CBOX เสรีชน

27 เมษายน, 2552

ภาพและเสียงต้องห้ามในสภา

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้


         ปีที่ 10 ฉบับที่ 2528 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 24 เมษายน 2009

การประชุมสภาวันที่ 23 เมษายน 2552
ยังคงเป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179
กรณีที่รัฐบาลขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
เรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาเป็นวันที่สอง



นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล



ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย



ผมขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการนำภาพผู้เสียชีวิต ภาพเหตุการณ์
และญาติผู้ชีวิตมาชี้แจงในสภา
โดยยืนยันและรับรองด้วยเกียรติของสมาชิกรัฐสภาและตำแหน่ง ส.ส.
เพราะผมได้ไปพบด้วยตนเอง ดังนั้น
รัฐสภาไม่ควรปิดกั้นการทำหน้าที่ตัวแทนของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้
หากประธานไม่ให้พูดในสภาจะลงไปแถลงข้างล่าง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
ทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่อนุญาต โดยยืนยันว่านายชัย ชิดชอบ ประธานสภา
ได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ให้ใช้ประกอบการอภิปราย



นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้รับผิดชอบด้านสื่อสารมวลชน ชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา
หากรัฐสภาได้มีการตรวจสอบก็ไม่มีปัญหา อยู่ที่ประธานจะตัดสินใจ
ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลว่าจะให้ออกหรือไม่ให้ออก



มาถึงช่วงนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า
ในส่วนรัฐบาลขอให้เป็นเรื่องของรัฐสภา
เพราะมีการตกลงกับคณะกรรมการประสานงาน
โดยให้ประธานรัฐสภาและรองประธานเป็นผู้วินิจฉัย
อยากให้นำเรื่องนี้ไปทำความตกลงกับประธานก่อนแล้วค่อยมาอภิปราย
ขณะที่นายวรวัจน์พยายามสอบถามว่าสิ่งที่ตนจะอภิปรายสื่อจะนำไปออกได้หรือไม่
เพราะเกรงจะขัดต่อ พ.ร.ก. และนายกรัฐมนตรีจะอนุญาตให้เปิดหรือไม่



ขณะที่นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แย้งว่า
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะมีสภาทำไม อย่าปิดสภาหนีก็แล้วกัน
ในที่สุดนายประสพสุขได้ให้การพิจารณาดำเนินต่อไป แต่ไม่อนุญาตให้เปิดภาพ
โดยนายวรวัจน์ได้อภิปรายต่อ
โดยระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เป็นการ์ด นปช. ตัวใหญ่
มีการจับโยนลงน้ำ และแพทย์ระบุว่าขาดอากาศหายใจ ในระหว่างนั้นนายชัย
ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เข้ามาทำหน้าที่ประธานแทนนายประสพสุข
พร้อมกับวินิจฉัยอนุมัติให้นำภาพที่นายวรวัจน์เตรียมมาอภิปรายประกอบการ
อภิปรายในสภาจำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย ภาพเหตุการณ์รุนแรง
ทหารทำร้ายประชาชน และภาพทหารนั่งดูกลุ่มผู้ชุมนุมถูกมัดมือ
ซึ่งอนุญาตให้เปิดได้
แต่คำสัมภาษณ์ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นการ์ดไม่อนุญาตให้เปิดเพราะไม่มีความ
ชัดเจน จึงไม่อนุญาตให้นำมาประกอบ



จากนั้นนายวรวัจน์พยายามนำรูปภาพขึ้นมาชูกลางที่ประชุมและระบุว่า
รูปแค่นี้ทำไมต้องกลัวด้วย พร้อมทั้งยื่นภาพให้เพื่อนสมาชิก
ให้สื่อมวลชนดู โดยในภาพเป็นภาพชายที่รอดชีวิตจากการสลายการชุมนุม



หลังจากมีการถกเถียงกันเป็นเวลานาน
นายวรวัจน์ได้อภิปรายต่อพร้อมทั้งเปิดคลิปวิดีโอที่มีการตัดต่อภาพเหตุการณ์
เริ่มจากการรายงานข่าวจากช่อง 7 กรณีพบผู้เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน
1 รายที่ถูกมัดแล้วโยนทิ้งลงไป
จากนั้นเป็นภาพเจ้าหน้าที่ทหารใช้กำลังสลายการชุมนุมในช่วงเช้ามืด
ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นสถานที่ใด
และเป็นภาพทหารใช้เชือกมัดชายร่างท้วมคนหนึ่งพร้อมกับเข้ามาเตะและใช้ไม้หวด
หลายครั้ง ก่อนจะตัดมาเป็นภาพชายไม่สวมเสื้อถูกมัดมือไพล่หลัง
และจบลงด้วยภาพนิ่งของชายที่เสียชีวิตจากรายงานข่าวของช่อง 7
มาเปรียบเทียบกับชายที่ถูกทหารจับมือไพล่หลังและภาพชายไม่สวมเสื้อถูกจับมือ
มัดไพล่หลังนอนคว่ำหน้าบนท้องถนนว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เสียชีวิตจาก
เหตุการณ์สลายชุมนุม



