CBOX เสรีชน

26 เมษายน, 2552

นปช.ร้องUNประณามอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือด เร่งกดดันยุบสภาเลือกตั้งใหม่ตามรธน.40

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
22 เมษายน 2552
*ข่าวเกี่ยวเนื่อง คนไทยในอังกฤษจดหมายผนึกถึงอภิสิทธิ์และยูเอ็นกรณีสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง

หมายเหตุไทยอีนิวส์: คุณจักรภพ เพ็ญแข ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งในนามของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ถึงนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาติ(UN)ลงวันที่20เมษายนศกนี้ โดยเรียกร้องให้UNประณามรัฐบาลอภิสิทธิ์ และระบอบปกครองเผด็จการไทยที่ได้ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนที่ชุมนุมโดยสันติ โดยชี้ว่ามีผู้จุดชนวนความรุนแรงขึ้นเพื่อปราบปราม กับเรียกร้องให้กดดันต่อรัฐบาลได้ยุบสภา แล้วจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ฉบับพ.ศ.2540 ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้


แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ราชอาณาจักรไทย


20 เมษายน 2552

ฯพณฯบัน คีมูน
เลขาธิการ สหประชาชาติ
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ First Avenue t 46th Street New York, NY 10017
สหรัฐอเมริกา

กราบเรียน ท่านเลขาธิการ สหประชาชาติ

เรา เขียนมา ณ ที่นี้เพื่อร้องขอท่านให้ประณามรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นรัฐบาลปัจจุบันของประเทศไทย ที่ได้ทำการปราบปรามผู้ชุมนุมที่่ไม่พกอาวุธอย่างโหดร้าย ซึ่งพวกเขากำลังแสวงหาประชาธิปไตยอย่างแท้จริงด้วยสันติวิธีภายใต้การปกครอง โดยระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อจะได้ใช้กำลังทหารในการกำจัดการ ชุมนุมของประชาชนเสื้อแดงที่ไม่ได้พกอาวุธที่ใส่เสื้อสีแดงที่รู้จักกันใน นาม National United Front of Democracy Against Dictatorship (UDD) หรือ Democratic Alliance Against Dictatorsihp (DAAD) ผู้ชุมนุมเสื้อแดงหลายร้อยคนได้เสียชีวิตและอีกหลายคนที่บาดเจ็บสาหัส การกระทำอันป่าเถื่อนของรัฐบาลต่อประชาชนในครั้งนี้ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศถูกปิดกั้น โดยรัฐบาลไทยปัจจุบันต่อประชาชนของเขาถูกปิดกั้นจากสายตาของสื่อมวลชนทั้งใน และนอกประเทศ การหลอกลวงครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะรัฐบาลได้ปิดสัญญาณและช่องทางของการสื่อ สารทุกชนิดโดยเฉพาะที่ใช้โดยกลุ่มเสื้อสีแดง

ถึงกระนั้น ผู้ชุมนุมได้ใช้กล้องบันทึกการกระทำที่น่าสะเทือนขวัญและโหดร้ายกันเอง ยิ่งกว่านั้นเราเชื่อว่าท่านคงจะได้เห็นการกระทำอันป่าเถื่อนที่ถูกบันทึก ไว้โดยสื่อมวลชนนานาชาติที่สำคัญอย่างเช่น CNN และ BBC รวมถึงที่อื่นๆ พวกเราชาวเสื้อแดงไม่ได้มีความรุนแรง และจุดหมายของพวกเราจำนวนหลายแสนที่มาชุมนุมก็เพื่อต้องการกลับคืนมาของ ประชาธิปไตยที่มีระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นพื้นฐาน

และ ในที่สุด จุดมุ่งหมายของพวกเราและการใช้เสรีภาพทางการเมืองของพลเมืองที่รับรองโดยรัฐ ธรรมนูญของไทย กฏบัตรของสหประชาชาติ และปฏิญญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยในฐานะสมาชิกของสหประชาชาติได้ลงนามและให้สัตยาบัน ก็ได้เผชิญกับกองกำลังทหารจำนวนมากที่สั่งการโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ถูกแต่ง ตั้งโดยทหารและไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

