลำบากยากยิ่งสำหรับพวกเราคนไทยทั้งมวล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าว เขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมเมื่อเดือนธันวาคมปีกลาย และยังก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ยังคงอยู่ในวังวนปัญหาให้กับประเทศเป็น รายที่5ในรอบเพียง4ปี
(July 8 (Bloomberg) -- Thailand’s prime minister pauses briefly and swallows hard as he addresses the question few of his compatriots dare contemplate: life without King Bhumibol Adulyadej, the world’s longest-reigning monarch.
“I am under no illusion -- it will be a very difficult time for all of us,” says Abhisit Vejjajiva, who in December patched together a multiparty coalition government and became troubled Thailand’s fifth prime minister in four years.)
ในการสัมภาษณ์ในทำเนียบรัฐบาลที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอิตาลีเมื่อ5วันก่อน อภิสิทธิ์ได้เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชโอรส พระราชธิดา4พระองค์ และพระราชนัดดา11พระองค์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราช กุมาร เป็นพระรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์แล้ว
"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารทรงเป็นพระรัชทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์"อภิสิทธิ์กล่าว
(ต้น ฉบับของบลูมเบิร์กคือIn an interview at his Italianate office in Government House in Bangkok five days later, Abhisit discloses that Bhumibol, who has 4 children and 11 surviving grandchildren, has already endorsed his only son as the next king.
“The crown prince is the designated heir,” Abhisit says. )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น