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฉายคลิปวิดีโอเสร็จ นายวรวัจน์ได้นำรูปชาย 1
คน โดยอ้างว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในเหตุการณ์
โดยอยู่บนรถยีเอ็มซีที่ขนศพผู้เสียชีวิตประมาณ 10
คนที่เตรียมไปจังหวัดลพบุรี และได้กระโดดหนีออกมา จึงมาให้ข้อมูล
พร้อมทั้งถามว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สื่อมวลชนและกรรมการสิทธิจะเข้า
มาตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมทั้งขอเปิดคลิปวิดีโอ



ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกจุดได้เริ่มเมื่อเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 13
เมษายน ซึ่งได้เข้าดำเนินการตลอดทั้งวัน และเลิกปฏิบัติการในเวลา 17.00 น.
ส่วนกรณีที่มีการระบุผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย
ภรรยาผู้ตายยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ เราเป็นสมาชิกด้วยกัน
ควรพูดบนพื้นฐานของความจริง ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานวันเวลาชัดเจน
สามารถตรวจสอบได้
พร้อมจะให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทุกกรณีในการปฏิบัติการครั้งนี้
หากมีอะไรสงสัยต้องทำให้เกิดความชัดเจน เรื่องนี้ไม่มีใครบิดเบือนได้
รวมทั้งเรียกร้องให้กรรมาธิการทั้ง 2
สภาตรวจสอบอีกทางเพื่อนำมาเปรียบเทียบ
ส่วนการนำภาพต่างๆมาชี้แจงก็ไม่อยากให้เกิดการโต้แย้ง
เพราะประชาชนจะเข้าใจผิด



จากนั้นนายวรวัจน์ได้นำภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมมาโชว์ใน
ห้องประชุม เป็นภาพชายถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกที่ใช้ในราชการทหาร
โดยยืนยันว่าจนถึงวันนี้มีการทำลายหลักฐานหมดแล้ว
จึงไม่สามารถหาหลักฐานได้
หากอยากรู้ว่ามีคนตายจริงไม่ก็พร้อมจะเปิดคลิปวิดีโอในการชี้แจง
อยากเรียกร้องให้รัฐบาลอย่าปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร
เพราะรัฐบาลพูดมาตลอดว่าไม่มีคนตาย



มาถึงตรงนี้นายสุเทพลุกขึ้นชี้แจงว่า
พร้อมจะให้ความร่วมมือพิสูจน์ความเป็นจริงทุกประการ
ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รัฐบาลพร้อมให้ความกระจ่าง
ต้องการให้ตรวจสอบเรื่องไหนรัฐบาลก็พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความ
กระจ่างทุกเรื่อง ทุกประเด็น
ยืนยันว่าไม่มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว



ขณะที่นายวรวัจน์กล่าวว่า ใครจะกล้าเอาหลักฐานไปให้รัฐบาล
เพราะไม่มีความจริงใจ แค่เปิดคลิปก็ไม่ได้แล้ว ต่อมานายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
การเปิดคลิปหรือไม่เปิดเป็นข้อตกลงของสภา แต่มี 2
ประเด็นหลักที่ต้องการชี้แจง
คือการตายของประชานที่ถูกกล่าวหาว่าตนไม่มีความเอาใจใส่ไม่เป็นความจริง
เพราะครั้งแรกที่มีการพบศพที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไป
ตรวจสอบและรายงานเข้ามา ซึ่งจากการรายงานพบว่าคืนวันที่ 13 เมษายน
ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ เป็นข้อมูลที่รายงานมา
จึงไม่เชื่อว่าเป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพราะเลยจากวันที่ 13
ไปแล้วเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการปฏิบัติการสลายการชุมนุม
หากมีข้อมูลการเสียชีวิตก็หาข้อมูลเพิ่มเติมมาร้องที่รัฐบาลได้
ส่วนภาพทางการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ที่ดินแดง
ยืนยันว่ามีใครเห็นภาพอย่างนั้นแล้วก็ไม่สบายใจ
เมื่อเสนอภาพเหล่านี้มาก็รับไปและเสนอ ผบ.ทบ. ว่าเห็นภาพหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการดำเนินการสอบสวนต่อไป หากไม่มั่นใจในฝ่ายบริหาร
องค์กรที่เป็นกลาง ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้
หากมีการใช้กำลังก็ต้องสอบเพื่อจะได้แก้ไขปัญหาต่อไป