จากข้อเท็จจริงแล้วสิ้งที่พวกเราอยากจะเน้นคือดังนี้:

พวก เราชาวเสื้อแดงที่มาจากทุกแห่งหนเป็นผู้ที่รักความสงบและยึดมั่นในกฏกติกา ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2551 พวกเราได้รวมตัวชุมนุมอย่างเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะแสดงออกถึงข้อเรียกร้อง ที่จริงใจต่อการฟื้นกลับมาของประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศไทย พวกเรามาโดยปราศจากอาวุธและการชุมนุมเหล่านี้มีขึ้นโดยปราศจากความรุนแรงโดย สิ้นเชิง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่พัทยาซึ่งเป็นที่ๆมีการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนบวก 6 และถัดมาการจัดประชุมสุดยอดครั้งที่ 4 ของเอเชียตะวันออกที่กรุงเทพฯวันที่ 14 เมษายนนั้นถูกกระตุ้นโดยกลุ่มอื่นซึ่งบางคนได้สวมรอยเข้ามาเป็นเสื้อแดง และเสื้อน้ำเงินซึ่งพวกเราเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของนาย อภิสิทธิ์ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของรัฐบาลปัจจุบันได้เป็นผู้สั่งการการโจมตีเสื้อ แดงที่ปราศจากอาวุธโดยตรงและใส่เสื้อน้ำเงินในขณะนั้น เสื้อแดงไปที่นั่นแค่เพื่อแสดงออกต่อเพื่อนสมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียนและ อีก 6 ประเทศถึงความไม่พอใจในรัฐบาลภิสิทธิ์ ความรุนแรงมันถูกสร้างขึ้นเพื่อกล่าวโทษเสื้อแดงเพื่อที่จะประกาศพ.ร.ก.ฉุก เฉินและการใช้กำลังทหาร ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ไม่ได้พร้อมที่จะเคารพ เสรีภาพของการแสดงออกโดยสันติที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญไทยและกฏหมายนานาชาติ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธินุษยชน

มันเป็นที่ทราบดีทั้งในประเทศและ ระหว่างประเทศว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ถูกนำเข้ามาสู่ตำแหน่งโดยทหารและ กลุ่มมีอิทธิพลในสังคมที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง วิธีการปกป้องอำนาจและสิทธิพิเศษอย่างน่าละอายใจมันฝืนความต้องการของ ประชาชนส่วนใหญ่
พวกเราควรยอมรับรัฐบาลที่พวกเราไม่ได้เลือกมาด้วยการถูกบังคับหรือไม่?

พวก เราอยากจะเน้นว่าการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงของเราไม่ได้หมาย ความว่าเราต้องการอำนาจเหนือรัฐบาลปัจจุบันหรือใครก็ตาม เราเชื่อและมั่นใจว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง (หรือสมาชิกของกลุ่มพันธมิตร) มีความเท่าเทียมกันภายใต้ประชาธิปไตยที่แท้จริงและควรจะถูกปฏิบัติอย่างเท่า เทียมกัน ดังนั้น เราเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาและคืนอำนาจในการเลือกรัฐบาลให้กลับ สู่ประชาชนชาวไทย และในการดำเนินการดังกล่าว พวกเราเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เป็นประชาธิปไตยและเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน ที่ถูกฉีกแลเปลี่ยนโดยผู้นำรัฐประหารปี 2549 เพื่อพยายามที่จะลดอำนาจของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง พวกเราขอรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่อ้างว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนมากไปไหม?

ถ้า รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลที่เป็นของประชาชนจริง ทำไมถึงกลัวที่จะคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชน พวกเราพร้อมที่จะยอมรับนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีของเราถ้าเขาถูกเลือก ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ในประเด็นนี้เราแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเสื้อเหลืองที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจ ชองไทยเพื่อที่จะกำจัดนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งวาระไร้ความเป็นประชาธิปไตยดังกล่าวประสบผล สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากทหารและพลเรือนที่มีอิทธิพล

มันค่อนข้าง จะชัดเจนต่อสาธารณชนไทยว่าประธานสภาองคมนตรีปัจจุบัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และองคมนตรีอื่นบางคนได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยมาโดยตลอด รวมถึงความสับสนวุ่นวายในประเทศไทยในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา การเข้ามายุ่งเกี่ยวได้สกัดกั้นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พล.อ.เปรมและองคมนตรีท่านอื่นไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชนชาวไทยหรือได้ รับอำนาจดังกล่าวจากรัฐธรรมนูญของประเทศไทย แต่ถึงกระนั้นพวกเขายังบ่อนทำลายความสามารถของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใน การทำงานให้กับประชาชนโดยรวม บทบาทเดียวของพวกเขาที่ถูกระบุไว้ในกฏหมายสูงสุดคือการเป็นที่ปรึกษาของพระ มหากษัตริย์ และมันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าประธานองคมนตรีคนปัจจุบันไม่ได้ทำหน้าที่โดย สุจริตใจ พวกเราขอเรียกร้องให้เขาและองคมนตรีบางท่านลาออกจากตำแหน่ง

พวก เราไม่ได้เป็นผู้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่อ้างโดยรัฐบาลของ อภิสิทธิ์และผู้สนับสนุนเสื้อเหลืองเลย เรานับถือสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเป็นสถาบันของชาติที่มีคุณค่าเหลือล้นที่ เป็นจุดศูนย์รวมของประเทศเข้าด้วยกันมาหลายศตวรรษ และแน่นอน เป็นเพราะความเคารพรักต่อสถาบันฯที่เราต้องแสดงความต่อต้านต่อบทบาทที่อยู่ นอกเหนือรัฐธรรมนูญที่สวมโดยประธานองคมนตรีและองคมนตรีท่านอื่นบางคน มันเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายของพวกเขาที่ขัดขวางความเป็นประชาธิปไตยอย่าง แท้จริงของประเทศไทยรวมถึงทำให้ภาพพจน์ของพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่รักของ ชาวไทยเสื่อมเสียพระเกียรติยศ

ดังนั้นการที่เราพูดต่อต้านการกระทำ ของประธานองคมนตรีปัจจุบันและองคมนตรีบางท่านเราไม่ต้องการจะตำหนิพระเจ้า อยู่หัวจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงแม้ว่าสภาองคมนตรีจะใกล้ชิดกับพระเจ้าอยู่หัวสำหรับเวลาที่พระองค์ท่าน ต้องการคำปรึกษา ไม่มีทางที่จะถือว่าเป็นสถาบันกษัตริย์เอง ข้อที่ 4 และ 5 ข้างบนนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องภายในประเทศที่ไม่เกี่ยวกับสมาคมโลก แต่พวกเราคิดว่ามันสำคัญมากที่เราจะแถลงจุดยืนของเราในเวทีนานาชาติเพื่อไม่ ให้เราถูกเข้าใจผิดในสายตาชาวโลก

ในช่วงรัฐบาลของนายกฯ ดอกเตอร์ ทักษิณ ชินวัตร ที่มาจากการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้านตอนนั้นร่วมกับเสื้อเหลืองที่กล่าวหา อย่างอื้อฉาวและอย่างไร้ข้อมูลว่านายกทักษิณไม่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ การกล่าวหามันเริ่มรุนแรงขึ้นถึงขั้นไม่มีเวลาที่จะพิสูจน์ความจริงจนทำให้ รัฐบาลของทักษิณถูกกำจัดโดยรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 การก่อรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมันเป็นการใช้อำนาจ อย่างผิดที่น่ารังเกียจบนพื้นฐายของการกล่าวเท็จ

พวกเราที่รักสงบ และเป็นพลเมืองของโลกที่ปฏิบัติตามกฏหมายสมควรจะอนุญาตหรือยอมรับการใช้ กำลังทหารมากดขี่ความเต็มใจทั่วไปของประชาชนในยุคศรรตวรรษที่ 21หรือไม่?

จากมุมมองทางกฏหมาย พวกเราขอให้ท่านพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้ตามกฏหมายสากล:

รัฐบาล อภิสิทธิ์กำลังกระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฏหรือหลักปฏิบัติที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ ของไทย กฏบัตรของสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ปี 1948 และข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ทั้งหมดเป็นการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศ สมาชิกของสหประชาชาติที่ได้ลงนามและให้สัตยาบัน

การกระทำของรัฐบาล อภิสิทธิ์และกลุ่มที่สนับสนุนเขา (ซึ่งรวมถึงรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ - รัฐบาลที่แต่งตั้งโดยทหารหลังรัฐประหารปี 2549) ที่ช่วยรัฐบาลปัจจุบันเข้ามามีอำนาจเป็นการกระทำที่ผิดต่อจุดมุ่งหมายของสห ประชาชาติที่จะสร้าง "ปัจจัยเพื่อให้ความยุติธรรมและการเคารพกติกาที่มาจากสนธิสัญญาและกฏหมาย สากลอื่นๆสามารถคงอยู่รักษาไว้"

ขบวนการยุติธรรมได้ถูกใช้อย่างไม่ ถูกต้องโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์เพื่อที่จะกำจัดศัตรูทางการเมือง พรรคไทยรักไทยที่นำโดยอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งสองครั้งติดกัน ได้ถูกยุบไป รูปแบบกฏหมายที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้เพื่อยุบพรรคไทยรักไทยนั้นมันสามารถ ที่ใช้ได้กับพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์เช่นกัน แต่พรรคประชาธิปัต์ไม่ได้ถูกยุบ พรรคพลังประชาชนที่ตั้งขึ้นมาแทนหลังจากนั้นนำโดยนายสมัคร สุนทรเวช ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งแรกหลังจากรัฐประหารถึงแม้ว่าทหารและศาลจะ พยายามทุกวิถีทางที่จะกีดกันพรรคนี้ พรรคพลังประชาชนประสบชะตาเดียวกับพรรคไทยรักไทย นายกฯสมัครถูกสั่งให้ออกจากตำแหน่งจาการทำงานอดิเรกเป็นผู้จัดรายการทำอาหาร ทางโทรทัศน์ โดยข้อเท็จจริงแล้ว นายกฯสมัคร ได้รับเงินค่าตอบแทนเพื่อไปซื้อเครื่องปรุงสำหรับจัดรายการ แต่ดูเหมือนมันจะฝ่าฝืนกฏหมาย (ซึ่งเขียนโดยคณะทำงานที่แต่งตั้งโดยทหาร) และเขาก็ถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในการตัดสินคดีอย่างหนักเช่นนี้ที่ฝืนจิตวิญญาณของกฏหมาย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้พจนานุกรมในการอ้างอิงความถูกต้องของการตัดสิน คดีแทนที่จะใช้กฏหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีการใช้กฏหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องตามหลักวิชาการแล้ว นายกฯสมัครก็จะพ้นจากข้อกล่าวหา ตัวอย่างของการใช้กฏหมายสองมาตรฐานบ่งชี้ถึงความยินยอมขององค์กรและฝ่ายตรง ข้ามต่างๆที่จะล้ำเส้นในความพยายามที่จะบ่อนทำลายประชาธิปไตยในประเทศไทย

พวก เราประหลาดใจว่า ในขณะที่นายสมัครถูกบังคับให้ลงจากตำแหน่งนายกฯหลังจากคำตัดสินของศาล แต่อย่างน้อยหนึ่งในตุลาการของศาลหรือสงสัยจะมากกว่า ก็ทำงานพิเศษในบริษัทเอกชนในฐานะผู้เชี่ยวชาญและยังทำงานต่อโดยได้รับข้อยก เว้นจนถึงทุกวันนี้ การใช้กฏหมายสองมาตรฐานเช่นนี้ไม่สามารถจะเป็นพื้อนฐานของสังคมที่โปร่งใส และเท่าเทียมกัน

นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้รับหน้าที่ต่อจากนายกฯสมัคร ก็ได้รับชะตากรรมเช่นเดียวกันเมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบซึ่งผู้สังเกตุ การณ์อิสระหลายคนได้บรรยายว่าเป็น “การตัดสินที่แปลกประหลาดของศาล” และอีกครั้งหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ควรจะถูกยุบภายใต้หลักการที่ตุลาการศาล รัฐรรมนูญใช้แต่พวกเขาก็ไม่ถูกแตะต้องเลย ด้วยการที่สามพรรคร่วมรัฐบาล (พปช, ชาติไทย และมัชชิมาธิปไตย) ถูกกำจัดออกไป พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มาเป็นรัฐบาลโดยปริยาย มันน่าตลกที่การตัดสินยุบพรรคของศาลมันเกิดขึ้นในช่วงที่มีการยึดสนามบิน สุวรรณภูมิอย่างผิดกฏหมายโดยกลุ่มเสื้อเหลืองที่สนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัต ย์ มันดูไม่ยุติธรรมที่การก่ออาชญากรรมโดยฝ่ายเสื้อเหลืองและผู้สนับสนุนเขาคือ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับรางวัลอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้น ผลที่เกิดขึ้นยืนยันอย่างน่าปวดใจถึงอำนาจของผู้ที่มีสิทธิ์พิเศษและชนชั้น ในประเทศซึ่งทำให้เกิดความเสียหายกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่

ทั้ง หมดนี้จะไม่เกิดขึ้นกับสังคมที่มีกฏหมายที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเท่า เทียมกันซึ่งถูกบัญญัติไว้ในมาตราที่ 7 ของปฏิญญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ทุกคนไม่มีความเท่าเทียมกันภายใต้กฏหมาย จุกยืนของรัฐบาลปัจจุบันไม่รู้เห็นเป็นใจกับการปฏิบัติสากล

ถ้าความ เสมอภาคภายใต้กฏหมายมันหมายถึงทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นใครจะต้องถูกพิจารณาใน ศาลอย่างเป็นธรรมตามกระบวนการทางกฏหมาย รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้เข้าใจตามนั้น ในขณะที่การดำเนินการตามกฏหมายต่อเสื้อเหลืองซึ่งได้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง ต่อชาติหลายครั้งมันช้ามากถึงขั้นที่นักข่าวต่างประเทศอย่างเช่น The Economist เชื่อว่าความยุติธรรมจะไม่เกิดขึ้นหรือไม่ก็จะต้องมีการต่อรอง แต่การดำเนินการตามกฏหมายต่อเสื้อแดงมันเร็วมาก

เราไม่เชื่อว่าขบวน การยุติธรรมที่น่าเชื่อถือจะมองว่าการปิดสนามบินใหญ่สองแห่งโดยเสื้อเหลือง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงกระนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังหวังว่าพวกเราและชาวโลกจะไม่เอาผิดกับเสื้อเหลือง โดยแท้จริง นายอภิสิทธิ์ ยังได้แต่งตั้งหนึ่งในผู้ที่ยั่วยุให้เกิดการยึดสนามบินสุวรรณภูมิเป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ! การแต่งตั้งผู้ก่อการร้ายที่รู้กันดีในตำแหน่งรัฐมนตรีที่สำคัญไม่เป็นนิมิต หมายที่ดีต่อประชาธิปไตยเลย

รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เคารพในความคิดของ การเป็นมนุษย์ที่มีเสรีภาพเพื่อใช้สิทธิ์และเสรีภาพทางการมืองและพลเมืองที่ ประกาศไว้ในปฏิญญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

ที่ระบุไว้ชัดกว่านั้น รัฐบาลของเขาไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่างและที่จริงแล้วถือใครที่ไม่เห็นตรง กันว่าเป็นศัตรูของเขา รัฐบาลปัจจุบันแบ่งแยกคนไทยโดยความเห็นทางด้านการเมือง และที่แย่กว่านั้นนายอภิสิทธิ์ได้ประกาศไม่นานมานี้ว่าเสื่อแดงเป็นศัตรูของ ประเทศ จุดยืนนี้ไม่ได้เป็นการกระทำของผู้นำที่รวมประเทศเข้าด้วยกันอย่างสามัคคี

ถ้า เสิ้อแดงที่ไม่ได้พกอาวุธและมีสันติเป็นศัตรูของชาติอย่างที่นายอภิสิทธิ์ อ้าง เขากำลังบอกว่าเสื้อเหลืองที่พกอาวุธและมีความรุนแรงที่ไปปิดสนามบินนานา ชาติและเหนี่ยวรั้งนักท่องเที่ยวและคนไทยหลายพันว่าเป็นเพื่อนที่ดีกับ ประเทศหรือ?

รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้เคารพสิทธิ์ของการมีเสรีภาพที่ จะชุมนุมอย่างสงบที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 20(1) ของปฏิญญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน การชุมนุมอย่างสันติและปราศจากอาวุธของเสื้อแดงถูกมองว่าเป็นภัยต่อรัฐบาล อภิสิทธิ์ ถ้ามีอะไรที่ “น่าอันตราย” เกี่ยวกับเสื้อแดง มันก็คือจำนวนคนที่มากมายของสามัญชนที่มาจากทั่วทุกแห่งของประเทศไทยและมา เพื่อเรียกร้องการยุบสภา ดังนั้นถ้าพวกเราจะเป็นอันตรายพวกเราก็แค่เป็นอันตรายกับรัฐบาลที่ไม่ได้มา จากการเลือกตั้งของนายอภิสิทธิ์เท่านั้น ไม่ใช่กับประเทศหรือกับประชาชนคนไทย เพราะฉะนั้นการกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่จะกดขี่เสื้อแดงแท้จริงแล้วที่ เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน (อย่างเช่นการใช้สิทธิ์ที่จะมีเสรีภาพทางพลเมืองและการเมืองที่รับรองโดยรัฐ ธรรมนูญไทยและสนธิสัญญานานาชาติหลายฉบับ) การกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์เองที่เป็นภัยคุกคามต่อชาติไทยและประชาชนชาวไทย

พวก เราเสื้อแดง ได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจังว่าการเคลื่อนไหวหรือการชุมนุมของเราจะต้อง ถูกต้องตามสิทธิ์ที่มอบให้โดยรัฐธรรมนูญไทย (เช่นการชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ และถูกกฎหมาย) เราถือคำมั่นสัญญาในหัวใจและได้ปฏิบัติตามกฎหมายมาธดยตลอด เราเชื่ออย่างแท้จริงว่าเสียงเรียกร้องของเสื้อแดงที่ปฏิบัติตามกฏหมาย รักสันติ จะถูกรับฟัง จากการโต้ตอบอย่างโหดร้ายและขาดมนุษยธรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ท่านอาจจะได้เห็นว่าการชุมนุมของเสื้อแดงเป็นแสนตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมในความร้อนไม่ได้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใดจนถึงเมื่อวันที่ 14 เมษายน เมื่อกองทัพเริ่มทำการยิง ซึ่งทำให้เกิดการจลาจลและการปราบเสื้อแดงที่ปราศจากอาวุธโดยกองกำลังทหาร อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมา พวกเราขอเรียกร้องให้ท่านประณามรัฐบาลอภิสิทธิ์จากการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อที่จะใช้กำลังในการปราบการชุมนุมที่เป็นสันติและปราศจากอาวุธของผู้ที่ รักประชาธิปไตยที่แท้จริง พวกเราอ้อนวอนให้ท่านเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อที่จะให้จัดการ เลือกตั้งโดยใช้รัฐธรรมนูญปี 2540

พวกเรากำลังยื่นคำเรียกร้อง อย่างเร่งด่วนนี้เพราะเราขาดเครื่องมือในการที่จะบอกชาวโลกว่าสิทธิขั้นพื้น ฐานของเรากำลังถูกทำลายอย่างโหดร้ายและเราไม่สามารถจะพึ่งสถาบันกฏหมายภายใน ประเทศได้เพราะมันได้ถูกทำลายถึงระดับหนึ่ง ขอความกรุณาเถิดท่านเลขาธิการสหประชาชาติทำอย่างไรก็ได้ที่จะช่วยพวกเรา

ขอกราบขอบพระคุณที่ท่านกรุณาสละเวลาอันมีค่ายิ่งในการพิจารณาหนังสือฉบับนี้

ไม่มีความคิดเห็น: