ข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์นี้ คงไม่มีอะไรดังไปกว่าการเปิดตัว Chrome OS แนวคิดอันล้ำลึกของกูเกิลที่ต้องการให้ทุกอย่างอยู่บน cloud เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งในทางเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก่อนที่ผมจะวิจารณ์ Chrome OS ในโอกาสต่อๆ ไป ตอนนี้เรามาลองดูกันก่อนว่า Chrome OS ตัวจริงๆ จับต้องได้มันเป็นยังไงบ้าง
ขั้นตอนไม่ยากอะไรครับ หลังจากซอร์สโค้ดของ Chrome OS ถูกนำขึ้นบน chromium.org ก็มีคนนำมาคอมไพล์แจกกันทั่วไปหลายเวอร์ชัน รายละเอียดแบบละเอียดสุดๆ อ่านได้จาก TechCrunch: Want To Try Out Google Chrome OS For Yourself? Here’s How สรุปคร่าวๆ คือมีไฟล์ .vmdk ให้โหลดหลายทาง (ผมใช้เวอร์ชันที่เป็น torrent ใน The Pirate Bay) นำมารันบน VMware Player หรือ VirtualBox ก็ได้แล้ว (กรณีนี้ผมใช้ VirtualBox)
ขั้นตอนการติดตั้งคงไม่ต้องมาเล่าซ้ำ เมื่อโหลด virtual machine ขึ้นมาจะพบหน้าจอล็อกอินเป็นอันดับแรก ผมลองจับเวลาแล้วได้ประมาณ 12 วินาทีนับจากเริ่มบูต virtual machine ยังไม่ได้ 4 วินาทีตามโฆษณา แต่อย่าลืมว่านี่เป็น VirtualBox แถมเป็น Chrome OS รุ่นทดสอบของทดสอบ
ให้ใส่รหัสผ่านของ Gmail เพื่อความปลอดภัยผมจะใช้บัญชี blognonebook ที่สร้างไว้เพื่อสั่งหนังสือ Blognone Year Book 2008 คราวนู้น
หน้าจอแรกสุดของ Chrome OS จะเป็นไปดังภาพ ไม่มีเดสก์ท็อป มีแต่ Chrome (หรือพูดให้ถูกคือ Chromium) เปิดแบบเต็มหน้าจอพร้อมกับแท็บอีก 4 แท็บ แท็บแรกสุดคือหน้าจอ Welcome ซึ่งมันก็อยู่บนเว็บ!!! ต้องล็อกอินด้วย Google Account ก่อนถึงเข้าได้
แท็บถัดมาคือ Gmail กับ Google Calendar ถูกแสดงเป็นแท็บเล็กๆ คือเป็นแท็บที่ถูกปักหมุดค้างไว้
แท็บสุดท้ายคือหน้า New Tab ของ Chrome ซึ่งก็เหมือน Chrome รุ่นปกติทุกประการ
กลับมาที่แท็บแรก เมื่อล็อกอินแล้วจะพบกับหน้าจอเรียกโปรแกรมของ Chrome OS (ซึ่งมันก็คือเว็บแอพพลิเคชันนั่นเอง) แบ่งเป็น 4 แถว
- แถวแรกคือ อีเมลและบริการเด่นของกูเกิล เช่น Gdocs ที่น่าสนใจคือมีไอคอนของ Hotmail/Yahoo! Mail ด้วย แต่เมื่อกดที่ Hotmail กลับพาเราไปยังหน้าของ Gmail แทน (เข้าใจว่าเป็นบั๊ก กูเกิลคงไม่จงใจขนาดนั้น)
- แถวที่สอง เว็บบันเทิงทั้งหลาย ทั้งของกูเกิลเองคือ YouTube/Picasa และบริการของคนอื่นๆ เช่น Hulu/Pandora
- แถวที่สาม อันนี้น่าสนใจที่สุด มันคือโปรแกรมพิเศษที่มีเฉพาะ Chrome OS ได้แก่พวก utility ต่างๆ เดี๋ยวจะกล่าวต่อไป
- แถวสุดท้ายยังจัดหมวดแปลกๆ มีทั้ง Google Books, social network และเกมหมากรุก มีลิงก์ Get more ด้วยแต่ยังใช้งานไม่ได้
มาดูที่แถวที่สามกันครับ สิ่งที่มีให้ลองคือ Contacts, Calculator, To-do list และ Notepad ผมลองกดที่ To-do list จะเห็น panel โผล่ขึ้นมาที่มุมขวาล่างของหน้าต่างๆ คล้ายกับหน้าจอสนทนาของ Gmail
ปรากฎว่ามันยังใช้งานไม่ได้ ต้องมีอีเมลที่เป็น @google.com เท่านั้น สังเกตที่ URL ตรงมุมขวาล่างสุด มันทำงานอยู่บน appspot.com
โปรแกรม Calculator และ Notepad เปิดแล้วเป็น panel ขาวไม่โหลดอะไร โปรแกรมเดียวที่ใช้งานได้คือ Contacts ซึ่งมันก็คือ Google Talk นั่นเอง (คงยกโค้ดมาเลยดื้อๆ) ทดลองแล้วคุยได้
ข้ามไปแถวสี่ครับ ความน่าสนใจคือเกมหมากรุก Chess พอคลิกลิงก์แล้วจะเข้าไปที่ flashchess3.com ถ้าดูจากภาพหรือ URL น่าจะเดาได้ว่า มันมี Flash Player มาให้ในตัว!!!
เลขเวอร์ชันเป็น 10.0.32.18
ส่วนเลขเวอร์ชันของ Chromium เป็น 4.0.253.0
มาดูที่ส่วนอื่นๆ กันบ้าง ลองคลิกขวาที่แท็บ จะเห็นตัวเลือก Pin Tab มาให้
ที่มุมขวาบนมีนาฬิกาและไอคอนเล็กๆ อีก 3 อัน เริ่มจากซ้ายคือแสดงสถานะแบตเตอรี่
ถัดมาอันกลาง สถานะของเครือข่าย ทั้ง Wi-Fi และ Ethernet
สุดท้ายเป็น Options ซึ่งเป็นอันเดียวกับ Options ของ Chrome กดปุ่มรูปประแจของ Chrome ก็ได้ผลแบบเดียวกัน
เข้ามาที่ Options จะมีแท็บพิเศษของ Chrome OS เพิ่มเข้ามา ซึ่งมีแค่ตั้งเขตเวลา และตั้งค่าทัชแพด
อันอื่นยังอยู่ครบ สามารถเปลี่ยน search engine เป็น Yahoo!/Bing ได้ด้วย
ทดลองเปลี่ยนเป็น Bing ก็ได้ผลครับ Chrome OS ที่ใช้ Bing เป็น default มีจริง!
ลองเปลี่ยนธีมมาตรฐานของ Chrome เป็นธีมของ GTK+ ได้ (สังเกตตรงไอคอนที่ปุ่ม Back/Forward)
และแน่นอนแบบที่หลายคนน่าจะเดาได้ว่า มันอ่านภาษาไทยไม่ได้ ปัญหานี้จะยิ่งรุนแรงเพราะ Chrome OS ตัวจริงนั้น encrypt ส่วนของระบบปฏิบัติการเอาไว้ ไปแก้มั่วๆ เอาฟอนต์ใส่เองไม่ได้ นักพัฒนาชาวไทยมีทางเลือกเดียวคือต้องเข้าไปพัฒนาภาษาไทยร่วมกับกูเกิล
ประเด็นอื่นๆ
เวอร์ชันที่ผมใช้นี่ไม่เสถียรอย่างแรง ค้างบ่อยมาก จับภาพแค่ในบทความนี้ผมต้องบูตใหม่ประมาณ 10 ครั้ง ส่วนการตอบสนองก็ยังช้า อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องเสถียรภาพและความเร็วเป็นสิ่งที่กูเกิลต้องแก้อยู่แล้ว อีกไม่นานคงมีรุ่นเบต้าสำหรับทดสอบในวงกว้างออกมา แต่ถ้าให้แนะนำคือตอนนี้ยังไม่ต้องโหลดมาลอง ไม่คุ้มค่าแก่การโหลด
อีกประเด็นคือผมหาปุ่มปิดเครื่องไม่เจอ (กูเกิลออกแบบมาให้กดปิดที่ฮาร์ดแวร์?) ตอนนี้ใช้วิธีสั่งปิดใน VirtualBox แทน
Chrome OS มีแค่นี้จริงๆ และผมเชื่อว่ารุ่นสุดท้ายคงมีอะไรไม่มากไปกว่านี้เท่าไร เห็นภาพเบื้องต้นแล้ว คิดยังไงกันบ้างครับ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น