นายสุเทพกล่าวว่า ที่บอกว่าคนตายคนเป็นการ์ด นปช.
แต่จากบันทึกคำให้การของภรรยาเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่
สน.จตุจักร
ภรรยาผู้ตายยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นการ์ดหรือมาร่วมชุมนุมกับคนทั้งเสื้อแดง
และเหลืองเลย และในบ้านไม่มีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นคนเสื้อเหลืองหรือแดง



ขณะที่นายวรวัจน์ได้ขึ้นสวนทันที
พร้อมกับชูภาพว่านายสุเทพพูดแค่ครึ่งเดียว พูดไม่หมด
จากนั้นได้ชูภาพผู้เสียชีวิตซึ่งใส่เสื้อแดงร่วมกับการชุมนุมในวันที่ 12
เมษายน ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ และกลางวันวันที่ 13 เมษายนก็ยังมีชีวิตอยู่
แต่คืนวันที่ 13 เมษายนไม่มีใครพูดว่ามีชีวิตหรือไม่



จากนั้นนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย
ขอหารือกับประธานเพื่อต้องการเปิดคลิปวิดีโอให้เกิดความกระจ่าง
ซึ่งยังเหลืออยู่ม้วนเดียว จึงอยากให้ประธานถามสมาชิกว่าต้องการดูหรือไม่



ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
การอภิปรายที่ผ่านมาฟังแล้วคิดว่านายสุเทพเป็นพ่อพระเกินไปและเป็นมือปราบ
โจรไม่ได้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายค้านพยายามหากินกับศพ
ทำไมรัฐบาลไม่ชี้แจง ผลตรวจสอบว่าผู้ตายได้ทำการตอกบัตรการปฏิบัติหน้าที่
รปภ. ในช่วง 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม
ขณะที่ฝ่ายค้านอ้างว่าเป็นเวลาที่ไปขึ้นเวทีเป็นการ์ดให้ นปช.
และข้อเท็จจริงมีการพบศพผู้ตายในเวลา 7 โมงเช้าของวันที่ 15 เมษายน
ทั้งๆที่เหตุการณ์ได้จบลงแล้ว
และภาพที่ผู้ตายมีเชือกใช้ในราชการทหารมัดหลังก็เป็นเพียงเชือกพลาสติกสีฟ้า
อีกทั้งคลิปวิดีโอที่มีภาพทหารรุมทำร้ายชายใส่เสื้อดำก็เป็น 9 แกนนำ นปช.
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในการปราบจลาจลที่ต้องมีการใช้กำลัง



อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเชื่อว่าไม่มีคนตาย
ผิดกับกรณีการยิงประชาชนที่กรือเซะ ยังไม่เห็นสมาชิกคนไหนขอเปิดดูคลิป
เสมือนว่าผู้เสนอมาอยากจะหากินกับศพ ในการพูดจับแพะชนแกะ นำข่าวลือมาพูด
ขอร้องว่าหยุดหากินกับศพคนตายได้แล้ว
หากผู้ตายเป็นฝีมือของทหารจริงต้องมีหลายแผล
แต่ที่ศพมีบาดแผลเดียวที่ศีรษะ
อย่าเอามาเป็นประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่ดูข้อเท็จจริงและพยายามทำให้รัฐบาล
มือเปื้อนเลือด การกระทำของกลุ่มเสื้อแดงทำให้คนตกงานเพิ่มถึง 2 ล้านคน
รัฐบาลไม่มีเงินจะไปอุ้ม
การอ้างว่าคนส่วนใหญ่ต้องเสียสละเพื่อระบอบประชาธิปไตย
อยากถามว่าประชาธิปไตยแบบไหนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายแบบนี้
อย่าปล่อยให้ความวุ่นวายต้องทำให้คนทั้งประเทศมาตกนรก



นายวรวัจน์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้หากินกับศพ
คนตายเป็นคนจังหวัดแพร่ที่เป็น ส.ส. อยู่
และคำให้การของภรรยาขัดแย้งกับข้อมูลของรัฐบาล เพราะภรรยาผู้ตายถูกข่มขู่
แต่ญาติพี่น้องของผู้ตายยืนยันว่าไปร่วมชุมนุมจริงและมีภาพประกอบอย่าง
ชัดเจน ยืนยันว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน
พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปิดคลิปวิดีโออีกครั้งจะได้เห็นความจริงและ
พฤติกรรมของรัฐบาล หากไม่มีความสามารถก็ลาออกไป
พวกตนมีความสามารถที่จะทำแทนได้



นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน



ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย



จากเหตุการณ์พี่น้อง 20 กว่าจังหวัดลุกขึ้นมาชุมนุมตามศาลากลางจังหวัดบ้าง
ตามถนนบ้าง อยู่ดีๆเขาคงไม่มาหรอก เพราะเป็นฤดูทำไร่ทำนา
มาชุมนุมใหญ่รัฐบาลต้องให้ความสนใจ
ผมเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ไปจังหวัดลำปาง พี่น้องประชาชนบอกว่าอย่าไป
เพราะไปไม่ได้ มีพี่น้องเสื้อแดงปิดถนนที่ดอยขุนตาล
ซึ่งเป็นทางไปจังหวัดลำปาง แต่ผมต้องไป อีกอย่างอยากทราบว่าปิดถนนทำไม
พอไปถึงก็ถามพี่น้องที่ปิดถนนที่ดอยขุนตาล
เขาบอกว่ามีญาติพี่น้องมาชุมนุมที่ทำเนียบ ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย
เพราะทหารกำลังจะสลายการชมุนุม เป็นห่วง แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน
จะไปศาลากลางจังหวัดก็ไม่มีคนอยู่ เพราะปิดราชการ
จึงมาปิดถนนเผื่อรัฐบาลจะเหลียวแลและรับฟังความเดือดร้อนของชาวเชียงใหม่และ
ลำพูนบ้าง ชาวบ้านถามว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ผมในฐานะนักการเมืองภาคเหนือก็ปราศรัยว่าเหตุการณ์ไปถึงขนาดนี้แล้ว
มีการยิงกัน ทำร้ายร่างกายกัน บอกว่ามีการเสียเลือด พี่น้องไม่ต้องห่วง
รัฐบาลไปแน่


ขณะนี้มีคนมีบารมี มีอำนาจ คือนายเนวิน (ชิดชอบ)
และนายสุเทพช่วยให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ผมบอกไปว่าทั้ง 2 คนนี้
ไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายขนาดไหนก็ถอยไม่ได้ ถ้าเขาถอยจะไปถึงคนอีกคนหนึ่ง
คนคนนั้นยอมไม่ได้ ก็บอกให้พี่น้องทำใจ เขาไม่ถอยหรอก เดี๋ยวเขาก็ปราบ
ผมพูดแค่นี้ก็มีหมายจับ พี่น้องชาวเชียงรายไม่ต้องห่วงผม
ผมอยู่ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ให้มันมาจับผมที่นี่
ผมจะไม่มอบตัวกับรัฐบาลที่มีความประพฤติเยี่ยงโจรเด็ดขาด ให้มาจับผมที่นี่




นายสุเทพพูดถึงเรื่องรถแก๊สหลายครั้งเหมือนเพิ่งรู้ว่าไปตรงไหน มาตรงไหน
และไปเติมแก๊สมา 8 ตัน 5 ตัน ที่ถนนเพชรบุรีที่เกิดเหตุ เขาบรรจุแก๊ส 1.5
ตันเท่านั้น ความเสียหายมหาศาล
ตรงนั้นรถแก๊สเป็นไฮไลท์ของภาพที่สมอ้างสมจริงของสภาวะฉุกเฉินร้ายแรง
เพราะถ้าไม่มีสถานการณ์ที่ไม่ร้ายแรงก็ไม่สมอ้าง จำได้หรือไม่สมัยนายสมัคร
(สุนทรเวช) ประกาศภาวะฉุกเฉินก็มีคนทำให้
ดูทีวี.อยู่จะรู้เลยว่าท่านทำให้เผา ให้คนไปตายไง
เดี๋ยวนายสุเทพชี้แจงให้ดีว่าคนเสื้อแดงไปเอารถมาจากไหน
และตอนนี้ที่จับได้ชื่ออะไร แจ้งความที่โรงพักไหน
คนเสื้อดำเป็นใครที่คุมและบัญชาการตรงนั้น
แล้วคนที่ใส่เสื้อแดงแต่งตัวทะมัดทะแมงพร้อมรบ



ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแก๊สบอกว่าวาล์วที่เปิดเห็นพวยพุ่งออกมานิดหน่อย
ถ้าจุดไฟก็ไม่ติด เขาบอกว่าถ้ามี 8 ตันจริงมันจะพวยพุ่งจนมองไม่เห็น
ผมจะไม่บอกว่าท่านสร้างฉากหรือเปล่า แต่ท่านต้องจับและดำเนินคดี
เพราะตรงนี้ถ้าระเบิดจะยิ่งกว่าตึกเวิลด์เทรด ผมถามนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์
ที่แจกเสื้อน้ำเงินไปทั่วประเทศว่าปกป้องสถาบันอะไร
ท่านบอกว่าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ น่าเป็นห่วงนะครับ
หรือว่าท่านเอาสถาบันมาห่อมาห่มตัวท่าน ท่านคิดดีครับ ท่านต้องทำดีด้วย
อย่าแอบอ้างแอบอิงแล้วสร้างผลงาน


ผลงานอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ใส่เสื้อถือกระบองแล้วยิงหนังสติ๊ก
มีคนถูกยิงหลายคนที่พัทยา ด้วยความปรารถนาดี
ท่านจะสร้างกระแสมวลชนอย่างไงก็ตามอย่าทำอย่างนี้ จะพิมพ์เสื้อ
จะปั๊มเสื้อองค์กรใดๆก็ตามอย่าใส่ไป
หรือใส่ครึ่งๆกลางๆจะทำให้ประชาชนสับสน


ส่วนอีกภาพเป็นการเตรียมไม้ใส่รถไปให้พวกเดียวกัน สุดท้ายตอนตี 4
ที่สามเหลี่ยมดินแดง ณ เวลานั้นมีคนเสื้อแดงอยู่ไม่ถึง 30-40 คน
ทหารยิงแก๊สน้ำตามาลูกแรกคนก็แตกฮือ ลูกที่สอง ลูกที่สาม
มีคนเสื้อแดงวิ่งสวนแก๊สน้ำตาเข้าไป ส่วนทหารก็ถูกยิงล้มคนที่สอง คนที่สาม
คนที่สี่ มีพระสงฆ์องค์หนึ่งอยู่ในเหตุการณ์
ท่านถอดจีวรออกแล้ววิ่งเข้าไปเพื่อห้ามปรามและช่วยเหลือคนที่ถูกยิงล้มลงไป
แล้วทหารก็เข้าไปอยู่ในแนวหลัง พระเดินมาบิณฑบาตร
จะเข้าไปช่วยเหลือแต่ช่วยไม่ได้ ทหารกันออกมา
พระสงฆ์องค์นี้จึงมอบบาตรให้ลูกศิษย์แล้วเดินทางไปที่เวทีทำเนียบรัฐบาลตอน
เช้า ไปบอกว่าพระสงฆ์ถูกฆ่า


ผมมาบอกข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลติดตามนำศพของพระสงฆ์ชื่อพระสุริยา
จิตตะสุทโธ นี่คือหนังสือสวดมนต์ของท่าน ไม่ใช่พระปลอม ในย่ามมีบาตร
พระสงฆ์นั้นถ้าห่างจากบาตรหรือไกลจากบาตรมี 2 ประเด็นคือ 1.ตายไปแล้ว และ
2.ลาสิกขาบท ผมไม่โทษทหาร ไม่โทษผู้ปฏิบัติการ ผมไม่โทษ
แต่คนสั่งการอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่ได้หรือ


ท่านยังมีเวลาอีกนิดหน่อยท่านอภิสิทธิ์ ท่านไม่ต้องไปถามนายสุเทพ
แต่กลับไปถามครอบครัว ลูก ภรรยา
ว่าจะตัดสินใจอย่างไรกับเหตุการณ์ที่มันเดินมาอย่างนี้
สักวันหนึ่งลูกท่านอาจจะมาถามว่า “พ่อจ๊ะ พ่อจ๋า พ่อฆ่าพระจริงหรือไม่
หรือสั่งการจริงหรือเปล่า เพราะเพื่อนที่โรงเรียนถามมา”
ฝากนายอภิสิทธิ์ด้วยความปรารถนาดีว่าอายุพอๆกันยังมีเวลาอีกนาน คุณสมบัติ
คุณลักษณะของท่านก็โดเด่น รูปหล่อ บุคลิกดี มีเวลา มีโอกาส
ขอให้ท่านตัดสินใจลาออกจากนายกรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น: